ไม่อยากอยู่กับแม่ = เนรคุณ เหรอคะ?

เราอายุ 40 ปีค่ะ ปัจจุบันแต่งงานแล้ว เพิ่งแต่งงานได้ 5 ปี เพราะแม่ไม่ให้แต่งงาน พูดตั้งแต่เรายังเด็กว่าผู้ชายนิสัยไม่ดี มีลูกแล้วเป็นภาระ พ่อเราเสียชีวิตตั้งแต่เรา 6 เดือน และแม่เราเป็นคนพุทธค่ะ เขานับถือพระพุทธเจ้ามาก ในแง่ของการละทิ้งสิ่งต่างๆ และการเรียกลูกว่า "ราหุล" เขาบอกว่าการแต่งงานคือความทุกข์ มีลูกคือภาระ บอกให้เราไปบวชจะได้ไปนิพพาน

ตั้งแต่เด็กทุกคนจะบอกว่าให้เรารักแม่ให้มากๆ เพราะแม่เลี้ยงลูกคนเดียว เราต้องเชื่อฟังคำสั่งสอน ทุกคนจะบอกว่าแม่เราเป็นแม่ที่ดี เก่งมากๆที่เลี้ยงลูกได้ดี อยู่โรงเรียนดัง เรียนหนังสือเก่ง ทั้งที่เราถูกแม่ตีบ่อยมาก แต่ไม่เคยมีใครรู้ เช่น ป.1 มีวิชาคิดเลขในใจ แล้วเราทำไม่ได้ เราเว้นไว้หมด ครูเขียนเครื่องหมาย ? มา แม่ใช้ไม้แขวนเสื้อตีเราอยู่ 2 ชั่วโมงกว่า จิกผมโขกกับกำแพง ถามเราซ้ำๆว่าทำไมครูถึงเขียนมาแบบนี้ เราก็นอนให้ตี ไม่ได้หนี เพราะเรารู้สึกว่าแม่รักเรา รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี แม้เราจะไม่เข้าใจว่าแค่เราโง่เอง ทำไมต้องทำกับเราแบบนี้ เราผิดอะไรก็ตาม

ม.1 ถูกแม่ตีเพราะเป็นลมที่โรงเรียน ครูโทรมาบอกว่าเป็นลมเพราะไม่กินข้าวเช้า เลยโดนไม้แขวนเสื้อตี และทึ้งผม ตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม

ตอนม.3 ไปตัดผมมา แล้วมันเป็นผมซอย ซึ่งโอเคมันผิดระเบียบ ครูมาบอก แม่ก็เลยโกรธมากตบหน้าแล้วใช้ไม้แขวนเสื้อตี จิกผม เอาหัวโขกกำแพง โขกพื้น ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงผู้หญิงตบกับ แต่เป็นฝ่ายหนึ่งทำอีกฝ่ายอยู่คนเดียว และเป็นอย่างนั้นนานนับชั่วโมง พอตีเสร็จก็โทรไปบอกครูว่าได้จัดการตีเราแล้ว แถมยังมาบอกเราด้วยสีหน้าภูมิใจด้วยว่าได้บอกครูว่าตีเราแล้ว ครูอึ้งไปเลย

ตอนม.5 เราไม่ตื่นไปเรียนพิเศษ มานึกย้อนดูการเรียนในโรงเรียนทุกวันมันก็เหนื่อยแล้ว แล้วยังให้เราไปเรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่ 8.00-15.00 ทุกเสาร์อาทิตย์ วันหนึ่งเราไม่ตื่นเราเหนื่อย ง่วง แม่เราก็เลยโมโหจิกคอให้ลุกจากที่นอน จิกแบบเอาเล็บจิกลงไปที่คอแล้วกระชากให้ลุกขึ้นมา
สมัยวัยรุ่นเราไม่เคยมีแฟน เพราะแม่กรอกหูไว้ว่าผู้ชายเลว นิสัยไม่ดี และหากมีเพื่อนผู้ชายโทรมา ย้ำเพื่อนเฉยๆ เพื่อนร่วมห้อง แบบเขาโทรมาถามการบ้าน แม่จะไม่ให้เราคุย ด่าเขาแล้ววางไปซึ่งมันทำให้เราเข้าสังคมลำบากมากในสมัยนั้น

ตั้งแต่เด็กเราไม่เคยได้ไปไหน ไม่ได้ดูทีวี บ้านจะปิดตั้งแต่ 5 โมงตรง แม่จะลงกลอนประตูเหล็กเป็นสัญญาณว่าอ่านหนังสือได้แล้วเป็นแบบนี้ทุกวันนานเป็นยี่สิบปี

