Joanna Palani นักศึกษารัฐศาสตร์วัย 23 ปี จากเดนมาร์ก
เธอมีค่าหัวถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย
เพราะคาดว่าเธอเด็ดชีพพวก ISIS มากกว่า 100 ศพแล้ว
ในระหว่างการสู้รบร่วมกับกลุ่ม Kurdish Peshmerga ในอีรัคกับซีเรีย
Joanna Palani มีสายเลือดระหว่าง Iranian-Kurdish
เธอเกิดในค่ายผู้ลี้ภัย Ramadi ในอีรัค
ระหว่างช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย Gulf War
เธอเริ่มยิงปืนครั้งแรกตอนวัย 9 ขวบจนกระทั่งวัยรุ่น
ในปี 2014 เธอพักการศึกษามหาวิทยาลัยในโคเปนเฮเกน
แล้วเดินทางสู่ซีเรียเพื่อทำการสู้รบ
เธอเขียนบน Facebook ถึงแรงจูงใจของเธอคือ
" สู้เพื่อสิทธิของสตรี เพื่อประชาธิปไตย
คุณค่าของชาวยุโรปที่ได้เรียนรู้มาจากสาวเดนนิส ”
เธอร่วมในการก่อการจราจลต่อต้านรัฐบาลซีเรีย
ที่ได้รับผลพวงกระตุ้นจากเหตุการณ์ Arab Spring
การรบครั้งแรกของเธอคือ
การต่อต้านอำนาจของอัสซาด Assad
แล้วต่อมาคือการต่อสู้กับพวก ISIS
เธอสู้รบกับพวก ISIS ใน Kobane
เมืองชายแดนของซีเรียที่เป็นติดกับตุรกี
ในระหว่างที่สู้รบให้กับ Kurdish People’s Protection Units (YPG)
เธอได้ช่วยเหลือและปลดปล่อยเด็กหญิงชาวยาซิดี Yazidi
ที่ถูกคุมขังและตกเป็นทาสกามของพวก ISIS
ในช่วงการสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กองทหาร Peshmerga ในอีรัค
การสู้รบของเธอตกเป็นข่าวใหญ่
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดนมาร์กต้องเข้ามาเอาใจใส่ในเรื่องนี้
จึงมีการออกคำสั่งห้ามเธอออกนอกประเทศต่อไป
ในตอนที่เธอกลับจากการสู้รบในเดือนกันยายน 2015
เธอถูกคุมขังที่ Vestre Fængsel คุกใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก
เพราะเธอละเมิดคำสั่งด้วยการเดินทางไปที่การ์ตา
เธอต้องต่อสู้กับคดีนี้เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์
ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวพ้นข้อหาดังกล่าว
แต่หนังสือเดินทางของเธอก็ถูกทางการยึดไว้
และไม่ออกเล่มใหม่ให้เธออีกต่อไป
เธอถูกชาวบ้านต่างมองว่า
เธอคือพวกผู้ก่อการร้ายในประเทศตนเอง
ทำให้เธอต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ และย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง
เพราะกลัวการแก้แค้นจากพวก ISIS
" ฉันเสียใจที่แหกคอกกฎหมาย
แต่ในตอนนี้ ฉันมีทางเลือกชีวิตแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่ฉันต้องการเสี่ยงชีวิตเอง
เพราะเสรีภาพของฉันถูกพรากจากไปนานแล้ว
ฉันจะไม่ยอมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างต่อไปอีกแล้ว
ฉันจะสู้รบเพื่อเสรีภาพและความปลอดภัยของพวกเรา ”
1. “ มีการประกาศค่าหัวฉัน 1 ล้านเหรียญสหรัฐไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย
ฉันพบเรื่องนี้ ณ ที่นี่ในเดนมาร์ก ”

Image credits: Asger Ladefoged
2. Joanna Palani ยังเป็นวัยรุ่น
แต่ในช่วงปี 2014 เธอพักการเรียนในมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน
แล้วไปร่วมการสู้รบในซีเรีย

Image credits: Sarah Buthmann
3. เธอเขียนใน Facebook ว่าได้รับแรงบันดาลใจจาก
“ สู้เพื่อสิทธิสตรี เพื่อประชาธิปไตย
คุณค่าชาวยุโรปที่เรียนรู้จากสตรีชาวเดนมาร์ก ”

Image credits: Unknown
4. คาดว่าเธอยิงพวก ISIS ไปกว่า 100 ศพแล้ว
ในการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่ม Kurdish Peshmerga ในอิรัคกับซีเรีย

Image credits: Joanna Palani
5. เธอยังช่วยปลดปล่อยเด็กหญิงชาวยาซิดี Yazidi ที่ถูกคุมขังเป็นทาสกามพวก ISIS

Image credits: Asger Ladefoged
6. “ ตอนที่พวกเราเตรียมจะปลดปล่อยเด็กหญิงทาสกามในซ่องโจร ISIS
เราพูดกันว่า นักรบหนึ่งคนเข้าไปช่วย นักรบอีกหลายคนจะรอดกลับออกมา "

Image credits: Asger Ladefoged
7. “ บทบาทการเป็นคนซุ่มยิง ครั้งหนึ่ง ฉันเคยอยู่ในแนวหน้าเป็นเวลาถึง 9 วัน
คุณต้องสงบนิ่งเป็นอย่างมาก และเพ่งมองเป้าหมาย ห้ามเสียสมาธิในตอนนั้น "
Image credits: Joanna Palani
8. ปฏิบัติการของเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเดนมาร์กตรวจสอบ
แล้วออกคำสั่งห้ามเธอเดินทางเข้าไปในภูมิภาคสู้รบอีก
หลังจากที่เธอกลับจากสนามรบในเดือนกันยายน 2015

Image credits: Joanna Palani
9. เพราะไม่อยากทอดทิ้งสหายร่วมรบตามลำพัง
เธอแหกคอกกฎหมายและมุ่งหน้ากลับไปอีรัค
เธอต้องเดินเท้าถึง 7 ชั่วโมงในตอนกลางคืน
เพื่อข้ามชายแดนกลับเข้าไปในซีเรีย

Image credits: Asger Ladefoged
10. ตอนที่เธอกลับประเทศ เธอถูกคุมขังถึง 3 สัปดาห์
ในคุกใหญ่ที่สุด Vestre Fængsel ของเดนมาร์ก

Image credits: Sarah Buthmann
11. เธอเชื่อว่าเธอถูกมองว่าเป็นพวกก่อการร้ายในประเทศตนเอง
เธอต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ และย้ายที่อยู่บ่อยครั้งมาก
เพราะกลัวจะถูกพรรคพวกฝ่าย ISIS แก้แค้น

Image credits: Joanna Palani
12. “ ฉันเสียใจที่แหกคอกกฎหมาย แต่ในตอนนี้ ฉันมีทางเลือกชีวิตของฉันแล้ว ”

Image credits: Asger Ladefoged
13. “ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเสี่ยงตาย
ก็เพื่อเสรีภาพที่ถูกพรากจากไปนานแล้ว
ฉันจะไม่ยอมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างต่อไปอีกแล้ว
ฉันจะสู้รบเพื่อเสรีภาพและความปลอดภัยของพวกเรา ”

Image credits: Asger Ladefoged
ปู่ พ่อ และลุงของเธอต่างเป็นนักรบชาวเคิร์ด
ที่มีชื่อเสียงของนักสู้ที่รู้จักในฐานะ
Peshmerga ผู้ยืนหยัดต่อหน้าความตาย
