ไทยป่วยโควิดเพิ่ม 2,299 เสียชีวิต 18 รักษาเคสปอดอักเสบ 602 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3415088
 
 
ไทยป่วยโควิดเพิ่ม 2,299 เสียชีวิต 18 รักษาเคสปอดอักเสบ 602 ราย
 
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อประจำวัน ไว้ดังนี้
 
ผู้ป่วยใหม่ จำนวน 2,299 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,294 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 5 ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,283,793 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
ขณะที่ หายป่วยกลับบ้าน 1,783 ราย หายป่วยสะสม 2,286,541 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 21,650 ราย
เสียชีวิต 18 ราย เสียชีวิตสะสม 8,845 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 602 ราย
 
*เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
 
#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูลCOVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ

---

มาม่า ขึ้นราคาซองละ 1 บาทอาจไม่พอ เจ้าสัวสหพัฒน์ประเมินต้นทุนเพิ่ม
https://www.prachachat.net/marketing/news-960855
 
เจ้าสัวสหพัฒน์ ประเมิน “มาม่า” ขึ้น 1 บาทต่อซอง อาจไม่พอ หลังต้นทุนวัตถุดิบบานปลาย
 
วันที่ 22 มิถุนายน 2565 นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าเอฟเฟ็กต์จากสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ กระทบราคาวัตถุดิบกลุ่มสินค้าบะหมี่สำเร็จรูป แป้งสาลี น้ำมันปาล์ม และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
 
ดังนั้น ต้องขอความความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ปรับขึ้นราคา ซึ่งการปรับขึ้นราคา 1 บาท ต่อซอง อาจไม่พอ เพราะการขึ้น 1 บาท นั้นเป็นสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ภาวะต้นทุนรุนแรงขึ้นมาก
 
“คาดว่ากระทรวงพาณิชย์อาจยังไม่พิจารณาเวลานี้ คงต้องรอให้ผ่านช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปก่อน”
 
นอกจาก “มาม่า” แล้ว ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่อยู่ในพอร์ตสหพัฒน์ มีต้นทุนสูงขึ้น ก็ได้ขอกระทรวงพาณิชย์ในการปรับราคาสินค้าเช่นกัน ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่ใช่สินค้าควบคุมเริ่มปรับขึ้นแล้ว แต่ไม่มาก เพื่อรองรับกำลังซื้อผู้บริโภค
 
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า หากภาครัฐควบคุมการขึ้นราคาสินค้าเป็นระยะเวลานาน จะเกิดอะไรขึ้น ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า มีโอกาสที่สินค้าจะขาดแคลน เพราะวัตถุดิบขึ้นราคา ซึ่งผู้ผลิตอาจลดกำลังการผลิตลงหรือชะลอการผลิต ท้ายที่สุดสินค้าอาจขาดตลาดได้
 
อย่างไรก็ตาม อนาคตสินค้าจะแพง จากนี้สหพัฒน์พยายามพัฒนาสินค้าให้ราคาถูกลง แพ็กเกจจิ้งต้องเปลี่ยน และต้องศึกษาระบบซัพพลายเชน ต้องคิดและปรับตัวอยู่ตลอดเวลา 
 

---

 
ชาวเน็ตวิจารณ์หนัก #เตามหาเศรษฐี ชี้รัฐผลักภาระให้ประชาชน
https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-960666
 
โซเชียล ติดแฮชแท็ก #เตามหาเศรษฐี วิจารณ์กระทรวงพลังงานให้ใช้เตาถ่านแทนแก๊ส ชี้ผลักภาระให้ประชาชน ด้าน “ถ่าน” ปรับขึ้นราคา
 
วันที่ 22 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กระทรวงพลังงาน ได้นำเสนอให้ประชาชนที่สนใจ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และในวิถีชนบทได้หันมาใช้ “เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง” หรือ “เตาซูเปอร์อั้งโล่” เพื่อเป็นทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ในภาวะวิกฤตกลุ่มเชื้อเพลิงน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม มีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง
 
ในโลกโซเชียล โดยเฉพาะในทวิตเตอร์วันนี้ (22 มิ.ย.) ยังคงมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นผ่านแฮชแท็ก #เตามหาเศรษฐี โดยความเห็นบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีดังกล่าว เนื่องจากมองว่า เป็นการผลักภาระให้ประชาชน อีกทั้งถ่านในขณะนี้ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง

ด้าน มติชนได้ลงพื้นที่สำรวจราคาถ่านหุงต้ม ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท โดยนายธีระ อมรพล พ่อค้าร้านของชำ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ก๊าซหุงต้มมีราคาแพง ทำให้คนหันมาใช้ถ่านกันมากขึ้น มีการสั่งซื้อจากเตาเผาล่วงหน้าจำนวนมาก ส่งผลให้มีการปรับขึ้นราคาขายส่ง จากกระสอบละ 160 บาท ปรับขึ้นเป็น 180 บาท
  
ส่วนราคาแบ่งขายปลีกจากราคาถุงละ 30 บาท ก็จำเป็นต้องขึ้นเป็น 35 บาทในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่า จะต้องมีการปรับขึ้นอีก เพราะผู้ประกอบอาชีพเผาถ่านบอกว่า ปัจจุบันไม้ที่จะนำมาเผาถ่านหายากขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นการหันไปใช้เตาถ่านแทนเตาแก๊สเพื่อหวังลดค่าใช้จ่ายนั้นไม่น่าจะถูกต้องตรงประเด็น เพราะถ่านหุงต้มเองก็มีการปรับราคาขึ้นตามความต้องการของตลาดด้วยเช่นกัน