ก่อนหน้านี้ผมเคยถ่ายทอดเรื่องราวของ “นกสีเขียว” หรือคนจากชาติตะวันตกที่เลือกทิ้งชีวิตเดิมของตัวเองไปเข้ากับพวก ISIS ด้วยเหตุผลต่างๆ มาแล้ว แต่บทความนี้ผมจะนำเสนอเหตุการณ์อีกด้านหนึ่ง นั่นคือ คนที่อาสาเดินทางไปเพื่อรบกับ ISIS
“โจอันนา พาลานี” เป็นหญิงลูกครึ่งเคิร์ดอิหร่านสัญชาติเดนมาร์ก มองผาดๆ ใครจะไปนึกว่าหญิงสาวหน้าตาสวยงามและไม่เคยจับปืนสู้รายนี้ จะอาจหาญถึงขั้นเดินทางไปซีเรียเพื่อต่อสู้กับ ISIS
เรื่องราวของเธอจะเป็นอย่างไร? อ่านได้จากบทความนี้ครับ
*** เบื้องหลังของ โจอันนา พาลานี ***
โจอันนา พาลานี เกิดในครอบครัวผู้ลี้ภัยสงครามอ่าวเปอร์เซียในรามาดี ประเทศอิรักเมื่อปี 1993 เธอเป็นชาวเคิร์ดอิหร่าน และเป็นลูกหลานของนักรบเพซเมอร์กา (เป็นนักรบของเคิร์ดอิรัก) เธอเดินทางไปยังเดนมาร์กตั้งแต่อายุได้ 3 ขวบ จึงได้สัญชาติเดนมาร์ก
ที่ที่เลวร้ายที่สุดบนโลกนี้ในการเป็นผู้หญิงคือตะวันออกกลาง” พาลานีกล่าว เธอเล่าว่าสังคมตะวันออกกลางส่วนใหญ่มองว่าผู้หญิงมีบทบาทเพียงในห้องครัวกับห้องนอนเท่านั้น ซึ่งพ่อและพี่ชายของเธอก็มองเช่นนี้ด้วย ทำให้เธอถูกกดทับแม้จะย้ายมายุโรปแล้ว
เนื่องจากพาลานีเป็นคนหัวขบถ ทำให้คนในครอบครัวเธอ ไม่เว้นแม้แต่แม่ ใช้เวลามากมายหมกมุ่นอยู่กับ “ความอัปยศ” ที่เกิดขึ้นจากพาลานีไม่ปฏิบัติตนตามกรอบประเพณี ซึ่งตัวพาลานีสรุปว่าผู้ชายที่ทำตัวเป็นอันธพาลกับคนในครอบครัวของตัวเองต่างหาก จึงควรนับเป็นความอัปยศ
พาลานีมีงานอดิเรกคืออ่านหนังสือและซ้อมยิงปืน เธอจับปืนครั้งแรกตอนอายุ 9 ขวบ และเธอติดใจมากตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากผ่านพ้นวัยเด็กที่ถูกทุบตีทำร้ายมานาน เธอก็เติบโตและเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยเรียนวิชาการเมืองและปรัชญา
ต่อมาเธอได้ข่าวพวก ISIS ก่อการในอิรัก-ซีเรีย และเผ่าเคิร์ดของเธอกำลังต่อสู้อยู่ เธอจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อเดินทางไปยังดินแดนภูเขาของพวกเคิร์ด ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การรบ มีเพียงความทรงจำเลือนรางเกี่ยวกับตะวันออกกลาง
…ขณะนั้นเป็นปี 2014 และเธออายุได้ 22 ปี…
เธอไม่ใช่ผู้หญิงยุโรปคนเดียวที่เดินทางไปแบบนี้ รวมๆ แล้วมีหญิงยุโรปราว 750 คนเดินทางไปต่อสู้กับ ISIS เหมือนเธอ
*** สมรภูมิของพาลานี ***
พาลานีไปถึงอิรักเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2014 โดยสวามิภักดิ์กลุ่มเคิร์ด YPG ซึ่งเป็นเคิร์ดที่มีอุดมการณ์สังคมนิยม และเชิดชูสิทธิสตรี เธอเข้ารับการฝึกทหารที่นั่น
พาลานีได้เข้าในหน่วยรบหญิงล้วนของ YPG ชื่อว่าหน่วย YPJ (ภาษาเคิร์ดอ่านว่ายูพาจู) เมื่อฝึกเสร็จแล้วต้องเข้าร่วมรบในสมรภูมิที่โคบานีทันที
ในสนามรบเธอมีเรื่องเล่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต้องกินแมลงประทังความหิว หรือการเห็นสหายร่วมรบถูกยิงตายไปต่อหน้าต่อตาตั้งแต่วันแรกๆ
