ชัชชาติ ไม่รู้ลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ กับใคร ชี้เลือกผู้ว่าฯ กทม.เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหญ่
ชชาติ ไม่รู้ลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ กับใคร ชี้เลือกผู้ว่าฯ กทม.เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหญ่
เมื่อเวลา 12.48 น. วันที่ 24 มิถุนายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขึ้นกล่าวปัจฉิมกถา ในวาระ 90 ปี ประชาธิปไตยไทย ภายใต้หัวข้อ “90 ปี ประชาธิปไตย ก้าวต่อไปของประชาชน : ประสบการณ์ประชาธิปไตยผ่านมุมมองการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.” โดยมี ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์,ศ.พิเศษ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้การต้อนรับ ที่ห้องคุณหญิงพูนสุข พนมยงค์ วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
นายชัชชาติ กล่าวว่า เป็นน้องใหม่เกือบล่าสุดในระบอบประชาธิปไตย ส่วนน้องใหม่กว่า คือ นายกเมืองพัทยา เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้การรับรองทีหลัง แต่ปฏิสนธิพร้อมกันเมื่อ 22 พฤษภาคม 2565
“พูดถึงเรื่อง 90 ปี ประชาธิปไตย มันเครียด มีแต่เรื่องที่หดหู่ หมดความหวัง เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีความหวัง ถึงเวลาของคนรุ่นใหม่ต้องรับคบเพลิงต่อ 1.38 ล้านคะแนน ที่ได้มา เป็นความคิดของคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่เป็นการเมืองแบบเก่า อยากจะฝากน้องรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยไม่ได้น่ากลัว การเลือกตั้งอาจจะเป็นเรื่องของนักการเมือง ผมไม่ได้เป็นนักการเมืองจ๋าตอนที่มาสมัครผู้ว่า กทม. ผมเชื่อว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนโฉมนักการเมืองอาชีพ ไปสู่คนที่เป็นนักคิด สร้างความหวัง” นายชัชชาติ กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า 3 ปีที่แล้ว ตอนที่ตนยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
“ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ เพราะไม่รู้ว่าจะไปลาออกจากใคร ไม่รู้ยื่นใบลาออกกับใคร เป็น 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แต่ลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ตำแหน่งหลังไม่มีเงินเดือน” นายชัชชาติ กล่าวและว่า ออกมา 3 ปี ก็ตัดสินใจว่า เป็นอิสระแน่นอน ก็เลยมาทำผู้ว่าฯ กทม. เริ่มฟอร์มทีมกัน 3-4 คน
“ตั้ง 3 คำถาม 1.เราเข้าใจสิ่งที่ทำจริงไหม นักการเมืองต้องคิดว่า กทม.มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 80,000 คน ทำเรื่องนี้มาตลอดชีวิต คุณจะมาเป็นผู้นำ คุณเข้าใจเรื่องกวาดถนนดี เท่ากับเจ้าหน้าที่ของ กทม.หรือยัง คุณเข้าใจเรื่องระบายน้ำ ขยะ การจราจร ฝุ่นพิษ เท่ากับคนที่อยู่หรือยัง การเมืองเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ฉันอยากมาเล่นการเมือง คือ เรื่องเทคนิคที่คุณต้องเข้าใจระดับหนึ่ง คุณต้องเข้าใจมากกว่าหรือเท่ากับคนที่ประจำอยู่แล้ว แต่การเมืองที่ผ่านมา บางทีไม่ได้เป็นแบบนั้น กูอยากเล่นการเมือง กูก็มีคะแนนเสียงได้ ชนะได้ แต่ไม่เคยมองด้านเทคนิคว่า เรามีความสามารถหรือเปล่า” นายชัชชาติ กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า 2.แคมเปญยัง Revelant กับโลกอนาคตอยู่หรือไม่ เราเอาวิธีการเมื่อ 20 ปีที่แล้ว การซื้อเสียง การโหวตเป็นกลุ่ม การไม่คิดถึง Agenda (วาระ) ในอนาคต 3.เราสนุกกับการทำไหม ในห้องจะมีป้ายติดเลยว่า “สนุก” การเมืองไม่ใช่เรื่องของความหดหู่ เป็นเรื่องของความหวัง