การปฏิวัติอิหร่านทำให้มีการจัดระเบียบประเทศใหม่
มีการจำคุกและประหารชีวิตสมาชิกของครอบครัวของเธอบางคน
ขณะที่กองทัพของซัดดัมฮุสเซนได้ฆ่าญาติคนอื่น ๆ ของเธอ
ด้วยการโจมตีด้วยก๊าซเคมีใน Halabja อิรัก
หมายเหตุ
ชาวเคิร์ดจะอยู่ท่ามกลางประเทศอิรัค ซีเรีย อิหร่าน ตุรกี
แต่ไม่เคยมีเอกราชของประเทศตนเอง
ชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ในประเทศเหล่านี้
จึงมักจะต้องรับศึกหลายด้าน
ท่ามกลางความทรงจำที่พอจำได้ของ Joanna
ครอบครัวต้องขุดหาน้ำท่ามกลางดวงอาทิตย์
ที่แผดเผาพื้นดินท้องทะเลทราย
ขณะที่พี่ชายกับน้องสาวของเธอต้องเดินไปโรงเรียน
ในเส้นทางเพียงทางเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงกับระเบิด
เธอจำได้ว่าภาพร่างกายของเด็กคนหนึ่งแยกเป็นสองส่วน
เพราะผลจากการโจมตีด้วยการยิงลูกระเบิดใส่ค่ายผู้ลี้ภัย
ตอนที่เธออายุได้สามขวบ
ครอบครัวของเธอได้รับอนุญาต
ให้ลี้ภัยไปอยู่ในเดนมาร์ก
เรานั่งเครื่องบินไปเดนมาร์ก
ฉันจำได้ว่านั่งติดกับหน้าต่าง
และกำลังรับประทานโยเกิร์ต
ทันใดนั้นฉันก็อยู่เหนือค่ายผู้ลี้ภัย
และอยู่ในเครื่องบินที่เดินทางไปยุโรป
ฉันอยู่กับแม่ พ่อ พี่ชายทั้งสองคน
พี่สาวคนโตและน้องสาวคนเล็ก
ฉันยังจำครอบครัวชาวเคิร์ดคนอื่น ๆ ได้
มีคนหนึ่งในนั้นที่ฉันยังรู้จัก
เราอยู่ในรถบัสและฉันยังจำได้ว่า
ป้าของฉันร้องไห้เพราะไม่ได้ไปด้วยกันกับเรา
ฉันจำได้ว่าพ่อของฉันใส่เสื้อผ้าแบบยาวของชาวเคิร์ด
และแม่ของฉันอยู่ในชุดเสื้อผ้าอิสลามของเธอ
ฉันจำได้ว่าตอนที่เดินออกจากเครื่องบิน
ฉันจับมือพี่สาวคนโตของฉัน
และเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า ยินดีต้อนรับ
พ่อของฉันถ่ายภาพพวกเราข้างนอก
ด้านนอกป้ายยินดีต้อนรับของสหประชาชาติ
นี่คือภาพแรกของเราในเดนมาร์ก
ด้วยความสดใสและมีไหวพริบ
Joanna เรียนรู้ภาษาเดนมาร์กได้อย่างง่ายดาย
และย้ายถิ่นฐานไปใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ ทางภาคเหนือของเดนมาร์ก
แม้ว่าภายในบ้านครอบครัวจะพูดภาษาเคิร์ด
และยังรักษาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับญาติในอิรัก
ฉันจำได้ว่าฉันเติบโตขึ้นมาด้วยเท้าข้างหนึ่งอยู่ที่เคิร์ด
เท้าอีกข้างหนึ่งอยู่ในเดนมาร์ก "เธอจำได้ว่า
ครอบครัวของฉันยังรักษาประเพณีชาวเคิร์ด
ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำตามแบบเพื่อนเดนมาร์กของฉัน
ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้มีแฟน หรือมีการติดต่อใด ๆ กับผู้ชาย
เรื่องที่น่าเศร้า เธอเริ่มเหินห่างจากพ่อแม่
ที่มักดุด่าเธอว่า เป็นชาวเดนมาร์กและชาวตะวันตกมากเกินไป
พ่อแม่ของฉันยังเอาประเพณีชาวเคิร์ดมาพร้อมกับพวกเขา
ตอนที่เราเดินทาง พวกเขามักจะบอกให้ฉัน
หยุดทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
และทำตัวเหมือนกับผู้หญิงชาวเคิร์ด
แบบดั้งเดิมและแบบของสาวชาวมุสลิม
เธอให้สัมภาษณ์ว่า
เธอมักจะรวบผมหรือโพกผ้าเสมอ
บางครั้งก็ย้อมผมสีดำเพื่อให้กลมกลืน
กับพื้นที่ซุ่มยิงในเวลากลางคืน
เรื่องเล่าไร้สาระ
รัสเซียจัดการกับพวก ISIS อย่างรุนแรงแบบโหดสัตว์
ด้วยการให้เวลากับผู้ก่อการร้ายและตัวประกัน
ให้ยอมมอบตัวหรือหนีไปให้ไกล ๆ เสีย
ถ้าครบกำหนดจะลงมือปฏิบัติการแบบไม่เลือกหน้า
ด้วยปรัชญาเหี้ยมโหดแบบพวกนักรบมองโกล
ที่รัสเซียเคยตกเป็นเมืองขึ้นกว่า 200 ปีว่า
" ถ้าคุณถูกจับเป็นตัวประกัน
ถ้าคุณรอดตายได้ถือว่าคุณโชคดี
ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณด้วย
โทษทัณฑ์บาปบุญเป็นเรื่องของพระเจ้า
แต่การลงโทษแทนพระเจ้าคือเรื่องของข้า
ผู้ใดก็ตามที่อยู่ร่วมกับผู้ก่อการร้าย
หรือให้ที่พักพิงผู้ก่อการร้าย
หรือช่วยเหลือผู้ก่อการร้าย
หรือไม่ยอมบอกว่ามีผู้ก่อการร้าย
มาซ่อนตัวอยู่ในบ้าน/บ้านข้างเคียง
จะถือว่าเป็นพวกก่อการร้ายทุกคน
จะจัดการแบบผู้ก่อการร้ายทุกคน
ไม่มีการแยกแยะว่า เด็ก สตรี คนชรา
ถ้ามีการซุ่มยิงเกิดขึ้นจากบริเวณไหน
รัสเซียจะยิงปืนครก ปืนใหญ่ตอบโต้กลับทันที
หรือให้เครื่องบินทิ้งระเบิดปูพรมบริเวณนั้นเลย
ไม่สนใจว่าจะเป็นโรงพยาบาล/สภากาชาดสากล
หรือมีบ้านเรือนพลเรือนอยู่หรือไม่
เพราะถือว่าเป็นพวกโจรร่วมกัน
กับมีโจรแอบแฝงไปใช้สถานที่ดังกล่าว
แบบมงโกลยุคเก่าเผาชาวบ้านทั้งเป็น
แม้ว่าจะหลบซ่อนอยู่มัสยิศสุเหร่าวัดวาอาราม
เพราะถือว่าร่วมมือกับพวกศัตรูเลยไม่ยอมจำนน
กับเป็นการฆ่าคนเลวที่อาศัยศาสนสถานหลบภัย
กรณีตัวอย่างในรัสเซีย
มีความพยายามรัฐประหารด้วยการยึดรัฐสภา
ใช้สมาชิกรัฐสภาเป็นตัวประกันกว่า 300 คน
ประธานาธิบดีบอริส เยลต์ซินสั่งให้ทหารใช้รถถัง ปืนครก
ยิงถล่มใส่อาคารรัฐสภาทันที
พร้อมกองทัพลุยแหลกไม่สนใจชีวิตตัวประกัน
คณะรัฐประหารกลายเป็นกบฎไปเลย
กบฎเชสเนียเคยจับชาวบ้านในโรงละคร
ที่อยู่ระหว่างชมละครกว่า 400 คน
เพื่อต่อรองกับรัฐบาลรัสเซีย
รัฐบาลสั่งให้ใช้ก๊าซน้ำตาอย่างแรง
ส่งผ่านเข้าทางช่องแอร์
แล้วใช้ทหารลุยแหลกทันที
ยิงทิ้งกบฏทั้งหมดที่อยู่ในโรงละคร
แม้ว่ามีจะผู้ก่อการร้ายรายหนึ่ง
เป็นสตรีจะยอมจำนนแล้วก็ตาม
ผลการบุกทำให้ตัวประกันในโรงละคร
ตายมากกว่า 100 คนและบาดเจ็บนับร้อยเช่นกัน
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/6vsiz5
https://goo.gl/Nz3rN5
https://goo.gl/IsKr1D
https://goo.gl/8bWlFl
https://goo.gl/IsKr1D
Facebook Joanna Palani
https://goo.gl/bFGOCM
เรื่องเดิม ทหารผ่านศึก 5 สนามรบวัย 62 ปีซุ่มยิง ISIS ไปแล้ว 173 ศพ
https://ppantip.com/topic/35023189