“เขาคนนี้เดินทางมาจากสวีเดน เขาถูกพลซุ่มยิงของ ISIS ยิงเข้าระหว่างตาจนเสียชีวิตขณะกำลังยืนสูบบุหรี่ จนหน้าแหลกเละ เลือดกระเด็นถูกเครื่องแบบฉัน” พาลานีกล่าว
“ฉันบอกเขาแล้วว่าไม่ควรสูบบุหรี่ที่แนวหน้า แต่เขาไม่ถือเป็นจริงเป็นจัง ฉันเองก็ไม่ได้จริงจังนักตอนฉันมานี่ใหม่ๆ แต่หลังจากการโจมตีครั้งนั้น ฉันก็ (ถูกสถานการณ์บังคับให้) จริงจัง…
อนึ่งขณะนั้น ISIS เป็นกลุ่มนักรบที่มีความเข้มแข็งมาก ถึงขั้นเปิดหน้าทำสงครามเต็มรูปแบบกับรัฐบาลอิรักและซีเรียพร้อมกัน พวก ISIS รบทิศใดก็ชนะ มีความคึกคะนองประดุจไก่ที่พึ่งลอกเดือยหนามทอง
ต่อมา ISIS ทุ่มเทกำลังพลราว 10,000 นาย บุกเมืองโคบานีซึ่งเป็นเมืองชายแดนซีเรีย-ตุรกี โดยใช้อาวุธหนักและทันสมัยเช่นรถถังกับโดรน พวกเขาต้องสู้กับนักรบเคิร์ดจำนวน 2,000 ที่รักษาเมืองนั้น ใครๆ ก็คิดว่า ISIS จะสามารถบดขยี้ทัพชนกลุ่มน้อยที่ด้อยกว่าทั้งกำลังพลและอาวุธได้อย่างง่ายดาย
ภาพแนบ: ทหาร YPG ในโคบานีก่อนการรบ
ปรากฏว่าแม้ ISIS จะเคยเอาชนะทัพรัฐบาลหลายประเทศ แต่ทหารเหล่านั้นรับใช้รัฐบาลเผด็จการที่กดขี่ประชาชน ทำให้ขวัญกำลังใจต่ำ ขณะที่พวกเคิร์ดแม้เป็นชนกลุ่มน้อย แต่ต่อสู้เพื่อเอกราชของตนมาตลอด จึงมีความเคี่ยวกรำต่างกัน
พวกเคิร์ดต่อต้าน ISIS อย่างเหนียวแน่นดุร้าย ในที่สุดสามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะ ทำให้มีชื่อเสียงไปทั่ว ซึ่งพาลานีเองได้ผ่านสมรภูมิอันอันตรายที่สุดนั้นมาด้วย
ชัยชนะที่โคบานีทำให้อเมริกาเห็นผลงานพวกเคิร์ด จึงหันมาสนับสนุน จนทั้งเคิร์ดซีเรีย และอิรักแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันมาก
ตัวพาลานีนั้นหลังศึกโคบานีแล้ว เธอยังไปร่วมรบที่มันบิจ (อยู่ทางเหนือของซีเรีย และอยู่ทางตะวันตกของโคบานี)
เธอทำหน้าที่เป็นสไนเปอร์ และมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังมีสารคดีถ่ายทอดเรื่องราวของเธอ
พาลานีสังหาร ISIS ไปมากมาย เธอบอกว่าพวก ISIS นั้น “ฆ่าง่ายมาก” เมื่อเทียบกับทหารฝั่งอื่นๆ ซึ่งสู้ยากกว่า
มีคนเล่าว่าเธอสังหารนักรบ ISIS ไปกว่า 100 ศพ (แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน) และมีโพสต์บนสื่อ social ว่า ISIS ตั้งค่าหัวเธอเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (น่าจะเป็นแค่ข่าวลือ)
นอกจากเป็นพลซุ่มยิง พาลานียังได้รับความไว้วางใจให้ทำงานอีกหลายอย่าง เธอเข้าร่วมกับหน่วยก่อวินาศกรรม, ทำหน้าที่ปลดระเบิดของ ISIS, นอกจากนั้นยังเป็นครูฝึกเด็กสาวเคิร์ดที่มีอายุน้อยกว่า
พาลานีกล่าวว่า “เด็กสาวๆ น่าทึ่งมาก พวกเธอมีความสุขลิงโลดเมื่อกลับมาจากแนวหน้า พวกเธอกล้าหาญ …กล้าหาญกว่าตัวฉันเองตอนอายุเท่านั้นเสียอีก”