“นั้นหน้าที่เรา ไม่ได้ Create Fear แต่เรา Create Hope ผมบอกจะเป็นผู้นำแห่งความหวังให้เรา ผมไม่เคยพูดว่า อย่าไปเลือกคนนี้นะ ไอ้นี้น่ากลัว ไม่เคยพูด แต่เลือกเรา เพราะเรา คือ Hope” นายชัชชาติ กล่าวและว่าหน้าที่เราไม่ได้สร้างความกลัว แต่สร้างความหวัง ตนบอกว่าจะเป็นผู้นำแห่งความหวัง เลือกเราเพราะเราคือความหวัง ดังนั้น ประชาธิปไตยในอนาคตไม่ได้น่ากลัว เด็กรุ่นใหม่ทุกคนทำได้ มีความสามารถทั้ง 3 เรื่องแน่นอน
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีโอกาสเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหญ่ ทั้งวิธีคิด วิธีรวบรวมอาสาสมัครเข้าด้วยกัน
“เราเริ่มจากการเป็นอิสระ เราสามารถเลือกผู้เชี่ยวชาญมาได้ เราเริ่มเดิน 10 คน แต่ตอนจบแคมเปญเรามีอาสาสมัครหมื่นคน มี community network 1,800 คน มีอาสาสมัครหมู่บ้าน 3,500 คน มี expert 100 กว่าคน ทั้ง 18 ด้าน คนที่มาหาทางออกให้เมือง เรารู้ไม่น้อยกว่าคนใน กทม.ออกนโยบายที่ไม่เด๋อ ไม่เชย และครอบคลุมทุกเรื่องได้ นี่คือการเมืองยุคใหม่ที่มาด้วยเนื้อหา และมาด้วย solution” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เรามีวิธีหลายๆ อย่าง เช่น สภากาแฟ แม้เรารู้ว่าการทำดิจิทัล แต่อนาล็อกก็จำเป็น สภากาแฟให้คนมาคุยกันในแต่ละมิติว่าปัญหาแต่ละย่านเป็นอย่างไร เรามีนโยบายหลายร้อยข้อ แต่ก่อนเรามีนโยบายไม่กี่นโยบายที่สำคัญ เช่น โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค แต่โลกอนาคต และประชาธิปไตยในอนาคต เรามี niche market เยอะ ต้องมี solution ที่ตอบโจทย์ทุกคนได้ นี่คือ แคมเปญของคนรุ่นใหม่ ซึ่งทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่คิด บางทีคนรุ่นเก่าคิดเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องการสื่อสารทางการเมือง ป้ายหาเสียง โบรชัวร์ที่เป็นหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่เป็นแผนพับ พอเอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยทำการเมือง ไม่มีกรอบเก่า ไม่มีโมเดลเก่าอยู่ในสมอง เลยคิดฟุ้ง และการเมือง เป็นประชาธิปไตยที่สนุก คนรุ่นเก่าคิดไม่ได้
© Matichon ภาพประกอบข่าวผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่นโยบายมี 214 ข้อ มีคนถามว่า ทำได้หรือไม่ นโยบาย นาทีนี้โคตรดีใจที่มี 214 นโยบาย สามารถทำได้เลย เทรนด์ของการเมืองโลกต้องมีนโยบายที่ละเอียด ให้คนศึกษานโยบาย ต้องออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์ทุกคนได้ บางคนต้องการเรื่องหมา แมวจรจัด บางคนต้องการเรื่องผ้าอนามัยเด็ก บางคนต้องการด้านจิตวิทยา โลกปัจจุบันมีความสามารถเพียงพอที่จะดูแลนโยบายจำนวนมากได้ เพราะหาทุกอย่างผ่านอินเตอร์เน็ตได้