Iraqi Popular Mobilization Units Sniper kills 173 ISIS fighters - Abu Tahseen 5 war veteran
สวยสังหารโหดยิง ISIS กว่า 100 ศพ
เธอมีค่าหัวถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย
เพราะคาดว่าเธอเด็ดชีพพวก ISIS มากกว่า 100 ศพแล้ว
ในระหว่างการสู้รบร่วมกับกลุ่ม Kurdish Peshmerga ในอีรัคกับซีเรีย
Joanna Palani มีสายเลือดระหว่าง Iranian-Kurdish
เธอเกิดในค่ายผู้ลี้ภัย Ramadi ในอีรัค
ระหว่างช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย Gulf War
เธอเริ่มยิงปืนครั้งแรกตอนวัย 9 ขวบจนกระทั่งวัยรุ่น
ในปี 2014 เธอพักการศึกษามหาวิทยาลัยในโคเปนเฮเกน
แล้วเดินทางสู่ซีเรียเพื่อทำการสู้รบ
เธอเขียนบน Facebook ถึงแรงจูงใจของเธอคือ
" สู้เพื่อสิทธิของสตรี เพื่อประชาธิปไตย
คุณค่าของชาวยุโรปที่ได้เรียนรู้มาจากสาวเดนนิส ”
เธอร่วมในการก่อการจราจลต่อต้านรัฐบาลซีเรีย
ที่ได้รับผลพวงกระตุ้นจากเหตุการณ์ Arab Spring
การรบครั้งแรกของเธอคือ
การต่อต้านอำนาจของอัสซาด Assad
แล้วต่อมาคือการต่อสู้กับพวก ISIS
เธอสู้รบกับพวก ISIS ใน Kobane
เมืองชายแดนของซีเรียที่เป็นติดกับตุรกี
ในระหว่างที่สู้รบให้กับ Kurdish People’s Protection Units (YPG)
เธอได้ช่วยเหลือและปลดปล่อยเด็กหญิงชาวยาซิดี Yazidi
ที่ถูกคุมขังและตกเป็นทาสกามของพวก ISIS
ในช่วงการสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กองทหาร Peshmerga ในอีรัค
การสู้รบของเธอตกเป็นข่าวใหญ่
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดนมาร์กต้องเข้ามาเอาใจใส่ในเรื่องนี้
จึงมีการออกคำสั่งห้ามเธอออกนอกประเทศต่อไป
ในตอนที่เธอกลับจากการสู้รบในเดือนกันยายน 2015
เธอถูกคุมขังที่ Vestre Fængsel คุกใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก
เพราะเธอละเมิดคำสั่งด้วยการเดินทางไปที่การ์ตา
เธอต้องต่อสู้กับคดีนี้เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์
ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวพ้นข้อหาดังกล่าว
แต่หนังสือเดินทางของเธอก็ถูกทางการยึดไว้
และไม่ออกเล่มใหม่ให้เธออีกต่อไป
เธอถูกชาวบ้านต่างมองว่า
เธอคือพวกผู้ก่อการร้ายในประเทศตนเอง
ทำให้เธอต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ และย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง
เพราะกลัวการแก้แค้นจากพวก ISIS
" ฉันเสียใจที่แหกคอกกฎหมาย
แต่ในตอนนี้ ฉันมีทางเลือกชีวิตแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่ฉันต้องการเสี่ยงชีวิตเอง
เพราะเสรีภาพของฉันถูกพรากจากไปนานแล้ว
ฉันจะไม่ยอมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างต่อไปอีกแล้ว
ฉันจะสู้รบเพื่อเสรีภาพและความปลอดภัยของพวกเรา ”
