ทหารผ่านศึก 5 สนามรบวัย 62 ปีซุ่มยิง ISIS ไปแล้ว 173 ศพ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Iraqi Popular Mobilization Units Sniper kills 173 ISIS fighters - Abu Tahseen 5 war veteran





“ พระอัลเลาะห์เป็นพยาน รับประกันได้เลยว่า
ก่อนที่มันจะล้มลง มันจะกระเด็นไปก่อนหนึ่งเมตร

ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมรู้สึกสบายใจ
ครั้งที่แล้วพวกเขาให้ผมพักหนึ่งเดือน
แต่หลังจากนั้นเพียง 12 วันผมก็กลับมาที่นี่อีก "

Abu Tahseen ทหารผ่านศึกมือปืนซุ่มยิงวัย 62 ปี
ได้ฆ่านักรบ ISIS ไปแล้วกว่า 173 ศพ
ในสงคราม jihad เพื่อบ้านเกิดของตน
มือปืนเคราขาวที่กำลังเล็งปืนยาวซุ่มยิง
ยิงทหารศัตรูจากบนภูเขาสูง

Tahseen ผ่านสนามรบมาแล้ว 5 แห่ง
มีความเชี่ยวชาญในการยิงมาก
มักจะพูดว่า แจ๋ว แล้วพูดว่า
สวดมนตร์ให้ Mohammed
(ศาสดาศาสนาอิสลาม)
กับครอบครัวของมันด้วย





ทหารผ่านศึกผู้นี้เข้าร่วมกับกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว
ในฐานะอาสาสมัครเพื่อป้องกันชาติอิรัค
ที่มีสถานะการณ์สู้รบประจำที่
เทือกเขา Makhoul ใน North Baiji

Tahseen เริ่มร่วมรบตั้งแต่พฤษภาคม 2015
และได้บอกกับช่างภาพว่าได้ยิง ISIS ไปแล้ว
ถึง 173 ศพในช่วงเดือนพฤษภาคม - ธันวาคมที่ผ่านมา
คาดว่าตัวเลขน่าจะเพิ่มมากกว่านี้หลังจากนี้

นักรบที่พกลูกกระสุนขนาดยาวกว่านิ้วมือ
วางเรียงรายคาดอยู่กับเข็มขัด
คืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพในการยิง
จากปืนซุ่มยิงขนาดยาวราว 1 เมตร
ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
พวกทหารศัตรูต่างหวาดกลัวกับปืนซุ่มยิงของเขามาก
ยิ่งยิงจากระยะทางหนึ่งไมล์ในพื้นที่เปิดโล่งด้านล่างนี้

" ตามภาพที่คุณเห็น ผมรับรองกับพระเจ้าได้เลยว่า
  ไม่มีใครรอดแน่ (ถ้าถูกผมยิง) "



Tahseen ได้ผ่านสนามรบมาแล้วถึง 5 แห่ง มี
Yom Kippur/ยิว อิหร่าน-อิรัค ยึดครองคูเวต Gulf War/สหรัฐฯ และที่นี่


ขณะที่ Tahseen กำลังเล็งปืนอยู่ ก็พูดคุยทางวิทยุกับคนชี้เป้า
โดยเล็งปืนซุ่มยิงไปตามจุดที่คนชี้เป้าบอกที่ด้านล่างของภูเขา



Tahseen เล็งผ่านกล้องระยะไกล แล้วหยุดแน่นิ่ง
ขณะที่เหนี่ยวไกปืน ทั้งพยายามควบคุมปืนไม่ให้ถีบกลับ


แม้ว่าปืนจะสะบัดเล็กน้อย แต่ Tahseen ยังไม่ละสายตาไปจากกล้อง
เล็งไปยังเหยื่อในอีกสองสามวินาที  จนกระทั่งแน่ใจว่ายิงโดนเป้าหมายแล้ว


Tahseen สู้รบให้กับกองกำลังติดอาวุธนิกาย Shia พูดว่า
" แจ๋ว สวดมนตร์ให้โมฮัมหมัด  กับครอบครัวของมันด้วย
  เจ๋ง มันตายในหุบเขาแล้ว "

ทหารผ่านศึกอิรัคจำนวนมากเคยผ่านการสู้รบกับทหารอเมริกันมาก่อน
แล้วต่อมาได้เดินทางไปร่วมรบในซึเรีย เพื่อสู้รบกับพวก ISIS
แต่เมื่อ ISIS บุกยึดเมืองโมซูล Mosul ได้แล้ว
ทหารส่วนมากต่างกลับมาตุภูมิเพื่อสู้รบเพื่อชาติ