“ซึ่งเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ที่ต้องคิด นักการเมืองรุ่นเก่าคิดนโยบายละเอียดอย่างนี้ยาก เพราะต้องมีความรู้จริงๆ ถึงจะทำนโยบายละเอียดได้” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า อนาคตการเมืองเปลี่ยนไป ต้องมีเทคนิค มีนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนมากขึ้น ทำงานหนักมากขึ้น จะมาคิดว่าพูดง่ายๆ สัญญาไปเถอะเดี๋ยวคนก็ลืม ทำได้ไม่ได้ช่างมัน ไปตายดาบหน้า แบบนี้หมดยุคแล้ว การชัยชนะเลือกตั้ง ไม่ได้ดีใจ เป็นคำสั่งที่ให้ตนไปทำงาน เป็นตัวแทนของคนที่สมัครเลือกตั้ง เราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนมาอยู่ตรงนี้ได้ ก็คือประชาธิปไตย ไม่มีทางที่มาอยู่ตรงนี้ได้ถ้าไม่เป็นระบบประชาธิปไตย
“และคิดว่าเรามาแบบคนเดียว มาด้วยความรู้ ด้วยทีมงาน ด้วย solution ที่แก้ปัญหาเมืองได้ อันนี้คือความหวัง การเมืองไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ประชาธิปไตยในอนาคตเป็นเรื่องความรู้ ความสามารถ เทคโนโลยี ขอให้คนรุ่นใหม่มาร่วมกันเยอะๆ พวกเราเปลี่ยนเมืองได้ ทำกรุงเทพฯ วันนี้ ทำให้คนรุ่นใหม่ เพราะเป็นคนที่ใช้เมืองนี้นานที่สุด และอย่าเป็นคนที่รับ solution แต่เป็นคนที่สร้าง solution ให้เมืองด้วย ความสวยงามของประชาธิปไตย ไม่มีใครมาสั่งได้ อนาคตจะเข้มแข็งขึ้น เทคโนโลยีจะชนะ ความโปร่งใสเข้ามาด้วยเทคโนโลยี หวังว่าการเข้ามาของผม จะจุดประกายความหวังให้คนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง” นายชัชชาติ กล่าว
https://www.msn.com/th-th/news/national/ชัชชาติ-ไม่รู้ลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ-กับใคร-ชี้เลือกผู้ว่าฯ-กทมเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหญ่/ar-AAYOBj4?li=BB16vLIq
ชัชชาติ เผย ยังเป็น(( (แคนิแดดนายกรัฐมนตรีของ พรรคเพื่อไทยอยู่)))
ชชาติ ไม่รู้ลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ กับใคร ชี้เลือกผู้ว่าฯ กทม.เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหญ่
เมื่อเวลา 12.48 น. วันที่ 24 มิถุนายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขึ้นกล่าวปัจฉิมกถา ในวาระ 90 ปี ประชาธิปไตยไทย ภายใต้หัวข้อ “90 ปี ประชาธิปไตย ก้าวต่อไปของประชาชน : ประสบการณ์ประชาธิปไตยผ่านมุมมองการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.” โดยมี ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์,ศ.พิเศษ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้การต้อนรับ ที่ห้องคุณหญิงพูนสุข พนมยงค์ วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
นายชัชชาติ กล่าวว่า เป็นน้องใหม่เกือบล่าสุดในระบอบประชาธิปไตย ส่วนน้องใหม่กว่า คือ นายกเมืองพัทยา เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้การรับรองทีหลัง แต่ปฏิสนธิพร้อมกันเมื่อ 22 พฤษภาคม 2565
“พูดถึงเรื่อง 90 ปี ประชาธิปไตย มันเครียด มีแต่เรื่องที่หดหู่ หมดความหวัง เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีความหวัง ถึงเวลาของคนรุ่นใหม่ต้องรับคบเพลิงต่อ 1.38 ล้านคะแนน ที่ได้มา เป็นความคิดของคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่เป็นการเมืองแบบเก่า อยากจะฝากน้องรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยไม่ได้น่ากลัว การเลือกตั้งอาจจะเป็นเรื่องของนักการเมือง ผมไม่ได้เป็นนักการเมืองจ๋าตอนที่มาสมัครผู้ว่า กทม. ผมเชื่อว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนโฉมนักการเมืองอาชีพ ไปสู่คนที่เป็นนักคิด สร้างความหวัง” นายชัชชาติ กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า 3 ปีที่แล้ว ตอนที่ตนยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
“ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ เพราะไม่รู้ว่าจะไปลาออกจากใคร ไม่รู้ยื่นใบลาออกกับใคร เป็น 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แต่ลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ตำแหน่งหลังไม่มีเงินเดือน” นายชัชชาติ กล่าวและว่า ออกมา 3 ปี ก็ตัดสินใจว่า เป็นอิสระแน่นอน ก็เลยมาทำผู้ว่าฯ กทม. เริ่มฟอร์มทีมกัน 3-4 คน
“ตั้ง 3 คำถาม 1.เราเข้าใจสิ่งที่ทำจริงไหม นักการเมืองต้องคิดว่า กทม.มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 80,000 คน ทำเรื่องนี้มาตลอดชีวิต คุณจะมาเป็นผู้นำ คุณเข้าใจเรื่องกวาดถนนดี เท่ากับเจ้าหน้าที่ของ กทม.หรือยัง คุณเข้าใจเรื่องระบายน้ำ ขยะ การจราจร ฝุ่นพิษ เท่ากับคนที่อยู่หรือยัง การเมืองเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ฉันอยากมาเล่นการเมือง คือ เรื่องเทคนิคที่คุณต้องเข้าใจระดับหนึ่ง คุณต้องเข้าใจมากกว่าหรือเท่ากับคนที่ประจำอยู่แล้ว แต่การเมืองที่ผ่านมา บางทีไม่ได้เป็นแบบนั้น กูอยากเล่นการเมือง กูก็มีคะแนนเสียงได้ ชนะได้ แต่ไม่เคยมองด้านเทคนิคว่า เรามีความสามารถหรือเปล่า” นายชัชชาติ กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า 2.แคมเปญยัง Revelant กับโลกอนาคตอยู่หรือไม่ เราเอาวิธีการเมื่อ 20 ปีที่แล้ว การซื้อเสียง การโหวตเป็นกลุ่ม การไม่คิดถึง Agenda (วาระ) ในอนาคต 3.เราสนุกกับการทำไหม ในห้องจะมีป้ายติดเลยว่า “สนุก” การเมืองไม่ใช่เรื่องของความหดหู่ เป็นเรื่องของความหวัง
“นั้นหน้าที่เรา ไม่ได้ Create Fear แต่เรา Create Hope ผมบอกจะเป็นผู้นำแห่งความหวังให้เรา ผมไม่เคยพูดว่า อย่าไปเลือกคนนี้นะ ไอ้นี้น่ากลัว ไม่เคยพูด แต่เลือกเรา เพราะเรา คือ Hope” นายชัชชาติ กล่าวและว่าหน้าที่เราไม่ได้สร้างความกลัว แต่สร้างความหวัง ตนบอกว่าจะเป็นผู้นำแห่งความหวัง เลือกเราเพราะเราคือความหวัง ดังนั้น ประชาธิปไตยในอนาคตไม่ได้น่ากลัว เด็กรุ่นใหม่ทุกคนทำได้ มีความสามารถทั้ง 3 เรื่องแน่นอน
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีโอกาสเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหญ่ ทั้งวิธีคิด วิธีรวบรวมอาสาสมัครเข้าด้วยกัน
“เราเริ่มจากการเป็นอิสระ เราสามารถเลือกผู้เชี่ยวชาญมาได้ เราเริ่มเดิน 10 คน แต่ตอนจบแคมเปญเรามีอาสาสมัครหมื่นคน มี community network 1,800 คน มีอาสาสมัครหมู่บ้าน 3,500 คน มี expert 100 กว่าคน ทั้ง 18 ด้าน คนที่มาหาทางออกให้เมือง เรารู้ไม่น้อยกว่าคนใน กทม.