พาลานียังได้เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงยาซิดีที่ ISIS จับเป็นทาสกาม และเล่าให้ฟังว่า “เด็กหญิงทุกคนอายุต่ำกว่า 16 บางคนเด็กมากๆ ฉันเจอเด็กหญิงคนหนึ่งในโรงพยาบาล เธอเป็นคริสเตียนชาวซีเรีย และเธอตายไปทั้งๆ ที่ยังจับมือฉันอยู่ …เธออายุแค่ 11 และตั้งท้องลูกแฝด”
พาลานีสรุปประสบกรณ์ของเธอว่า “เอาจริงๆ มันก็มีบางครั้งที่ฉันกลัวเหมือนกัน มีหลายครั้งที่ฉันขอพรให้มีชีวิตรอด …ใช่ …แต่ไม่มีสักวินาทีเดียวที่ฉันขอให้ได้กลับบ้าน ฉันรู้ว่าฉันอยู่ถูกที่แล้ว”
ในปี 2015 หลังจากไปสู้รบได้ 1 ปี เธอได้ขอ YPG ลากลับบ้านที่เดนมาร์กเป็นเวลา 15 วัน แต่ปรากฏว่าเธอถูกยึดพาสปอร์ต ทางการแจ้งเธอว่าถ้าริอาจเดินทางออกนอกประเทศอีกจะต้องถูกลงโทษหนัก
…แต่เธอก็เดินทางกลับมาที่ซีเรียจนได้…
นปี 2016 พาลานีบาดเจ็บกะโหลกศีรษะร้าว จนจำเป็นต้องออกจากสมรภูมิที่มันบิจ คราวนี้เมื่อเธอกลับบ้านก็ถูกตั้งข้อหาและต้องโทษจำคุกจากกฎหมายที่ต่อต้านพลเมืองไม่ให้เดินทางไปร่วมรบให้กลุ่มก่อการร้าย (YPG มีความสัมพันธ์กับกลุ่ม PKK ในตุรกี ซึ่งพวกเคิร์ดที่นั่นทำการก่อการร้าย เพื่อต่อต้านรัฐบาล และเรียกร้องเอกราช)
ในมุมของพาลานี นี่เรื่องตลกร้ายเพราะเธอเดินทางไปสู้กับกลุ่มก่อการร้าย อย่างไรก็ตามเธอถูกตามราวีทั้งทางออนไลน์และได้รับคำขู่ในชีวิตจริง
ทนายความของพาลานีให้สัมภาษณ์ว่า “น่าอับอายจริงๆ เราเป็นประเทศแรกในโลก ที่ลงโทษคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับกองกำลังผสมนานาชาติ” (คือ YPG ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา และกองกำลังนานาชาติ นับเป็นหน่วยรบสำคัญในการปราบ ISIS) “ทำไมเราไม่ลงโทษคนที่ต่อสู้ให้กับ ISIS แทนคนที่ต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียวกับเดนมาร์กล่ะ?”
...ขณะเดียวกันชาวเดนมาร์กที่ไปสวามิภักดิ์ต่อสู้ข้างเดียวกับ ISIS จริงๆ กลับได้รับการปฏิบัติแบบที่เรียกว่า “ออร์ฮูสโมเดล” (Aarhus model) โดยพวกนี้จะได้รับพี่เลี้ยง, ที่ปรึกษาทางจิตวิทยา, และได้รับการช่วยเหลือให้เข้ารับงานหรือการศึกษาตามเดิม
พาลานีเขียนหนังสือเรื่อง Freedom Fighter: My War Against ISIS on the Front Lines of Syria อุทิศให้แก่หญิงและเด็กหญิงที่กำลังต่อสู้เพื่อการปฏิวัติทางเพศในตะวันออกกลาง
หลังจากมีข่าวว่าเธอถูกลงโทษจำคุกแล้วก็ไม่มีเรื่องราวของเธอออกมาให้ติดตามอีก…
17. การต่อสู้ของพาลานีเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการต่อสู้ของสตรีเคิร์ด พวกเธอเป็นผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ปลดปล่อยผู้หญิงจากการถูกกดขี่
พวกเธอมีชื่อเสียงว่ารบพุ่งกล้าหาญ ยอมตายไม่ยอมแพ้ …เพราะรู้ดีว่าถ้าสู้แพ้ก็ต้องกลับไปถูกกระทำย่ำยี
ภารกิจของพวกเธอยังไม่สิ้นสุด และจนถึงขณะที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ พวกเธอก็กำลังต่อสู้อยู่...