เรารู้จักแฟนเราตั้งแต่มัธยม แต่สนิทกับจริงๆตอนมหาลัยปี3 เราคุยกับเขาถูกคอ และเขาก็ใจดีกับเรามาก เราไม่ให้แม่เรารู้ สมัยนั้นก็แอบคุยกันทาง MSN เขาเป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกว่ามีคนที่ห่วงเราจริงๆในชีวิต แต่พอแม่รู้ว่าเรามีแฟนเขาก็โมโห ถึงจะไม่ได้ตีเราเพราะโตแล้วและการเรียนเราไม่ได้เสีย เราจบมหาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง แต่แม่ก็หงุดหงิดมาก พูดตลอดว่าไม่มีใครรักเธอเท่ากับฉัน

แต่สำหรับเรามันไม่จริง เรารู้สึกว่าแฟนทำดีกับเรามากกว่าแม่ทำดีกับเรา เราเคยตกบันไดที่บ้านแล้วมันเจ็บมากตอนเรียนป.โท แม่ขับรถไปส่งเราที่มหาลัยแล้วรถกระเทือนเราก็ร้องออกมาเพราะมันเจ็บจริงๆ แม่หันไปดูข้างทาง ข้างๆเป็นรพสัตว์ แม่ถามว่าไปรพสัตว์ไหมแล้วหัวเราะแล้วเลื่อนรถต่อเอาเราไปส่งที่มหาลัย โอเคมันอาจแค่ล้อเล่นแต่สำหรับเรามันไม่ขำ แล้วเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการที่มีคนเจ็บตัวมันน่าตลกตรงไหน หลังจากนั้นเราบอกแฟนว่าเราเจ็บมาก แฟนเรารีบพาเราไปหาหมอเอ็กซเรย์ปรากฏกระดูกก้นกบร้าว 

เราแต่งงานตอนอายุ 35 ถือว่าช้ากว่าคนทั่วไปนิดหน่อย เพราะเราไม่กล้าบอกแม่ว่าจะแต่งงาน ก็คบกันเฉยๆมาหลายปีแฟนก็เข้าใจ และทั้งที่อยู่ในวัยเริ่มทำงานแล้ว แม่ก็จะหงุดหงิดที่เห็นเราแต่งหน้า มีอยู่วันหนึ่งเราแต่งหน้าจะไปทำงาน ย้ำว่าทำงาน แม่เห็นเราแต่งหน้าก็หัวเราะบอกว่าสวยแล้ว จะเช้งอะไรนักหนา...เราขนลุกนึกถึงตอนที่ถูกตีเพราะไปตัดผมแต่นี่เราอยู่ในวัยทำงานแล้ว แต่งหน้ามันผิดอะไรทำไมต้องแซะด้วย

และแม้จะทำงานแล้ว แม่ก็ยังให้เรากลับบ้านตอน 5 โมง ไม่อย่างนั้นจะโทรตาม โทรทีจิกทีเป็น 20-30 สาย ไม่รับก็โทรไปเรื่อยๆทั้งๆที่เราประชุมกับที่ทำงานอยู่ และแม่ทำอย่างนั้นแค่เพราะจะปิดบ้านเท่านั้นเอง

แม่ยึดบัตรประชาชน ยึดใบขับขี่เราไปหมดเพราะกลัวว่าเราจะทำหาย อยู่มาวันหนึ่งเราจะซื้อรถ(ด้วยเงินของตัวเอง) เราเลยไปขอใบขับขี่คืน แม่ก็หงุดหงิดโวยวายขึ้นมา หน้าหงิกเป็นวันๆ เราไม่เข้าใจว่าโมโหอะไร แค่ซื้อรถเอง

แม่ชอบให้เรากินข้าวเย็นที่บ้าน เพราะสะอาดโดยอาหารที่ทำจะทำโดยการต้ม และ ไม่ปรุง และไม่ให้กินเบเกอรรี่แม้จะอยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้ว เราเคยต้องไปแอบกินโดนัทที่เขาให้มาในห้องน้ำเพราะกลัวถูกด่า ตอนนั้นอายุ 32