คำว่า Hashd al-Shaabi / Hashd Shaabi คือ
Popular mobilisation units / People’s Mobilization Forces
มีการใช้ครั้งแรกกับกลุ่มนักรบจรยุทธ์ที่รบกับพวก Islamic State (IS)
ช่วงฤดูร้อนของปี  2014 และตอนนี้กลายเป็นคำยอดนิยม
ของกองกำลังติดอาวุธอิรัคชีอะห์
บางแหล่งข่าวระบุว่าตั้งชื่อโดยอดีตนายกรัฐมนตรีอิรัค
Haider al-Abadi ผู้ดำรงตำแหน่งก่อน Nouri al-Maliki



อิหร่าน คือ ผู้ให้การสนับสนุนหลักของอิรัค
ในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ในช่วงแรกเริ่มสงครามกับ ISIS
กองทัพอิหร่านยังร่วมมือกับกองทัพอิรัค
โดยการผ่านกระทรวงมหาดไทยของอิรัค
ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับอิหร่าน

โดยอิหร่านได้วางรากฐานกองทัพ
ในอิรัค คือ Popular Mobilization Forces
ในซีเรีย คือ National Defense Forces
ที่รวบรวมมุสลิมชีอะห์ที่เป็นนักรบ
จากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งจากอัฟกานิสถานและปากีสถาน

กองกำลังเหล่านี้มีสายสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง
กับเจ้าหน้าที่กองทัพอิรัคและหน่วยงานความมั่นคง
ที่บังคับบัญชาเฉพาะทหารมุสลิมชีอะห์
ในช่วงต้นปี 2015 ที่มีวิกฤติทางการทหาร
เพราะทหารอิรัคมุสลิมสุหนี่แตกทัพจากการรบในโมซุล
เปิดช่องให้กลุ่ม ISIL/ISIS  เข้าครอบครองเมืองได้

รัฐบาลมุสลิมชีอะห์ในแบกแดด
กำลังสู้รบกับกลุ่มมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรง
ที่ได้รับการสนับสนุนจากพวก ISIS
ทำให้นักรบมุสลิมชีอะห์ต่างไว้ใจอิหร่านมากกว่าเดิม
และยิ่งได้รับการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์จากอิหร่าน
ทำให้เริ่มตอบโต้กองกำลัง ISIS ได้ตั้งแต่ฤดูร้อน 2014

กองกำลังติดอาวุธมุสลิมชีอะห์หลายกลุ่ม
อยู่ภายใต้การดูแลอย่างลับ ๆ ของรัฐบาลอิรัค
ที่เรียกว่า Popular Mobilization Committee หรือ Hashd Shaabi

เรียบเรียง/ที่มา

http://goo.gl/NFqXip
http://goo.gl/lYGvEQ
http://goo.gl/8fDPI4
http://goo.gl/b39tEP




คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
STEYR HS .50 M1

ปืนซุ่มยิงที่ Tahseen ใช้อยู่
คาดว่าน่าจะเป็น AM-50 Sayyad
ที่อิหร่านผลิตเลียนแบบ STEYR HS .50 M1
หลังจากที่เคยสั่งซื้อ 800 กระบอกในปี 2006
ก่อนถูกหลายชาติปิดล้อมทางการค้า/เศรษฐกิจ
มีระยะหวังผลไม่เกินกว่า 1,500 เมตร
ข้อมูลเพิ่มเติม  https://goo.gl/OPXMjM


กระสุนปืนขนาด .50 Browning Machine Gun (.50 BMG) หรือ 12.7×99mm NATO
ข้อมูลเพิ่มเติม https://goo.gl/ZHfBqr





ความแตกต่างของศาสนาอิสลามนิกาย สุหนี่ กับ ชีอะห์

ปัจจุบันทั่วโลกมีพี่น้องชาว มุสลิม รวมกันทั้งสิ้น 1,600 ล้านคน
โดยส่วนใหญ่หรือประมาณ 87-90% นับถือนิกายสุหนี่
ส่วนที่เหลือส่วนน้อยประมาณ 13-10% เป็นผู้นับถือนิกายชีอะห์
ส่วนมากอาศัยอยู่ใน อิหร่าน ปากีสถาน อินเดีย และอิรัก