เรื่องราวที่มาที่ไปเหล่านี้ ทั้งอุดมการณ์เพื่อผู้หญิง กองทัพหญิงถือปืน และ “ประเทศประหลาด” เพื่อผู้หญิง จะถูกตีแผ่ให้ทุกท่านติดตามในหนังสือ “ดาวแดงแห่งเคิร์ด” พร้อมให้ทุกท่านได้ศึกษากันนะครับ
::: อ้างอิง :::
- standard (ดอต) co (ดอต) uk/culture/books/freedom-fighter-my-war-against-isis-on-the-front-lines-of-syria-by-joanna-palani-review-a4047611.html
- theguardian (ดอต) com/world/2016/dec/19/danish-woman-who-fought-against-isis-faces-jail-sentence
- vice (ดอต) com/en/article/qvd483/joanna-palani-syria-iraq-ran-away-fight-isis
- metro (ดอต) co (ดอต) uk/2017/02/07/the-student-branded-a-terrorist-despite-risking-her-life-to-fight-jihadis-in-syria-6230972/
อีกครั้งนะครับ ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าหนังสือ “ดาวแดงแห่งเคิร์ด” ได้วางจำหน่ายแล้ว! เรื่องราวในหนังสือจะพูดถึงความเป็นมาของชาวเคิร์ดในตุรกีและซีเรีย จนถึงการตั้ง “รัฐโรจาวา” ของตัวเองขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับชะตาของชาวยาซิดี
ราคา 439 บาท รวมค่าส่ง
ผู้ใดสนใจสามารถติดต่อมาได้ที่ Line OA ของเพจ The Wild Chronicles มาทาง link นี้
https://lin.ee/fNEO1jr ได้เลยครับ
*** โจอันนา พาลานี สตรีผู้รบ ISIS ***
“โจอันนา พาลานี” เป็นหญิงลูกครึ่งเคิร์ดอิหร่านสัญชาติเดนมาร์ก มองผาดๆ ใครจะไปนึกว่าหญิงสาวหน้าตาสวยงามและไม่เคยจับปืนสู้รายนี้ จะอาจหาญถึงขั้นเดินทางไปซีเรียเพื่อต่อสู้กับ ISIS
เรื่องราวของเธอจะเป็นอย่างไร? อ่านได้จากบทความนี้ครับ
*** เบื้องหลังของ โจอันนา พาลานี ***
โจอันนา พาลานี เกิดในครอบครัวผู้ลี้ภัยสงครามอ่าวเปอร์เซียในรามาดี ประเทศอิรักเมื่อปี 1993 เธอเป็นชาวเคิร์ดอิหร่าน และเป็นลูกหลานของนักรบเพซเมอร์กา (เป็นนักรบของเคิร์ดอิรัก) เธอเดินทางไปยังเดนมาร์กตั้งแต่อายุได้ 3 ขวบ จึงได้สัญชาติเดนมาร์ก
ที่ที่เลวร้ายที่สุดบนโลกนี้ในการเป็นผู้หญิงคือตะวันออกกลาง” พาลานีกล่าว เธอเล่าว่าสังคมตะวันออกกลางส่วนใหญ่มองว่าผู้หญิงมีบทบาทเพียงในห้องครัวกับห้องนอนเท่านั้น ซึ่งพ่อและพี่ชายของเธอก็มองเช่นนี้ด้วย ทำให้เธอถูกกดทับแม้จะย้ายมายุโรปแล้ว
เนื่องจากพาลานีเป็นคนหัวขบถ ทำให้คนในครอบครัวเธอ ไม่เว้นแม้แต่แม่ ใช้เวลามากมายหมกมุ่นอยู่กับ “ความอัปยศ” ที่เกิดขึ้นจากพาลานีไม่ปฏิบัติตนตามกรอบประเพณี ซึ่งตัวพาลานีสรุปว่าผู้ชายที่ทำตัวเป็นอันธพาลกับคนในครอบครัวของตัวเองต่างหาก จึงควรนับเป็นความอัปยศ
พาลานีมีงานอดิเรกคืออ่านหนังสือและซ้อมยิงปืน เธอจับปืนครั้งแรกตอนอายุ 9 ขวบ และเธอติดใจมากตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากผ่านพ้นวัยเด็กที่ถูกทุบตีทำร้ายมานาน เธอก็เติบโตและเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยเรียนวิชาการเมืองและปรัชญา