วันหนึ่งแม่มารื้อของที่อยู่ในโต๊ะ พยายามจะเปิดลิ้นชักเราที่มีไดอารี่แล้วทำไม่ได้เพราะเราล็อคไว้ แม่มาถามว่ากุญแจอยู่ไหน จนเรารู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้ว เราอยู่อย่างนี้ไม่ได้เราเบื่อที่จะต้องถูกจับตามองในทุกๆฝีก้าว ทำทุกอย่างต้องขออนุญาติก่อน เบื่อที่จะต้องกลับบ้านก่อนฟ้ามืด เกลียดเสียงประตูเหล็กดังตึงๆๆๆๆๆทุกวัน แม่ที่โมโหไปหมดทุกอย่างแม้แต่การแต่งหน้า เราเลยไปบอกแฟนว่าเราจะแต่งงาน จะหนีไปจากที่นี่ เราไม่เอาแล้ว เรารักแม่แต่แม่ทำให้ชีวิตเราทุกข์ทรมาน เราบอกแม่ว่าเราจะแต่งงาน แม่บอกให้เราเก็บของแล้วออกจากบ้านไปเลย แต่พอแฟนมาขอ แม่ก็โมโห ทำท่าไม่ดีไม่มีมารยาทใส่แบบเดียวกับที่ทำกับเพื่อนๆที่เป็นผู้ชายของเรา หลังจากนั้นก็ดราม่าจนถึงวันแต่งงาน แม่โวยวาย บอกชั้นมีแต่ความเสียใจ วันที่เราแต่งงานแม่ไม่มางานเราก็ไม่ว่า แต่ยังไปบอกป้าว่าถ้าจะแต่งงานเอาเวลาไปดูแลแฟน ดูแลลูก ทำไมไม่ดูแลแม่ตัวเอง เราก็งงว่าตลอดหลายปีเราไม่เคยเห็นแม่ดูแลอาม่าเลยซักครั้ง อาม่าเราก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ อาม่าอยู่ที่บ้านน้าเราซึ่งห่างจากบ้านเราไปแค่ 20 กิโล ก็ไม่เคยเห็นแม่ไม่ไปเยี่ยมอาม่าเลย

ช่วงเราแต่งงานแม่ก็พูดอีกว่าผู้ชายไม่ดี ชีวิตทางโลกไม่จีรัง จนเราถามไปบ้างว่าถ้าเราไม่แต่งงาน ไม่มีลูก สมมุติวันหนึ่งแม่ไม่อยู่ จะให้เราอยู่กับใคร แม่เราบอกให้เราอยู่คนเดียว แก่แล้วก็ไปอาศัยที่บ้านพักคนชรา ไม่ก็ไปอยู่วัด ให้กำหนดจิตแล้วตายไป???  

แม่เราแสดงออกว่าไม่ชอบแฟนเรา ไม่ให้เข้าบ้าน แต่พอแม่มีปัญหา เช่น จะไปโอนที่ในที่ไกลๆก็จะมาบอกว่าให้เรียกแฟนเรามาพาไปหน่อย หรือ อยากล้างแอร์ก็มาบอกว่าให้แฟนเรามาล้างให้(แฟนเราเป็นวิศวะ)เพราะไม่ไว้ใจพวกช่างที่ไม่รู้จัก แต่เวลาปกติก็ไม่ชอบเขา แฟนเราก็ไม่ว่าอะไร ก็ทำให้ ช่วงใกล้แต่งงานน้าเรามาช่วยพูดบอกว่าแฟนเรานิสัยดีนะ เขาไม่ทำร้ายเราหรอกเราจะมีความสุขหลังจากนี้ แม่เรากลับบอกว่า "แฟนเราก็ตัวเล็กๆนิ เดี๋ยวก็ตายแล้ว"...คือเราไม่เข้าใจ เราเกิดมาตั้งแต่เด็กเราไม่เคยมีความสุขเลย ตั้งแต่เด็กไม่เคยมีใครดีกับเรา มีแต่ตีทำร้ายเรา บังคับเรา มีแต่แฟนที่ทำดีกับเรา พาเราไปหาหมอ สนใจจิตใจของเรา เรากำลังจะอยู่กับคนที่เขาเข้าใจเรา เห็นใจเรา คุยถูกคอกับเราและรับฟังเราแล้ว ทำไมแม่ยังต้องทำลายความหวังว่าเขาจะตายไปเพื่อตัดกำลังใจเราด้วย แม่ทำแบบนี้มาตลอด ทำมาตั้งแต่เรายังเด็ก จนถึงอายุ 35 จะแต่งงานกำลังจะมีความสุขแล้วก็ยังทำแบบนี้กับเรา เราไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพอใจที่เราไม่มีความหวังอะไรในชีวิตแบบนั้น

