Iraqi Popular Mobilization Units Sniper kills 173 ISIS fighters - Abu Tahseen 5 war veteran
“ พระอัลเลาะห์เป็นพยาน รับประกันได้เลยว่า
ก่อนที่มันจะล้มลง มันจะกระเด็นไปก่อนหนึ่งเมตร
ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมรู้สึกสบายใจ
ครั้งที่แล้วพวกเขาให้ผมพักหนึ่งเดือน
แต่หลังจากนั้นเพียง 12 วันผมก็กลับมาที่นี่อีก "
Abu Tahseen ทหารผ่านศึกมือปืนซุ่มยิงวัย 62 ปี
ได้ฆ่านักรบ ISIS ไปแล้วกว่า 173 ศพ
ในสงคราม jihad เพื่อบ้านเกิดของตน
มือปืนเคราขาวที่กำลังเล็งปืนยาวซุ่มยิง
ยิงทหารศัตรูจากบนภูเขาสูง
Tahseen ผ่านสนามรบมาแล้ว 5 แห่ง
มีความเชี่ยวชาญในการยิงมาก
มักจะพูดว่า แจ๋ว แล้วพูดว่า
สวดมนตร์ให้ Mohammed
(ศาสดาศาสนาอิสลาม)
กับครอบครัวของมันด้วย
ทหารผ่านศึกผู้นี้เข้าร่วมกับกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว
ในฐานะอาสาสมัครเพื่อป้องกันชาติอิรัค
ที่มีสถานะการณ์สู้รบประจำที่
เทือกเขา Makhoul ใน North Baiji
Tahseen เริ่มร่วมรบตั้งแต่พฤษภาคม 2015
และได้บอกกับช่างภาพว่าได้ยิง ISIS ไปแล้ว
ถึง 173 ศพในช่วงเดือนพฤษภาคม - ธันวาคมที่ผ่านมา
คาดว่าตัวเลขน่าจะเพิ่มมากกว่านี้หลังจากนี้
นักรบที่พกลูกกระสุนขนาดยาวกว่านิ้วมือ
วางเรียงรายคาดอยู่กับเข็มขัด
คืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพในการยิง
จากปืนซุ่มยิงขนาดยาวราว 1 เมตร
ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
พวกทหารศัตรูต่างหวาดกลัวกับปืนซุ่มยิงของเขามาก
ยิ่งยิงจากระยะทางหนึ่งไมล์ในพื้นที่เปิดโล่งด้านล่างนี้
" ตามภาพที่คุณเห็น ผมรับรองกับพระเจ้าได้เลยว่า
ไม่มีใครรอดแน่ (ถ้าถูกผมยิง) "
Tahseen ได้ผ่านสนามรบมาแล้วถึง 5 แห่ง มี
Yom Kippur/ยิว อิหร่าน-อิรัค ยึดครองคูเวต Gulf War/สหรัฐฯ และที่นี่
ขณะที่ Tahseen กำลังเล็งปืนอยู่ ก็พูดคุยทางวิทยุกับคนชี้เป้า
โดยเล็งปืนซุ่มยิงไปตามจุดที่คนชี้เป้าบอกที่ด้านล่างของภูเขา
Tahseen เล็งผ่านกล้องระยะไกล แล้วหยุดแน่นิ่ง
ขณะที่เหนี่ยวไกปืน ทั้งพยายามควบคุมปืนไม่ให้ถีบกลับ
แม้ว่าปืนจะสะบัดเล็กน้อย แต่ Tahseen ยังไม่ละสายตาไปจากกล้อง
เล็งไปยังเหยื่อในอีกสองสามวินาที จนกระทั่งแน่ใจว่ายิงโดนเป้าหมายแล้ว
Tahseen สู้รบให้กับกองกำลังติดอาวุธนิกาย Shia พูดว่า
" แจ๋ว สวดมนตร์ให้โมฮัมหมัด กับครอบครัวของมันด้วย
เจ๋ง มันตายในหุบเขาแล้ว "
ทหารผ่านศึกอิรัคจำนวนมากเคยผ่านการสู้รบกับทหารอเมริกันมาก่อน
แล้วต่อมาได้เดินทางไปร่วมรบในซึเรีย เพื่อสู้รบกับพวก ISIS
แต่เมื่อ ISIS บุกยึดเมืองโมซูล Mosul ได้แล้ว
ทหารส่วนมากต่างกลับมาตุภูมิเพื่อสู้รบเพื่อชาติ
คำว่า Hashd al-Shaabi / Hashd Shaabi คือ
Popular mobilisation units / People’s Mobilization Forces
มีการใช้ครั้งแรกกับกลุ่มนักรบจรยุทธ์ที่รบกับพวก Islamic State (IS)