ต่อมาเธอได้ข่าวพวก ISIS ก่อการในอิรัก-ซีเรีย และเผ่าเคิร์ดของเธอกำลังต่อสู้อยู่ เธอจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อเดินทางไปยังดินแดนภูเขาของพวกเคิร์ด ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การรบ มีเพียงความทรงจำเลือนรางเกี่ยวกับตะวันออกกลาง
…ขณะนั้นเป็นปี 2014 และเธออายุได้ 22 ปี…
เธอไม่ใช่ผู้หญิงยุโรปคนเดียวที่เดินทางไปแบบนี้ รวมๆ แล้วมีหญิงยุโรปราว 750 คนเดินทางไปต่อสู้กับ ISIS เหมือนเธอ
*** สมรภูมิของพาลานี ***
พาลานีไปถึงอิรักเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2014 โดยสวามิภักดิ์กลุ่มเคิร์ด YPG ซึ่งเป็นเคิร์ดที่มีอุดมการณ์สังคมนิยม และเชิดชูสิทธิสตรี เธอเข้ารับการฝึกทหารที่นั่น
พาลานีได้เข้าในหน่วยรบหญิงล้วนของ YPG ชื่อว่าหน่วย YPJ (ภาษาเคิร์ดอ่านว่ายูพาจู) เมื่อฝึกเสร็จแล้วต้องเข้าร่วมรบในสมรภูมิที่โคบานีทันที
ในสนามรบเธอมีเรื่องเล่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต้องกินแมลงประทังความหิว หรือการเห็นสหายร่วมรบถูกยิงตายไปต่อหน้าต่อตาตั้งแต่วันแรกๆ
“เขาคนนี้เดินทางมาจากสวีเดน เขาถูกพลซุ่มยิงของ ISIS ยิงเข้าระหว่างตาจนเสียชีวิตขณะกำลังยืนสูบบุหรี่ จนหน้าแหลกเละ เลือดกระเด็นถูกเครื่องแบบฉัน” พาลานีกล่าว
“ฉันบอกเขาแล้วว่าไม่ควรสูบบุหรี่ที่แนวหน้า แต่เขาไม่ถือเป็นจริงเป็นจัง ฉันเองก็ไม่ได้จริงจังนักตอนฉันมานี่ใหม่ๆ แต่หลังจากการโจมตีครั้งนั้น ฉันก็ (ถูกสถานการณ์บังคับให้) จริงจัง…
อนึ่งขณะนั้น ISIS เป็นกลุ่มนักรบที่มีความเข้มแข็งมาก ถึงขั้นเปิดหน้าทำสงครามเต็มรูปแบบกับรัฐบาลอิรักและซีเรียพร้อมกัน พวก ISIS รบทิศใดก็ชนะ มีความคึกคะนองประดุจไก่ที่พึ่งลอกเดือยหนามทอง
ต่อมา ISIS ทุ่มเทกำลังพลราว 10,000 นาย บุกเมืองโคบานีซึ่งเป็นเมืองชายแดนซีเรีย-ตุรกี โดยใช้อาวุธหนักและทันสมัยเช่นรถถังกับโดรน พวกเขาต้องสู้กับนักรบเคิร์ดจำนวน 2,000 ที่รักษาเมืองนั้น ใครๆ ก็คิดว่า ISIS จะสามารถบดขยี้ทัพชนกลุ่มน้อยที่ด้อยกว่าทั้งกำลังพลและอาวุธได้อย่างง่ายดาย
ภาพแนบ: ทหาร YPG ในโคบานีก่อนการรบ
ปรากฏว่าแม้ ISIS จะเคยเอาชนะทัพรัฐบาลหลายประเทศ แต่ทหารเหล่านั้นรับใช้รัฐบาลเผด็จการที่กดขี่ประชาชน ทำให้ขวัญกำลังใจต่ำ ขณะที่พวกเคิร์ดแม้เป็นชนกลุ่มน้อย แต่ต่อสู้เพื่อเอกราชของตนมาตลอด จึงมีความเคี่ยวกรำต่างกัน
พวกเคิร์ดต่อต้าน ISIS อย่างเหนียวแน่นดุร้าย ในที่สุดสามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะ ทำให้มีชื่อเสียงไปทั่ว ซึ่งพาลานีเองได้ผ่านสมรภูมิอันอันตรายที่สุดนั้นมาด้วย
ชัยชนะที่โคบานีทำให้อเมริกาเห็นผลงานพวกเคิร์ด จึงหันมาสนับสนุน จนทั้งเคิร์ดซีเรีย และอิรักแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันมาก
ตัวพาลานีนั้นหลังศึกโคบานีแล้ว เธอยังไปร่วมรบที่มันบิจ (อยู่ทางเหนือของซีเรีย และอยู่ทางตะวันตกของโคบานี)
เธอทำหน้าที่เป็นสไนเปอร์ และมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังมีสารคดีถ่ายทอดเรื่องราวของเธอ
พาลานีสังหาร ISIS ไปมากมาย เธอบอกว่าพวก ISIS นั้น “ฆ่าง่ายมาก” เมื่อเทียบกับทหารฝั่งอื่นๆ ซึ่งสู้ยากกว่า
มีคนเล่าว่าเธอสังหารนักรบ ISIS ไปกว่า 100 ศพ (แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน) และมีโพสต์บนสื่อ social ว่า ISIS ตั้งค่าหัวเธอเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (น่าจะเป็นแค่ข่าวลือ)
นอกจากเป็นพลซุ่มยิง พาลานียังได้รับความไว้วางใจให้ทำงานอีกหลายอย่าง เธอเข้าร่วมกับหน่วยก่อวินาศกรรม, ทำหน้าที่ปลดระเบิดของ ISIS, นอกจากนั้นยังเป็นครูฝึกเด็กสาวเคิร์ดที่มีอายุน้อยกว่า
พาลานีกล่าวว่า “เด็กสาวๆ น่าทึ่งมาก พวกเธอมีความสุขลิงโลดเมื่อกลับมาจากแนวหน้า พวกเธอกล้าหาญ …กล้าหาญกว่าตัวฉันเองตอนอายุเท่านั้นเสียอีก”
พาลานียังได้เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงยาซิดีที่ ISIS จับเป็นทาสกาม และเล่าให้ฟังว่า “เด็กหญิงทุกคนอายุต่ำกว่า 16 บางคนเด็กมากๆ ฉันเจอเด็กหญิงคนหนึ่งในโรงพยาบาล เธอเป็นคริสเตียนชาวซีเรีย และเธอตายไปทั้งๆ ที่ยังจับมือฉันอยู่ …เธออายุแค่ 11 และตั้งท้องลูกแฝด”
พาลานีสรุปประสบกรณ์ของเธอว่า “เอาจริงๆ มันก็มีบางครั้งที่ฉันกลัวเหมือนกัน มีหลายครั้งที่ฉันขอพรให้มีชีวิตรอด …ใช่ …แต่ไม่มีสักวินาทีเดียวที่ฉันขอให้ได้กลับบ้าน ฉันรู้ว่าฉันอยู่ถูกที่แล้ว”
ในปี 2015 หลังจากไปสู้รบได้ 1 ปี เธอได้ขอ YPG ลากลับบ้านที่เดนมาร์กเป็นเวลา 15 วัน แต่ปรากฏว่าเธอถูกยึดพาสปอร์ต ทางการแจ้งเธอว่าถ้าริอาจเดินทางออกนอกประเทศอีกจะต้องถูกลงโทษหนัก
…แต่เธอก็เดินทางกลับมาที่ซีเรียจนได้…
นปี 2016 พาลานีบาดเจ็บกะโหลกศีรษะร้าว จนจำเป็นต้องออกจากสมรภูมิที่มันบิจ คราวนี้เมื่อเธอกลับบ้านก็ถูกตั้งข้อหาและต้องโทษจำคุกจากกฎหมายที่ต่อต้านพลเมืองไม่ให้เดินทางไปร่วมรบให้กลุ่มก่อการร้าย (YPG มีความสัมพันธ์กับกลุ่ม PKK ในตุรกี ซึ่งพวกเคิร์ดที่นั่นทำการก่อการร้าย เพื่อต่อต้านรัฐบาล และเรียกร้องเอกราช)
ในมุมของพาลานี นี่เรื่องตลกร้ายเพราะเธอเดินทางไปสู้กับกลุ่มก่อการร้าย อย่างไรก็ตามเธอถูกตามราวีทั้งทางออนไลน์และได้รับคำขู่ในชีวิตจริง
ทนายความของพาลานีให้สัมภาษณ์ว่า “น่าอับอายจริงๆ เราเป็นประเทศแรกในโลก ที่ลงโทษคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับกองกำลังผสมนานาชาติ” (คือ YPG ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา และกองกำลังนานาชาติ นับเป็นหน่วยรบสำคัญในการปราบ ISIS) “ทำไมเราไม่ลงโทษคนที่ต่อสู้ให้กับ ISIS แทนคนที่ต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียวกับเดนมาร์กล่ะ?”