1. “ มีการประกาศค่าหัวฉัน 1 ล้านเหรียญสหรัฐไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย
ฉันพบเรื่องนี้ ณ ที่นี่ในเดนมาร์ก ”
Image credits: Asger Ladefoged
2. Joanna Palani ยังเป็นวัยรุ่น
แต่ในช่วงปี 2014 เธอพักการเรียนในมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน
แล้วไปร่วมการสู้รบในซีเรีย
Image credits: Sarah Buthmann
3. เธอเขียนใน Facebook ว่าได้รับแรงบันดาลใจจาก
“ สู้เพื่อสิทธิสตรี เพื่อประชาธิปไตย
คุณค่าชาวยุโรปที่เรียนรู้จากสตรีชาวเดนมาร์ก ”
Image credits: Unknown
4. คาดว่าเธอยิงพวก ISIS ไปกว่า 100 ศพแล้ว
ในการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่ม Kurdish Peshmerga ในอิรัคกับซีเรีย
Image credits: Joanna Palani
5. เธอยังช่วยปลดปล่อยเด็กหญิงชาวยาซิดี Yazidi ที่ถูกคุมขังเป็นทาสกามพวก ISIS
Image credits: Asger Ladefoged
6. “ ตอนที่พวกเราเตรียมจะปลดปล่อยเด็กหญิงทาสกามในซ่องโจร ISIS
เราพูดกันว่า นักรบหนึ่งคนเข้าไปช่วย นักรบอีกหลายคนจะรอดกลับออกมา "
Image credits: Asger Ladefoged
7. “ บทบาทการเป็นคนซุ่มยิง ครั้งหนึ่ง ฉันเคยอยู่ในแนวหน้าเป็นเวลาถึง 9 วัน
คุณต้องสงบนิ่งเป็นอย่างมาก และเพ่งมองเป้าหมาย ห้ามเสียสมาธิในตอนนั้น "
Image credits: Joanna Palani
8. ปฏิบัติการของเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเดนมาร์กตรวจสอบ
แล้วออกคำสั่งห้ามเธอเดินทางเข้าไปในภูมิภาคสู้รบอีก
หลังจากที่เธอกลับจากสนามรบในเดือนกันยายน 2015
Image credits: Joanna Palani
9. เพราะไม่อยากทอดทิ้งสหายร่วมรบตามลำพัง
เธอแหกคอกกฎหมายและมุ่งหน้ากลับไปอีรัค
เธอต้องเดินเท้าถึง 7 ชั่วโมงในตอนกลางคืน
เพื่อข้ามชายแดนกลับเข้าไปในซีเรีย
Image credits: Asger Ladefoged
10. ตอนที่เธอกลับประเทศ เธอถูกคุมขังถึง 3 สัปดาห์
ในคุกใหญ่ที่สุด Vestre Fængsel ของเดนมาร์ก
Image credits: Sarah Buthmann
11. เธอเชื่อว่าเธอถูกมองว่าเป็นพวกก่อการร้ายในประเทศตนเอง
เธอต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ และย้ายที่อยู่บ่อยครั้งมาก
เพราะกลัวจะถูกพรรคพวกฝ่าย ISIS แก้แค้น
Image credits: Joanna Palani
12. “ ฉันเสียใจที่แหกคอกกฎหมาย แต่ในตอนนี้ ฉันมีทางเลือกชีวิตของฉันแล้ว ”
Image credits: Asger Ladefoged
13. “ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเสี่ยงตาย
ก็เพื่อเสรีภาพที่ถูกพรากจากไปนานแล้ว
ฉันจะไม่ยอมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างต่อไปอีกแล้ว
ฉันจะสู้รบเพื่อเสรีภาพและความปลอดภัยของพวกเรา ”
Image credits: Asger Ladefoged
ปู่ พ่อ และลุงของเธอต่างเป็นนักรบชาวเคิร์ด
ที่มีชื่อเสียงของนักสู้ที่รู้จักในฐานะ