ออกนโยบายที่ไม่เด๋อ ไม่เชย และครอบคลุมทุกเรื่องได้ นี่คือการเมืองยุคใหม่ที่มาด้วยเนื้อหา และมาด้วย solution” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เรามีวิธีหลายๆ อย่าง เช่น สภากาแฟ แม้เรารู้ว่าการทำดิจิทัล แต่อนาล็อกก็จำเป็น สภากาแฟให้คนมาคุยกันในแต่ละมิติว่าปัญหาแต่ละย่านเป็นอย่างไร เรามีนโยบายหลายร้อยข้อ แต่ก่อนเรามีนโยบายไม่กี่นโยบายที่สำคัญ เช่น โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค แต่โลกอนาคต และประชาธิปไตยในอนาคต เรามี niche market เยอะ ต้องมี solution ที่ตอบโจทย์ทุกคนได้ นี่คือ แคมเปญของคนรุ่นใหม่ ซึ่งทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่คิด บางทีคนรุ่นเก่าคิดเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องการสื่อสารทางการเมือง ป้ายหาเสียง โบรชัวร์ที่เป็นหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่เป็นแผนพับ พอเอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยทำการเมือง ไม่มีกรอบเก่า ไม่มีโมเดลเก่าอยู่ในสมอง เลยคิดฟุ้ง และการเมือง เป็นประชาธิปไตยที่สนุก คนรุ่นเก่าคิดไม่ได้
© Matichon ภาพประกอบข่าวผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่นโยบายมี 214 ข้อ มีคนถามว่า ทำได้หรือไม่ นโยบาย นาทีนี้โคตรดีใจที่มี 214 นโยบาย สามารถทำได้เลย เทรนด์ของการเมืองโลกต้องมีนโยบายที่ละเอียด ให้คนศึกษานโยบาย ต้องออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์ทุกคนได้ บางคนต้องการเรื่องหมา แมวจรจัด บางคนต้องการเรื่องผ้าอนามัยเด็ก บางคนต้องการด้านจิตวิทยา โลกปัจจุบันมีความสามารถเพียงพอที่จะดูแลนโยบายจำนวนมากได้ เพราะหาทุกอย่างผ่านอินเตอร์เน็ตได้
“ซึ่งเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ที่ต้องคิด นักการเมืองรุ่นเก่าคิดนโยบายละเอียดอย่างนี้ยาก เพราะต้องมีความรู้จริงๆ ถึงจะทำนโยบายละเอียดได้” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า อนาคตการเมืองเปลี่ยนไป ต้องมีเทคนิค มีนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนมากขึ้น ทำงานหนักมากขึ้น จะมาคิดว่าพูดง่ายๆ สัญญาไปเถอะเดี๋ยวคนก็ลืม ทำได้ไม่ได้ช่างมัน ไปตายดาบหน้า แบบนี้หมดยุคแล้ว การชัยชนะเลือกตั้ง ไม่ได้ดีใจ เป็นคำสั่งที่ให้ตนไปทำงาน เป็นตัวแทนของคนที่สมัครเลือกตั้ง เราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนมาอยู่ตรงนี้ได้ ก็คือประชาธิปไตย ไม่มีทางที่มาอยู่ตรงนี้ได้ถ้าไม่เป็นระบบประชาธิปไตย
“และคิดว่าเรามาแบบคนเดียว มาด้วยความรู้ ด้วยทีมงาน ด้วย solution ที่แก้ปัญหาเมืองได้ อันนี้คือความหวัง การเมืองไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ประชาธิปไตยในอนาคตเป็นเรื่องความรู้ ความสามารถ เทคโนโลยี ขอให้คนรุ่นใหม่มาร่วมกันเยอะๆ พวกเราเปลี่ยนเมืองได้ ทำกรุงเทพฯ วันนี้ ทำให้คนรุ่นใหม่ เพราะเป็นคนที่ใช้เมืองนี้นานที่สุด และอย่าเป็นคนที่รับ solution แต่เป็นคนที่สร้าง solution ให้เมืองด้วย ความสวยงามของประชาธิปไตย ไม่มีใครมาสั่งได้ อนาคตจะเข้มแข็งขึ้น เทคโนโลยีจะชนะ ความโปร่งใสเข้ามาด้วยเทคโนโลยี หวังว่าการเข้ามาของผม จะจุดประกายความหวังให้คนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง” นายชัชชาติ กล่าว
https://www.msn.com/th-th/news/national/ชัชชาติ-ไม่รู้ลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ-กับใคร-ชี้เลือกผู้ว่าฯ-กทมเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหญ่/ar-AAYOBj4?li=BB16vLIq