...ขณะเดียวกันชาวเดนมาร์กที่ไปสวามิภักดิ์ต่อสู้ข้างเดียวกับ ISIS จริงๆ กลับได้รับการปฏิบัติแบบที่เรียกว่า “ออร์ฮูสโมเดล” (Aarhus model) โดยพวกนี้จะได้รับพี่เลี้ยง, ที่ปรึกษาทางจิตวิทยา, และได้รับการช่วยเหลือให้เข้ารับงานหรือการศึกษาตามเดิม
พาลานีเขียนหนังสือเรื่อง Freedom Fighter: My War Against ISIS on the Front Lines of Syria อุทิศให้แก่หญิงและเด็กหญิงที่กำลังต่อสู้เพื่อการปฏิวัติทางเพศในตะวันออกกลาง
หลังจากมีข่าวว่าเธอถูกลงโทษจำคุกแล้วก็ไม่มีเรื่องราวของเธอออกมาให้ติดตามอีก…
17. การต่อสู้ของพาลานีเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการต่อสู้ของสตรีเคิร์ด พวกเธอเป็นผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ปลดปล่อยผู้หญิงจากการถูกกดขี่
พวกเธอมีชื่อเสียงว่ารบพุ่งกล้าหาญ ยอมตายไม่ยอมแพ้ …เพราะรู้ดีว่าถ้าสู้แพ้ก็ต้องกลับไปถูกกระทำย่ำยี
ภารกิจของพวกเธอยังไม่สิ้นสุด และจนถึงขณะที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ พวกเธอก็กำลังต่อสู้อยู่...
เรื่องราวที่มาที่ไปเหล่านี้ ทั้งอุดมการณ์เพื่อผู้หญิง กองทัพหญิงถือปืน และ “ประเทศประหลาด” เพื่อผู้หญิง จะถูกตีแผ่ให้ทุกท่านติดตามในหนังสือ “ดาวแดงแห่งเคิร์ด” พร้อมให้ทุกท่านได้ศึกษากันนะครับ
::: อ้างอิง :::
- standard (ดอต) co (ดอต) uk/culture/books/freedom-fighter-my-war-against-isis-on-the-front-lines-of-syria-by-joanna-palani-review-a4047611.html
- theguardian (ดอต) com/world/2016/dec/19/danish-woman-who-fought-against-isis-faces-jail-sentence
- vice (ดอต) com/en/article/qvd483/joanna-palani-syria-iraq-ran-away-fight-isis
- metro (ดอต) co (ดอต) uk/2017/02/07/the-student-branded-a-terrorist-despite-risking-her-life-to-fight-jihadis-in-syria-6230972/
อีกครั้งนะครับ ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าหนังสือ “ดาวแดงแห่งเคิร์ด” ได้วางจำหน่ายแล้ว! เรื่องราวในหนังสือจะพูดถึงความเป็นมาของชาวเคิร์ดในตุรกีและซีเรีย จนถึงการตั้ง “รัฐโรจาวา” ของตัวเองขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับชะตาของชาวยาซิดี
ราคา 439 บาท รวมค่าส่ง
ผู้ใดสนใจสามารถติดต่อมาได้ที่ Line OA ของเพจ The Wild Chronicles มาทาง link นี้ https://lin.ee/fNEO1jr ได้เลยครับ