เรารักแม่นะ และอยากให้แม่มีความสุข แต่การอยู่กับแม่คือความทุกข์ของเรา และเราพูดเลยว่าเรารักแฟนมากกว่ารักแม่ ใครจะว่าเราเป็นคนเลวติดผู้ชายเราก็ไม่สน เรารักแฟนเพราะเขาเห็นเราเป็นคนที่มีจิตใจ ไม่ใช่สิ่งที่คลอดออกมาเพื่อรับใช้ตามต้องการ เขาได้ยินเสียงและฟังความเห็นของเรา หลังแต่งงานแรกๆเราไม่ได้มีความสุข ไม่ใช่เพราะแฟนไม่ดี แต่เรารู้สึกผิดที่ทิ้งแม่มา เราร้องไห้ทุกวัน แฟนเราเป็นคนพาเราไปรักษาโรคซึมเศร้า หมอบอกเราเป็น PTSD เพิ่งรู้สึกตัวว่า 30กว่าปีที่ผ่านมาคือนรก เสียดายเวลามาก เราน่าจะแต่งงานแล้วออกมาเร็วกว่านี้ มีคนแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่อง toxic parents พบว่าหัวข้อพ่อแม่เป็นพิษซึ่งมี 8 หัวข้อในหนังสือ มีอยู่ในแม่เราคนเดียวปาเข้าไป 6 หัวข้อแล้ว เหลือแค่ไม่ติดเหล้า กับละเมิดทางเพศ นอกนั้นคือใช่ทั้งหมด

หลังแต่งงานอาการเราเริ่มดีขึ้น ตอนนี้ได้หยุดยาแล้ว แต่ยังคงไปหานักจิตบำบัด แต่วันนี้แม่เริ่มพูดถึงการมาอยู่ด้วย บอกว่าเขาต้องฝึกจิตให้อยู่คนเดียวให้ได้ และให้เราทำอย่างนั้นด้วยเพราะตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่เราไม่อยากอยู่กับแม่แล้ว และเราไม่เข้าใจว่าถ้าตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงทำไมแม่ไม่อยู่คนเดียวต่อไป ในเมื่อมีลูกคือภาระ และหวังให้เราตายในบ้านพักคนชรา ทำไมแม่ไม่ทำให้ดูก่อน เรากำลังวางแผนจะมีลูกซึ่งไม่รู้ว่าจะมีได้รึเปล่าเพราะอายุมากแล้ว(ก่อนหน้านี้มีลูกไม่ได้เพราะต้องกินยา) และเรารู้ว่าแม่เกลียดคนท้องมาก แม่เราชอบบอกว่าเห็นคนท้องแล้วจะอ้วก ตอนคุณชมพู่(ดารา) ให้สัมภาษณ์ว่าจะมีน้องคนที่3 แม่แค่ดูข่าวก็โทรมาหาเรา ทำเสียงไม่พอใจบอกว่าคุณชมพู่จะมีลูกอีกทำไมมีตั้งสองคนแล้วยังไม่พออีก เรานี่อย่างงงว่าคุณชมพู่ไม่ใช่ลูกของแม่เรา แม่เรามีสิทธิอะไรบอกว่าเขาสมควรจะมีลูกคนที่ 3 รึเปล่า