นิกายของศาสนา มุสลิม ในพื้นที่ต่างๆของโลก
สีเขียวอ่อนคือสุหนี่ ส่วนสีเขียวเข้มคือชีอะห์
ที่มา  http://sunnishiacolumbia.edu


พี่น้อง มุสลิม ทั้งสองนิกาย มีความเห็นตรงกัน
ในเรื่องหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนา
และการถือว่าอัลกุรอานเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
แต่ประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน คือ
ประวัติศาสตร์การเมือง และการตีความพระคัมภีร์

การแบ่งแยกนิกายเกิดขึ้น หลังท่านนบี มูฮัมหมัด เสียชีวิต
เนื่องจากความเห็นต่างกัน ว่าใครสมควรขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด
หรือ กาหลิบ ต่อจากองค์ศาสดา
โดยกลุ่มแรก ที่เป็นกลุ่มใหญ่ หรือกลุ่มนิกายสุหนี่
สนับสนุนท่านอาบู บัคร์ ศิษย์ใกล้ชิดขององค์ศาสดา
เพราะเชื่อว่าผู้นำไม่จำเป็นต้องสืบสายเลือดหรือแต่งตั้งจากองค์ศาสดา


สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอห์ บิน อับดัลอะซิซ กษัตริย์แห่งซาอุดิอารเบีย
นับถือนิกายวาฮะบีห์ เป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้ถือนิกายสุหนี่มากที่สุดในโลก   ที่มา Reuters


ส่วนมุสลิมกลุ่มน้อยที่แยกเป็นนิกาย ชีอะห์ นั้น
เห็นว่าผู้นำที่จะสืบทอดศาสนาต่อไป
จะต้องเป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณด้วย
จึงต้องเป็นผู้สืบสายเลือดจากศาสดา
จึงสนับสนุนท่าน อาลี ลูกพี่ลูกน้องและน้องเขยของท่านนบี
ความเห็นต่างทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้เกิดแรงเคลื่อนไหวทางศาสนาและการเมืองที่แตกต่างกันตลอดมา

แนวคิดที่แตกต่างกันนี้ เห็นได้ชัดในพิธีกรรมของทั้งสองนิกาย
โดยชาวชีอะห์จะมีการจัดงานวันอาชูรา
หรือวันรำลึกของ ฮูเซย์น อิบน์ อาลี ผู้เป็นบุตรของท่านอาลี ทุกปี
และตำหนิชาวสุหนี่ที่ไม่ยอมเฉลิมฉลองพิธีดังกล่าว
(มีพิธีกรรมแขกเจ้าเซ็นในไทย)
ขณะที่ชาวสุหนี่ ยึดถือการบูชาพระเจ้าและศาสดาเท่านั้น


อายะตุลลอฮ์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ที่มา AP


ทั้งนี้ คัมภีร์อัลกุรอานนั้นถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ของชาวมุสลิมทุกคน ความแตกต่างอยู่ที่
ชาวสุหนี่ ยึดถือแนวทางการดำรงตนตาม ซุนนะห์ ตามคำสอนของท่านนบี

ชาวชีอะห์จะนับถืออายะตุลลอฮ์ ผู้ที่พวกเขาถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าที่อยู่บนโลก

ความขัดแย้งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้สถาบันวิจัย Pew สำรวจในปี 2012
พบว่า 40% ของผู้ถือมุสลิมนิกายสุหนี่ ในตะวันออกกลางไปจนถึงอเมริกาเหนือ
ไม่ยอมรับผู้ถือนิกายชีอะห์ว่าเป็นชาวมุสลิมด้วยกัน

เครดิต/คัดลอกจาก http://goo.gl/ohTncD

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ระลึกวันอาชูรอ พิธีแห่เจ้าเซ็นกุฎีเจริญพาศน์





เรื่องเล่าไร้สาระ

มิเชล  ฟูโกร์ นักคิดชาวฝรั่งเศสเคยเขียนไว้ว่า
พิธีกรรมคือ การตอกย้ำความทรงจำในประวัติศาสตร์
ไม่ให้ผู้สืบทอดลืมเลือนเรื่องราวในอดีต
ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเซ่นไหว้ การบวงสรวง ฯลฯ
และต้องมีการกำหนดวันที่ชัดเจนไว้กันลืมด้วย