ช่วงฤดูร้อนของปี 2014 และตอนนี้กลายเป็นคำยอดนิยม
ของกองกำลังติดอาวุธอิรัคชีอะห์
บางแหล่งข่าวระบุว่าตั้งชื่อโดยอดีตนายกรัฐมนตรีอิรัค
Haider al-Abadi ผู้ดำรงตำแหน่งก่อน Nouri al-Maliki
อิหร่าน คือ ผู้ให้การสนับสนุนหลักของอิรัค
ในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ในช่วงแรกเริ่มสงครามกับ ISIS
กองทัพอิหร่านยังร่วมมือกับกองทัพอิรัค
โดยการผ่านกระทรวงมหาดไทยของอิรัค
ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับอิหร่าน
โดยอิหร่านได้วางรากฐานกองทัพ
ในอิรัค คือ Popular Mobilization Forces
ในซีเรีย คือ National Defense Forces
ที่รวบรวมมุสลิมชีอะห์ที่เป็นนักรบ
จากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งจากอัฟกานิสถานและปากีสถาน
กองกำลังเหล่านี้มีสายสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง
กับเจ้าหน้าที่กองทัพอิรัคและหน่วยงานความมั่นคง
ที่บังคับบัญชาเฉพาะทหารมุสลิมชีอะห์
ในช่วงต้นปี 2015 ที่มีวิกฤติทางการทหาร
เพราะทหารอิรัคมุสลิมสุหนี่แตกทัพจากการรบในโมซุล
เปิดช่องให้กลุ่ม ISIL/ISIS เข้าครอบครองเมืองได้
รัฐบาลมุสลิมชีอะห์ในแบกแดด
กำลังสู้รบกับกลุ่มมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรง
ที่ได้รับการสนับสนุนจากพวก ISIS
ทำให้นักรบมุสลิมชีอะห์ต่างไว้ใจอิหร่านมากกว่าเดิม
และยิ่งได้รับการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์จากอิหร่าน
ทำให้เริ่มตอบโต้กองกำลัง ISIS ได้ตั้งแต่ฤดูร้อน 2014
กองกำลังติดอาวุธมุสลิมชีอะห์หลายกลุ่ม
อยู่ภายใต้การดูแลอย่างลับ ๆ ของรัฐบาลอิรัค
ที่เรียกว่า Popular Mobilization Committee หรือ Hashd Shaabi
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/NFqXip
http://goo.gl/lYGvEQ
http://goo.gl/8fDPI4
http://goo.gl/b39tEP
STEYR HS .50 M1
ปืนซุ่มยิงที่ Tahseen ใช้อยู่
คาดว่าน่าจะเป็น AM-50 Sayyad
ที่อิหร่านผลิตเลียนแบบ STEYR HS .50 M1
หลังจากที่เคยสั่งซื้อ 800 กระบอกในปี 2006
ก่อนถูกหลายชาติปิดล้อมทางการค้า/เศรษฐกิจ
มีระยะหวังผลไม่เกินกว่า 1,500 เมตร
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://goo.gl/OPXMjM
กระสุนปืนขนาด .50 Browning Machine Gun (.50 BMG) หรือ 12.7×99mm NATO
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://goo.gl/ZHfBqr
ความแตกต่างของศาสนาอิสลามนิกาย สุหนี่ กับ ชีอะห์
ปัจจุบันทั่วโลกมีพี่น้องชาว มุสลิม รวมกันทั้งสิ้น 1,600 ล้านคน
โดยส่วนใหญ่หรือประมาณ 87-90% นับถือนิกายสุหนี่
ส่วนที่เหลือส่วนน้อยประมาณ 13-10% เป็นผู้นับถือนิกายชีอะห์
ส่วนมากอาศัยอยู่ใน อิหร่าน ปากีสถาน อินเดีย และอิรัก
พี่น้อง มุสลิม ทั้งสองนิกาย มีความเห็นตรงกัน
ในเรื่องหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนา
และการถือว่าอัลกุรอานเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
แต่ประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน คือ
ประวัติศาสตร์การเมือง และการตีความพระคัมภีร์
การแบ่งแยกนิกายเกิดขึ้น หลังท่านนบี มูฮัมหมัด เสียชีวิต
เนื่องจากความเห็นต่างกัน ว่าใครสมควรขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด
หรือ กาหลิบ ต่อจากองค์ศาสดา
โดยกลุ่มแรก ที่เป็นกลุ่มใหญ่ หรือกลุ่มนิกายสุหนี่
สนับสนุนท่านอาบู บัคร์ ศิษย์ใกล้ชิดขององค์ศาสดา
เพราะเชื่อว่าผู้นำไม่จำเป็นต้องสืบสายเลือดหรือแต่งตั้งจากองค์ศาสดา
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอห์ บิน อับดัลอะซิซ กษัตริย์แห่งซาอุดิอารเบีย
นับถือนิกายวาฮะบีห์ เป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้ถือนิกายสุหนี่มากที่สุดในโลก ที่มา Reuters
ส่วนมุสลิมกลุ่มน้อยที่แยกเป็นนิกาย ชีอะห์ นั้น
เห็นว่าผู้นำที่จะสืบทอดศาสนาต่อไป
จะต้องเป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณด้วย
จึงต้องเป็นผู้สืบสายเลือดจากศาสดา
จึงสนับสนุนท่าน อาลี ลูกพี่ลูกน้องและน้องเขยของท่านนบี
ความเห็นต่างทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้เกิดแรงเคลื่อนไหวทางศาสนาและการเมืองที่แตกต่างกันตลอดมา
แนวคิดที่แตกต่างกันนี้ เห็นได้ชัดในพิธีกรรมของทั้งสองนิกาย
โดยชาวชีอะห์จะมีการจัดงานวันอาชูรา
หรือวันรำลึกของ ฮูเซย์น อิบน์ อาลี ผู้เป็นบุตรของท่านอาลี ทุกปี
และตำหนิชาวสุหนี่ที่ไม่ยอมเฉลิมฉลองพิธีดังกล่าว
(มีพิธีกรรมแขกเจ้าเซ็นในไทย)
ขณะที่ชาวสุหนี่ ยึดถือการบูชาพระเจ้าและศาสดาเท่านั้น
อายะตุลลอฮ์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ที่มา AP
ทั้งนี้ คัมภีร์อัลกุรอานนั้นถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ของชาวมุสลิมทุกคน ความแตกต่างอยู่ที่
ชาวสุหนี่ ยึดถือแนวทางการดำรงตนตาม ซุนนะห์ ตามคำสอนของท่านนบี
ชาวชีอะห์จะนับถืออายะตุลลอฮ์ ผู้ที่พวกเขาถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าที่อยู่บนโลก
ความขัดแย้งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้สถาบันวิจัย Pew สำรวจในปี 2012
พบว่า 40% ของผู้ถือมุสลิมนิกายสุหนี่ ในตะวันออกกลางไปจนถึงอเมริกาเหนือ
ไม่ยอมรับผู้ถือนิกายชีอะห์ว่าเป็นชาวมุสลิมด้วยกัน
เครดิต/คัดลอกจาก
http://goo.gl/ohTncD
ระลึกวันอาชูรอ พิธีแห่เจ้าเซ็นกุฎีเจริญพาศน์
เรื่องเล่าไร้สาระ
มิเชล ฟูโกร์ นักคิดชาวฝรั่งเศสเคยเขียนไว้ว่า
พิธีกรรมคือ การตอกย้ำความทรงจำในประวัติศาสตร์
ไม่ให้ผู้สืบทอดลืมเลือนเรื่องราวในอดีต
ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเซ่นไหว้ การบวงสรวง ฯลฯ
และต้องมีการกำหนดวันที่ชัดเจนไว้กันลืมด้วย
คนปักษ์ใต้/คนนอกในอดีตมีงานบุญเดือนสิบ
นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนิยมสันนิษฐานว่า
เดิมคือพิธีกรรมสาปแช่ง/รำลึกถึงการพลัดพรากของญาติพี่น้อง
ที่ถูกจับไปเป็นไพร่/ทาส/เชลยไปรับใช้เมืองหลวง/ต่างเมือง
โอกาสหวนกลับคืนมาคงไม่มีอีกแล้ว
โดยสันนิษฐานจากขนมในพิธีกรรมที่ต้องมี
ขนมลา เสื้อผ้าให้สวมใส่ ขนมพอง เรือแพให้พากลับ
ข้าวต้มมัด เสบียงอาหารเดินทาง ขนมเจาะหู ทองคำร้อยหู
วิ่งหนีผีทองสูงหรือข้าศึก
http://goo.gl/L8TlbY
ต่อมาศาสนาพุทธได้กล่อมเกลา
จนทำให้ลืมเลือนกลายเป็นพิธีชิงเปรต/ทำบุญให้ญาติที่ล่วงลับ
จุฬาราชมนตรีท่านแรกของไทย
แต่งตั้งในสมัยพระเจ้าทรงธรรม
เพื่อดูแลการค้าขายทางเรือ
กับควบคุมกำกับดูแลชาวบ้านมุสลิม
ท่านแรกคือ เฉกอะหมัด เป็นมุสลิมชีอะห์ (เฉก=ชีค)
เป็นต้นตระกูล บุนนาค ของคนไทย
มาจากเมืองกูนี (Gūnī) เปอร์เซีย/อิหร่าน
http://goo.gl/09lZkZ
เดิมเชื่อว่ามาจาก Qom เมืองศาสนา
คนไทยเคยไปสอบถามไม่มีตำนาน
กับชาวบ้านบอกไม่เคยรู้มาก่อน
เฉกอะหมัดเดินทางมาค้าขายที่เมืองไทย
พร้อมกับเฉกสะอีด น้องชายท่าน
ตั้งแต่ปลายสมัยพระเอกาทศรศ
พระอนุชาพระนเรศ(นเรศวรมหาราช)
ได้ตั้งรกรากและมีภริยาเป็นชาวไทย
ต่อมา เฉกสะอีดได้กลับบ้านเกิดแล้วไปเสียชีวิตที่นั่น
หลังจากนั้นไปไม่นานนัก อากามหะหมัด
บุตรชายเฉกสะอีดก็เดินทางกลับมาเมืองไทย
แล้วเข้ารับราชการในสมัยพระนารายณ์มหาราช
ซึ่งตอนนั้นเฉกอะหมัดยังมีชีวิตอยู่แต่ชราภาพแล้ว
สกุลบุนนาคบางคนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
เพราะอยากตามเสด็จไปไหว้พระพุทธบาทที่สระบุรี
แต่หลายคนในสกุลยังเป็นมุสลิมชีอะห์
แต่บางคนได้เปลี่ยนเป็นมุสลิมสุหนี่ในภายหลัง
ในสมัยต้นรัชกาลที่ 1
มีการแยกสายสกุลนับถือศาสนากัน
ที่รวมญาติพี่น้องจะเป็นอันรู้กันว่า
สายพุทธที่วัดบุปผารามวรวิหาร
http://goo.gl/OrWH6R
สายอิสลามที่มัสยิศต้นสน
http://goo.gl/WOYVNH
รวมญาติประจำปีที่ฝังศพต้นตระกูลเฉกอะหมัด
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
http://goo.gl/UHkmdK
จุฬาราชมนตรีไทยดูแลทั้งประเทศ
ในมาเลเซียแต่ละรัฐที่มีสุลต่าน
จะมีจุฬาราชมนตรีแต่ละรัฐเอง
จุฬาราชมนตรีไทย
สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
เป็นตำแหน่งพระราชทาน
ปู่ของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
เป็นจุฬาราชมนตรีท่านสุดท้าย
ที่เป็นมุสลิมนิกายชีอะห์
หลังจากนั้นเป็นต้นมา
จุฬาราชมนตรีไทย
จะเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่
เพราะมาจากการเลือกตั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://goo.gl/9TDBIs
https://goo.gl/pmWbB1
มุสลิมชีอะห์อีกท่าน
http://goo.gl/UTIXg3
คือ สุลต่านซุไลมาน อดีตเจ้าเมืองสงขลา
ต้นสกุล ณ พัทลุง ศรียาภัย ณ ป้อมเพ็ชร ฯลฯ
ทหารผ่านศึก 5 สนามรบวัย 62 ปีซุ่มยิง ISIS ไปแล้ว 173 ศพ