ตอนนี้เราทำเงียบๆไว้ พอเราไม่ชวนแม่มาอยู่ด้วย แม่เราเริ่มไปบอกป้าๆน้าๆว่าเราไม่ชวนมาอยู่ด้วยเหมือนจะว่ากลายๆว่าไม่กตัญญูทำนองนั้น แม่เริ่มพูดถึงบุญคุณของพ่อแม่ตามหลักศาสนาพุทธประมาณว่าถ้าไม่มีพ่อแม่ เด็กอาจต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้นพ่อแม่มีบุญคุณตั้งแต่ปฏิสนธิแล้ว ไม่ต้องคิดถึงว่าเกิดมามีพ่อแม่ที่ปฏิบัติกับลูกอย่างดี เราคิดในใจว่าแม่ไม่เคยปฏิบัติต่อเราอย่างดีอะไร แม่แค่ให้การศึกษาซึ่งแม้จะสำคัญแต่ก็เป็นสิทธิที่เด็กทุกคนพึงได้เมื่อเกิดมาในราชอาณาจักรไทยอยู่แล้ว และเราก็มีมุมมองด้านการเกิดของมนุษย์ไม่เหมือนแม่ เรามองว่าเด็กไม่ได้ขอมาเกิด เราไม่เชื่อว่าถ้าไม่ได้เกิดในมดลูกแม่เราจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่ได้มีแม่คนเดียวที่มีมดลูก ถ้าเด็กคนนั้นจะต้องเกิดเป็นคนแล้วเขาก็จะได้เกิดเป็นคน พ่อแม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดมา มีหน้าที่ต้องดูแลเขาจนเขาดูแลตัวเองได้ และการดูแลมันไม่ใช่แค่ให้การศึกษา แต่หมายถึงจิตใจด้วยไม่ใช่ขังเขาไว้ในบ้าน และถ้าพ่อแม่มีบุญคุณเมื่อปฏิสนธิจริงๆ พวกโรคทางพันธุกรรมต่างๆก็ต้องนับเป็นความผิดของพ่อแม่ที่ส่งต่อให้ลูกด้วย จะนับแต่ความชอบที่ทำให้เกิดมาไม่นับความเฮงซวยทางพันธุกรรมไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม แม่บอกว่าเราห้ามคิดแบบนั้นเพราะมันเป็นบาป เราไม่เข้าใจว่ามันจะบาปตรงไหน เพราะถ้าศาสนาพุทธของแม่(ย้ำว่าของแม่เราคนเดียว)บอกว่าเด็กที่ไม่ได้เกิดกับแม่จะไปเป็นเดรัจฉาน มันก็ตลกดีเมื่อคิดต่อไปว่าแม่บังคับไม่ให้เรามีลูก ด้วยตรรกะเดียวกันแม่ก็กำลังบังคับให้วิญญาณดวงหนึ่งไปเกิดเป็นสัตว์หรือยาจกเช่นกัน แบบนั้นไม่บาปหรือ??? 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เราไม่อยากให้แม่มาอยู่บ้าน เราทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แล้วเราก็นึกขึ้นได้ว่าเราซื้อคอนโดไว้ยังสร้างไม่เสร็จกะจะปล่อยเช่า อยู่ห่างจากบ้านเราไม่มาก เราเลยถามแม่ว่าสนใจมาอยู่คอนโดไหม สำหรับเรานี่ถือเป็นการ compromise ที่ดีที่สุดแล้ว เราไม่สามารถกลับไปอยู่กับแม่จริงๆ เราไม่สามารถทนการถูกบังคับได้อีกแล้ว และแฟนเราก็คงไม่อยากอยู่กับคนที่บังคับเขาทุกอย่างแบบแม่เราด้วย เรากับแฟนไม่สามารถกลับบ้านตอน 5 โมงเย็นแบบที่แม่ต้องการ หรือกินแต่อาหารต้มที่ไม่ปรุงอะไรเลยได้อีกแล้ว และยิ่งไม่อาจทนกับการรื้อของส่วนตัว หรืออาการหงุดหงิดในเรื่องไม่เป็นเรื่องของแม่ได้อีกแล้ว แต่พอแม่รู้ว่าเรามีคอนโดแม่ก็ด่าเราว่าเราซื้อของไร้สาระ แม่บอกว่าจะยอมมาอยู่คอนโดเราให้ก็ได้ แต่เราต้องโอนชื่อคอนโดเป็นของแม่เราก็งงว่าเงินที่ซื้อเป็นเงินเก็บของเราเอง เราผิดอะไร แล้วทำไมเราต้องโอนเป็นชื่อแม่ด้วยในเมื่อมันเป็นเงินของเราเองที่ซื้อมา ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเราเนรคุณ??

ขอรับรองว่าเหตุการณ์ทั้งหมดคือเรื่องจริง คนมักคิดกันว่าความรุนแรงในครอบครัวจะเกิดกับครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ที่ติดเหล้าหรือไม่มีความรู้ ซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไป พ่อเราทิ้งสมบัติไว้ให้แม่พอสมควรซึ่งครอบคลุมค่าเลี้ยงดูเราในวัยเด็กและการศึกษาแล้ว และแม่เราเป็นหมอ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 41
มีความเห็นคุณหมอใน facebook ถ้าสนใจลองเข้าไปอ่านได้นะครับ
https://www.facebook.com/D2JED/posts/pfbid0E23idURCb1qP6CAq9UFRTs3rFZ3PfW3zdxKu4EU3CtezbJFiTJJeTxkSxmxNPrtfl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่