Peshmerga ผู้ยืนหยัดต่อหน้าความตาย
การปฏิวัติอิหร่านทำให้มีการจัดระเบียบประเทศใหม่
มีการจำคุกและประหารชีวิตสมาชิกของครอบครัวของเธอบางคน
ขณะที่กองทัพของซัดดัมฮุสเซนได้ฆ่าญาติคนอื่น ๆ ของเธอ
ด้วยการโจมตีด้วยก๊าซเคมีใน Halabja อิรัก
หมายเหตุ
ชาวเคิร์ดจะอยู่ท่ามกลางประเทศอิรัค ซีเรีย อิหร่าน ตุรกี
แต่ไม่เคยมีเอกราชของประเทศตนเอง
ชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ในประเทศเหล่านี้
จึงมักจะต้องรับศึกหลายด้าน
ท่ามกลางความทรงจำที่พอจำได้ของ Joanna
ครอบครัวต้องขุดหาน้ำท่ามกลางดวงอาทิตย์
ที่แผดเผาพื้นดินท้องทะเลทราย
ขณะที่พี่ชายกับน้องสาวของเธอต้องเดินไปโรงเรียน
ในเส้นทางเพียงทางเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงกับระเบิด
เธอจำได้ว่าภาพร่างกายของเด็กคนหนึ่งแยกเป็นสองส่วน
เพราะผลจากการโจมตีด้วยการยิงลูกระเบิดใส่ค่ายผู้ลี้ภัย
ตอนที่เธออายุได้สามขวบ
ครอบครัวของเธอได้รับอนุญาต
ให้ลี้ภัยไปอยู่ในเดนมาร์ก
เรานั่งเครื่องบินไปเดนมาร์ก
ฉันจำได้ว่านั่งติดกับหน้าต่าง
และกำลังรับประทานโยเกิร์ต
ทันใดนั้นฉันก็อยู่เหนือค่ายผู้ลี้ภัย
และอยู่ในเครื่องบินที่เดินทางไปยุโรป
ฉันอยู่กับแม่ พ่อ พี่ชายทั้งสองคน
พี่สาวคนโตและน้องสาวคนเล็ก
ฉันยังจำครอบครัวชาวเคิร์ดคนอื่น ๆ ได้
มีคนหนึ่งในนั้นที่ฉันยังรู้จัก
เราอยู่ในรถบัสและฉันยังจำได้ว่า
ป้าของฉันร้องไห้เพราะไม่ได้ไปด้วยกันกับเรา
ฉันจำได้ว่าพ่อของฉันใส่เสื้อผ้าแบบยาวของชาวเคิร์ด
และแม่ของฉันอยู่ในชุดเสื้อผ้าอิสลามของเธอ
ฉันจำได้ว่าตอนที่เดินออกจากเครื่องบิน
ฉันจับมือพี่สาวคนโตของฉัน
และเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า ยินดีต้อนรับ
พ่อของฉันถ่ายภาพพวกเราข้างนอก
ด้านนอกป้ายยินดีต้อนรับของสหประชาชาติ
นี่คือภาพแรกของเราในเดนมาร์ก
ด้วยความสดใสและมีไหวพริบ
Joanna เรียนรู้ภาษาเดนมาร์กได้อย่างง่ายดาย
และย้ายถิ่นฐานไปใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ ทางภาคเหนือของเดนมาร์ก
แม้ว่าภายในบ้านครอบครัวจะพูดภาษาเคิร์ด
และยังรักษาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับญาติในอิรัก
ฉันจำได้ว่าฉันเติบโตขึ้นมาด้วยเท้าข้างหนึ่งอยู่ที่เคิร์ด
เท้าอีกข้างหนึ่งอยู่ในเดนมาร์ก "เธอจำได้ว่า
ครอบครัวของฉันยังรักษาประเพณีชาวเคิร์ด
ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำตามแบบเพื่อนเดนมาร์กของฉัน
ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้มีแฟน หรือมีการติดต่อใด ๆ กับผู้ชาย
เรื่องที่น่าเศร้า เธอเริ่มเหินห่างจากพ่อแม่
ที่มักดุด่าเธอว่า เป็นชาวเดนมาร์กและชาวตะวันตกมากเกินไป
พ่อแม่ของฉันยังเอาประเพณีชาวเคิร์ดมาพร้อมกับพวกเขา