Iraqi Popular Mobilization Units Sniper kills 173 ISIS fighters - Abu Tahseen 5 war veteran
“ พระอัลเลาะห์เป็นพยาน รับประกันได้เลยว่า
ก่อนที่มันจะล้มลง มันจะกระเด็นไปก่อนหนึ่งเมตร
ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมรู้สึกสบายใจ
ครั้งที่แล้วพวกเขาให้ผมพักหนึ่งเดือน
แต่หลังจากนั้นเพียง 12 วันผมก็กลับมาที่นี่อีก "
Abu Tahseen ทหารผ่านศึกมือปืนซุ่มยิงวัย 62 ปี
ได้ฆ่านักรบ ISIS ไปแล้วกว่า 173 ศพ
ในสงคราม jihad เพื่อบ้านเกิดของตน
มือปืนเคราขาวที่กำลังเล็งปืนยาวซุ่มยิง
ยิงทหารศัตรูจากบนภูเขาสูง
Tahseen ผ่านสนามรบมาแล้ว 5 แห่ง
มีความเชี่ยวชาญในการยิงมาก
มักจะพูดว่า แจ๋ว แล้วพูดว่า
สวดมนตร์ให้ Mohammed
(ศาสดาศาสนาอิสลาม)
กับครอบครัวของมันด้วย
ทหารผ่านศึกผู้นี้เข้าร่วมกับกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว
ในฐานะอาสาสมัครเพื่อป้องกันชาติอิรัค
ที่มีสถานะการณ์สู้รบประจำที่
เทือกเขา Makhoul ใน North Baiji
Tahseen เริ่มร่วมรบตั้งแต่พฤษภาคม 2015
และได้บอกกับช่างภาพว่าได้ยิง ISIS ไปแล้ว
ถึง 173 ศพในช่วงเดือนพฤษภาคม - ธันวาคมที่ผ่านมา
คาดว่าตัวเลขน่าจะเพิ่มมากกว่านี้หลังจากนี้
นักรบที่พกลูกกระสุนขนาดยาวกว่านิ้วมือ
วางเรียงรายคาดอยู่กับเข็มขัด
คืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพในการยิง
จากปืนซุ่มยิงขนาดยาวราว 1 เมตร
ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
พวกทหารศัตรูต่างหวาดกลัวกับปืนซุ่มยิงของเขามาก
ยิ่งยิงจากระยะทางหนึ่งไมล์ในพื้นที่เปิดโล่งด้านล่างนี้
" ตามภาพที่คุณเห็น ผมรับรองกับพระเจ้าได้เลยว่า
ไม่มีใครรอดแน่ (ถ้าถูกผมยิง) "
Tahseen ได้ผ่านสนามรบมาแล้วถึง 5 แห่ง มี
Yom Kippur/ยิว อิหร่าน-อิรัค ยึดครองคูเวต Gulf War/สหรัฐฯ และที่นี่
ขณะที่ Tahseen กำลังเล็งปืนอยู่ ก็พูดคุยทางวิทยุกับคนชี้เป้า
โดยเล็งปืนซุ่มยิงไปตามจุดที่คนชี้เป้าบอกที่ด้านล่างของภูเขา
Tahseen เล็งผ่านกล้องระยะไกล แล้วหยุดแน่นิ่ง
ขณะที่เหนี่ยวไกปืน ทั้งพยายามควบคุมปืนไม่ให้ถีบกลับ
แม้ว่าปืนจะสะบัดเล็กน้อย แต่ Tahseen ยังไม่ละสายตาไปจากกล้อง
เล็งไปยังเหยื่อในอีกสองสามวินาที จนกระทั่งแน่ใจว่ายิงโดนเป้าหมายแล้ว
Tahseen สู้รบให้กับกองกำลังติดอาวุธนิกาย Shia พูดว่า
" แจ๋ว สวดมนตร์ให้โมฮัมหมัด กับครอบครัวของมันด้วย
เจ๋ง มันตายในหุบเขาแล้ว "
ทหารผ่านศึกอิรัคจำนวนมากเคยผ่านการสู้รบกับทหารอเมริกันมาก่อน
แล้วต่อมาได้เดินทางไปร่วมรบในซึเรีย เพื่อสู้รบกับพวก ISIS
แต่เมื่อ ISIS บุกยึดเมืองโมซูล Mosul ได้แล้ว
ทหารส่วนมากต่างกลับมาตุภูมิเพื่อสู้รบเพื่อชาติ
คำว่า Hashd al-Shaabi / Hashd Shaabi คือ
Popular mobilisation units / People’s Mobilization Forces
มีการใช้ครั้งแรกกับกลุ่มนักรบจรยุทธ์ที่รบกับพวก Islamic State (IS)