คนปักษ์ใต้/คนนอกในอดีตมีงานบุญเดือนสิบ
นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนิยมสันนิษฐานว่า
เดิมคือพิธีกรรมสาปแช่ง/รำลึกถึงการพลัดพรากของญาติพี่น้อง
ที่ถูกจับไปเป็นไพร่/ทาส/เชลยไปรับใช้เมืองหลวง/ต่างเมือง
โอกาสหวนกลับคืนมาคงไม่มีอีกแล้ว

โดยสันนิษฐานจากขนมในพิธีกรรมที่ต้องมี
ขนมลา เสื้อผ้าให้สวมใส่ ขนมพอง เรือแพให้พากลับ
ข้าวต้มมัด เสบียงอาหารเดินทาง ขนมเจาะหู ทองคำร้อยหู
วิ่งหนีผีทองสูงหรือข้าศึก http://goo.gl/L8TlbY
ต่อมาศาสนาพุทธได้กล่อมเกลา
จนทำให้ลืมเลือนกลายเป็นพิธีชิงเปรต/ทำบุญให้ญาติที่ล่วงลับ




จุฬาราชมนตรีท่านแรกของไทย
แต่งตั้งในสมัยพระเจ้าทรงธรรม
เพื่อดูแลการค้าขายทางเรือ
กับควบคุมกำกับดูแลชาวบ้านมุสลิม

ท่านแรกคือ เฉกอะหมัด เป็นมุสลิมชีอะห์ (เฉก=ชีค)
เป็นต้นตระกูล  บุนนาค ของคนไทย
มาจากเมืองกูนี (Gūnī) เปอร์เซีย/อิหร่าน http://goo.gl/09lZkZ
เดิมเชื่อว่ามาจาก Qom เมืองศาสนา
คนไทยเคยไปสอบถามไม่มีตำนาน
กับชาวบ้านบอกไม่เคยรู้มาก่อน

เฉกอะหมัดเดินทางมาค้าขายที่เมืองไทย
พร้อมกับเฉกสะอีด น้องชายท่าน
ตั้งแต่ปลายสมัยพระเอกาทศรศ
พระอนุชาพระนเรศ(นเรศวรมหาราช)
ได้ตั้งรกรากและมีภริยาเป็นชาวไทย

ต่อมา เฉกสะอีดได้กลับบ้านเกิดแล้วไปเสียชีวิตที่นั่น
หลังจากนั้นไปไม่นานนัก อากามหะหมัด
บุตรชายเฉกสะอีดก็เดินทางกลับมาเมืองไทย
แล้วเข้ารับราชการในสมัยพระนารายณ์มหาราช
ซึ่งตอนนั้นเฉกอะหมัดยังมีชีวิตอยู่แต่ชราภาพแล้ว

สกุลบุนนาคบางคนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
เพราะอยากตามเสด็จไปไหว้พระพุทธบาทที่สระบุรี
แต่หลายคนในสกุลยังเป็นมุสลิมชีอะห์
แต่บางคนได้เปลี่ยนเป็นมุสลิมสุหนี่ในภายหลัง

ในสมัยต้นรัชกาลที่ 1
มีการแยกสายสกุลนับถือศาสนากัน
ที่รวมญาติพี่น้องจะเป็นอันรู้กันว่า
สายพุทธที่วัดบุปผารามวรวิหาร http://goo.gl/OrWH6R
สายอิสลามที่มัสยิศต้นสน http://goo.gl/WOYVNH
รวมญาติประจำปีที่ฝังศพต้นตระกูลเฉกอะหมัด
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา http://goo.gl/UHkmdK

จุฬาราชมนตรีไทยดูแลทั้งประเทศ
ในมาเลเซียแต่ละรัฐที่มีสุลต่าน
จะมีจุฬาราชมนตรีแต่ละรัฐเอง

จุฬาราชมนตรีไทย
สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
เป็นตำแหน่งพระราชทาน
ปู่ของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
เป็นจุฬาราชมนตรีท่านสุดท้าย
ที่เป็นมุสลิมนิกายชีอะห์

หลังจากนั้นเป็นต้นมา
จุฬาราชมนตรีไทย
จะเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่
เพราะมาจากการเลือกตั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติม

http://goo.gl/9TDBIs
https://goo.gl/pmWbB1




มุสลิมชีอะห์อีกท่าน http://goo.gl/UTIXg3
คือ สุลต่านซุไลมาน อดีตเจ้าเมืองสงขลา
ต้นสกุล ณ พัทลุง ศรียาภัย ณ ป้อมเพ็ชร ฯลฯ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่