ตอนที่เราเดินทาง พวกเขามักจะบอกให้ฉัน
หยุดทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
และทำตัวเหมือนกับผู้หญิงชาวเคิร์ด
แบบดั้งเดิมและแบบของสาวชาวมุสลิม
เธอให้สัมภาษณ์ว่า
เธอมักจะรวบผมหรือโพกผ้าเสมอ
บางครั้งก็ย้อมผมสีดำเพื่อให้กลมกลืน
กับพื้นที่ซุ่มยิงในเวลากลางคืน
เรื่องเล่าไร้สาระ
รัสเซียจัดการกับพวก ISIS อย่างรุนแรงแบบโหดสัตว์
ด้วยการให้เวลากับผู้ก่อการร้ายและตัวประกัน
ให้ยอมมอบตัวหรือหนีไปให้ไกล ๆ เสีย
ถ้าครบกำหนดจะลงมือปฏิบัติการแบบไม่เลือกหน้า
ด้วยปรัชญาเหี้ยมโหดแบบพวกนักรบมองโกล
ที่รัสเซียเคยตกเป็นเมืองขึ้นกว่า 200 ปีว่า
" ถ้าคุณถูกจับเป็นตัวประกัน
ถ้าคุณรอดตายได้ถือว่าคุณโชคดี
ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณด้วย
โทษทัณฑ์บาปบุญเป็นเรื่องของพระเจ้า
แต่การลงโทษแทนพระเจ้าคือเรื่องของข้า
ผู้ใดก็ตามที่อยู่ร่วมกับผู้ก่อการร้าย
หรือให้ที่พักพิงผู้ก่อการร้าย
หรือช่วยเหลือผู้ก่อการร้าย
หรือไม่ยอมบอกว่ามีผู้ก่อการร้าย
มาซ่อนตัวอยู่ในบ้าน/บ้านข้างเคียง
จะถือว่าเป็นพวกก่อการร้ายทุกคน
จะจัดการแบบผู้ก่อการร้ายทุกคน
ไม่มีการแยกแยะว่า เด็ก สตรี คนชรา
ถ้ามีการซุ่มยิงเกิดขึ้นจากบริเวณไหน
รัสเซียจะยิงปืนครก ปืนใหญ่ตอบโต้กลับทันที
หรือให้เครื่องบินทิ้งระเบิดปูพรมบริเวณนั้นเลย
ไม่สนใจว่าจะเป็นโรงพยาบาล/สภากาชาดสากล
หรือมีบ้านเรือนพลเรือนอยู่หรือไม่
เพราะถือว่าเป็นพวกโจรร่วมกัน
กับมีโจรแอบแฝงไปใช้สถานที่ดังกล่าว
แบบมงโกลยุคเก่าเผาชาวบ้านทั้งเป็น
แม้ว่าจะหลบซ่อนอยู่มัสยิศสุเหร่าวัดวาอาราม
เพราะถือว่าร่วมมือกับพวกศัตรูเลยไม่ยอมจำนน
กับเป็นการฆ่าคนเลวที่อาศัยศาสนสถานหลบภัย
กรณีตัวอย่างในรัสเซีย
มีความพยายามรัฐประหารด้วยการยึดรัฐสภา
ใช้สมาชิกรัฐสภาเป็นตัวประกันกว่า 300 คน
ประธานาธิบดีบอริส เยลต์ซินสั่งให้ทหารใช้รถถัง ปืนครก
ยิงถล่มใส่อาคารรัฐสภาทันที
พร้อมกองทัพลุยแหลกไม่สนใจชีวิตตัวประกัน
คณะรัฐประหารกลายเป็นกบฎไปเลย
กบฎเชสเนียเคยจับชาวบ้านในโรงละคร
ที่อยู่ระหว่างชมละครกว่า 400 คน
เพื่อต่อรองกับรัฐบาลรัสเซีย
รัฐบาลสั่งให้ใช้ก๊าซน้ำตาอย่างแรง
ส่งผ่านเข้าทางช่องแอร์
แล้วใช้ทหารลุยแหลกทันที
ยิงทิ้งกบฏทั้งหมดที่อยู่ในโรงละคร
แม้ว่ามีจะผู้ก่อการร้ายรายหนึ่ง
เป็นสตรีจะยอมจำนนแล้วก็ตาม
ผลการบุกทำให้ตัวประกันในโรงละคร
ตายมากกว่า 100 คนและบาดเจ็บนับร้อยเช่นกัน
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/6vsiz5
https://goo.gl/Nz3rN5
https://goo.gl/IsKr1D
https://goo.gl/8bWlFl
https://goo.gl/IsKr1D
Facebook Joanna Palani https://goo.gl/bFGOCM
Iraqi Popular Mobilization Units Sniper kills 173 ISIS fighters - Abu Tahseen 5 war veteran