ช่วงฤดูร้อนของปี 2014 และตอนนี้กลายเป็นคำยอดนิยม
ของกองกำลังติดอาวุธอิรัคชีอะห์
บางแหล่งข่าวระบุว่าตั้งชื่อโดยอดีตนายกรัฐมนตรีอิรัค
Haider al-Abadi ผู้ดำรงตำแหน่งก่อน Nouri al-Maliki
อิหร่าน คือ ผู้ให้การสนับสนุนหลักของอิรัค
ในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ในช่วงแรกเริ่มสงครามกับ ISIS
กองทัพอิหร่านยังร่วมมือกับกองทัพอิรัค
โดยการผ่านกระทรวงมหาดไทยของอิรัค
ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับอิหร่าน
โดยอิหร่านได้วางรากฐานกองทัพ
ในอิรัค คือ Popular Mobilization Forces
ในซีเรีย คือ National Defense Forces
ที่รวบรวมมุสลิมชีอะห์ที่เป็นนักรบ
จากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งจากอัฟกานิสถานและปากีสถาน
กองกำลังเหล่านี้มีสายสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง
กับเจ้าหน้าที่กองทัพอิรัคและหน่วยงานความมั่นคง
ที่บังคับบัญชาเฉพาะทหารมุสลิมชีอะห์
ในช่วงต้นปี 2015 ที่มีวิกฤติทางการทหาร
เพราะทหารอิรัคมุสลิมสุหนี่แตกทัพจากการรบในโมซุล
เปิดช่องให้กลุ่ม ISIL/ISIS เข้าครอบครองเมืองได้
รัฐบาลมุสลิมชีอะห์ในแบกแดด
กำลังสู้รบกับกลุ่มมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรง
ที่ได้รับการสนับสนุนจากพวก ISIS
ทำให้นักรบมุสลิมชีอะห์ต่างไว้ใจอิหร่านมากกว่าเดิม
และยิ่งได้รับการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์จากอิหร่าน
ทำให้เริ่มตอบโต้กองกำลัง ISIS ได้ตั้งแต่ฤดูร้อน 2014
กองกำลังติดอาวุธมุสลิมชีอะห์หลายกลุ่ม
อยู่ภายใต้การดูแลอย่างลับ ๆ ของรัฐบาลอิรัค
ที่เรียกว่า Popular Mobilization Committee หรือ Hashd Shaabi
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/NFqXip
http://goo.gl/lYGvEQ
http://goo.gl/8fDPI4
http://goo.gl/b39tEP
STEYR HS .50 M1
ปืนซุ่มยิงที่ Tahseen ใช้อยู่
คาดว่าน่าจะเป็น AM-50 Sayyad
ที่อิหร่านผลิตเลียนแบบ STEYR HS .50 M1
หลังจากที่เคยสั่งซื้อ 800 กระบอกในปี 2006
ก่อนถูกหลายชาติปิดล้อมทางการค้า/เศรษฐกิจ
มีระยะหวังผลไม่เกินกว่า 1,500 เมตร
ข้อมูลเพิ่มเติม https://goo.gl/OPXMjM
กระสุนปืนขนาด .50 Browning Machine Gun (.50 BMG) หรือ 12.7×99mm NATO
ข้อมูลเพิ่มเติม https://goo.gl/ZHfBqr
ความแตกต่างของศาสนาอิสลามนิกาย สุหนี่ กับ ชีอะห์
ปัจจุบันทั่วโลกมีพี่น้องชาว มุสลิม รวมกันทั้งสิ้น 1,600 ล้านคน
โดยส่วนใหญ่หรือประมาณ 87-90% นับถือนิกายสุหนี่
ส่วนที่เหลือส่วนน้อยประมาณ 13-10% เป็นผู้นับถือนิกายชีอะห์
ส่วนมากอาศัยอยู่ใน อิหร่าน ปากีสถาน อินเดีย และอิรัก
นิกายของศาสนา มุสลิม ในพื้นที่ต่างๆของโลก
สีเขียวอ่อนคือสุหนี่ ส่วนสีเขียวเข้มคือชีอะห์
ที่มา http://sunnishiacolumbia.edu
พี่น้อง มุสลิม ทั้งสองนิกาย มีความเห็นตรงกัน
ในเรื่องหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนา
และการถือว่าอัลกุรอานเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
แต่ประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน คือ
ประวัติศาสตร์การเมือง และการตีความพระคัมภีร์
การแบ่งแยกนิกายเกิดขึ้น หลังท่านนบี มูฮัมหมัด เสียชีวิต
เนื่องจากความเห็นต่างกัน ว่าใครสมควรขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด
หรือ กาหลิบ ต่อจากองค์ศาสดา
โดยกลุ่มแรก ที่เป็นกลุ่มใหญ่ หรือกลุ่มนิกายสุหนี่
สนับสนุนท่านอาบู บัคร์ ศิษย์ใกล้ชิดขององค์ศาสดา
เพราะเชื่อว่าผู้นำไม่จำเป็นต้องสืบสายเลือดหรือแต่งตั้งจากองค์ศาสดา
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอห์ บิน อับดัลอะซิซ กษัตริย์แห่งซาอุดิอารเบีย
นับถือนิกายวาฮะบีห์ เป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้ถือนิกายสุหนี่มากที่สุดในโลก ที่มา Reuters
ส่วนมุสลิมกลุ่มน้อยที่แยกเป็นนิกาย ชีอะห์ นั้น
เห็นว่าผู้นำที่จะสืบทอดศาสนาต่อไป
จะต้องเป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณด้วย
จึงต้องเป็นผู้สืบสายเลือดจากศาสดา
จึงสนับสนุนท่าน อาลี ลูกพี่ลูกน้องและน้องเขยของท่านนบี
ความเห็นต่างทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้เกิดแรงเคลื่อนไหวทางศาสนาและการเมืองที่แตกต่างกันตลอดมา
แนวคิดที่แตกต่างกันนี้ เห็นได้ชัดในพิธีกรรมของทั้งสองนิกาย
โดยชาวชีอะห์จะมีการจัดงานวันอาชูรา
หรือวันรำลึกของ ฮูเซย์น อิบน์ อาลี ผู้เป็นบุตรของท่านอาลี ทุกปี
และตำหนิชาวสุหนี่ที่ไม่ยอมเฉลิมฉลองพิธีดังกล่าว
(มีพิธีกรรมแขกเจ้าเซ็นในไทย)
ขณะที่ชาวสุหนี่ ยึดถือการบูชาพระเจ้าและศาสดาเท่านั้น
อายะตุลลอฮ์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ที่มา AP
ทั้งนี้ คัมภีร์อัลกุรอานนั้นถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ของชาวมุสลิมทุกคน ความแตกต่างอยู่ที่
ชาวสุหนี่ ยึดถือแนวทางการดำรงตนตาม ซุนนะห์ ตามคำสอนของท่านนบี
ชาวชีอะห์จะนับถืออายะตุลลอฮ์ ผู้ที่พวกเขาถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าที่อยู่บนโลก
ความขัดแย้งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้สถาบันวิจัย Pew สำรวจในปี 2012
พบว่า 40% ของผู้ถือมุสลิมนิกายสุหนี่ ในตะวันออกกลางไปจนถึงอเมริกาเหนือ
ไม่ยอมรับผู้ถือนิกายชีอะห์ว่าเป็นชาวมุสลิมด้วยกัน
เครดิต/คัดลอกจาก http://goo.gl/ohTncD
ระลึกวันอาชูรอ พิธีแห่เจ้าเซ็นกุฎีเจริญพาศน์
เรื่องเล่าไร้สาระ
มิเชล ฟูโกร์ นักคิดชาวฝรั่งเศสเคยเขียนไว้ว่า
พิธีกรรมคือ การตอกย้ำความทรงจำในประวัติศาสตร์
ไม่ให้ผู้สืบทอดลืมเลือนเรื่องราวในอดีต
ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเซ่นไหว้ การบวงสรวง ฯลฯ
และต้องมีการกำหนดวันที่ชัดเจนไว้กันลืมด้วย
คนปักษ์ใต้/คนนอกในอดีตมีงานบุญเดือนสิบ
นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนิยมสันนิษฐานว่า
เดิมคือพิธีกรรมสาปแช่ง/รำลึกถึงการพลัดพรากของญาติพี่น้อง
ที่ถูกจับไปเป็นไพร่/ทาส/เชลยไปรับใช้เมืองหลวง/ต่างเมือง
โอกาสหวนกลับคืนมาคงไม่มีอีกแล้ว
โดยสันนิษฐานจากขนมในพิธีกรรมที่ต้องมี
ขนมลา เสื้อผ้าให้สวมใส่ ขนมพอง เรือแพให้พากลับ
ข้าวต้มมัด เสบียงอาหารเดินทาง ขนมเจาะหู ทองคำร้อยหู
วิ่งหนีผีทองสูงหรือข้าศึก http://goo.gl/L8TlbY
ต่อมาศาสนาพุทธได้กล่อมเกลา
จนทำให้ลืมเลือนกลายเป็นพิธีชิงเปรต/ทำบุญให้ญาติที่ล่วงลับ
จุฬาราชมนตรีท่านแรกของไทย
แต่งตั้งในสมัยพระเจ้าทรงธรรม
เพื่อดูแลการค้าขายทางเรือ
กับควบคุมกำกับดูแลชาวบ้านมุสลิม
ท่านแรกคือ เฉกอะหมัด เป็นมุสลิมชีอะห์ (เฉก=ชีค)
เป็นต้นตระกูล บุนนาค ของคนไทย
มาจากเมืองกูนี (Gūnī) เปอร์เซีย/อิหร่าน http://goo.gl/09lZkZ
เดิมเชื่อว่ามาจาก Qom เมืองศาสนา
คนไทยเคยไปสอบถามไม่มีตำนาน
กับชาวบ้านบอกไม่เคยรู้มาก่อน
เฉกอะหมัดเดินทางมาค้าขายที่เมืองไทย
พร้อมกับเฉกสะอีด น้องชายท่าน
ตั้งแต่ปลายสมัยพระเอกาทศรศ
พระอนุชาพระนเรศ(นเรศวรมหาราช)
ได้ตั้งรกรากและมีภริยาเป็นชาวไทย
ต่อมา เฉกสะอีดได้กลับบ้านเกิดแล้วไปเสียชีวิตที่นั่น
หลังจากนั้นไปไม่นานนัก อากามหะหมัด
บุตรชายเฉกสะอีดก็เดินทางกลับมาเมืองไทย
แล้วเข้ารับราชการในสมัยพระนารายณ์มหาราช
ซึ่งตอนนั้นเฉกอะหมัดยังมีชีวิตอยู่แต่ชราภาพแล้ว
สกุลบุนนาคบางคนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
เพราะอยากตามเสด็จไปไหว้พระพุทธบาทที่สระบุรี
แต่หลายคนในสกุลยังเป็นมุสลิมชีอะห์
แต่บางคนได้เปลี่ยนเป็นมุสลิมสุหนี่ในภายหลัง
ในสมัยต้นรัชกาลที่ 1
มีการแยกสายสกุลนับถือศาสนากัน
ที่รวมญาติพี่น้องจะเป็นอันรู้กันว่า
สายพุทธที่วัดบุปผารามวรวิหาร http://goo.gl/OrWH6R
สายอิสลามที่มัสยิศต้นสน http://goo.gl/WOYVNH
รวมญาติประจำปีที่ฝังศพต้นตระกูลเฉกอะหมัด
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา http://goo.gl/UHkmdK
จุฬาราชมนตรีไทยดูแลทั้งประเทศ
ในมาเลเซียแต่ละรัฐที่มีสุลต่าน
จะมีจุฬาราชมนตรีแต่ละรัฐเอง
จุฬาราชมนตรีไทย
สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
เป็นตำแหน่งพระราชทาน
ปู่ของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
เป็นจุฬาราชมนตรีท่านสุดท้าย
ที่เป็นมุสลิมนิกายชีอะห์
หลังจากนั้นเป็นต้นมา
จุฬาราชมนตรีไทย
จะเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่
เพราะมาจากการเลือกตั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://goo.gl/9TDBIs
https://goo.gl/pmWbB1
มุสลิมชีอะห์อีกท่าน http://goo.gl/UTIXg3
คือ สุลต่านซุไลมาน อดีตเจ้าเมืองสงขลา
ต้นสกุล ณ พัทลุง ศรียาภัย ณ ป้อมเพ็ชร ฯลฯ