ที่มา:
https://kingdom.fandom.com/wiki/Kongo
เกริ่น
Kongo เป็นหนึ่งในสี่เรื่องสั้นตอนเดียวจบเขียนโดยอ.ยาซฺูฮิสะ ฮาระ ก่อนที่จะเริ่มเขียนเรื่อง Kingdom อย่างเป็นทางการ
Kongo ตีพิมพ์รวมอีกครั้งคู่กับ "ม้า สุรา และทหารศึก (eng ver.จะใช้ชื่อว่า Horse and Liquor for 300 Soldiers ม้าและสุราแด่ 300 ทหารศึก)" ลงในหนังสือ Kingdom Omnibus เล่มแรก
งานชิ้นนี้กลายเป็นต้นแบบและอ้างอิงสำหรับ Kingdom
สรุปเนื้อเรื่อง Kongo
-เริ่องราวเริ่มที่หลี่ซิ่นในวัยเด็กและน้องสาวของเขาหลี่เตียว(ต้นแบบ เหอเหลียวเตียว)ที่กำลังเล่าเรียนอยู่ที่สำนักสอนดาบหยูเจี่ย บริเวณชานเมืองเซียนหยาง
-ไม่นานนัก อิ๋งเจิ้งอ๋องแห่งฉินในวัยเด็ก ก็มาถึงเพื่อเรียนรู้จากสถาบันเดียวกัน
-ในขณะที่บริวารของอ๋อง ศิษย์และอาจารย์ของสถาบันต่างพากันประจบสอพอเขา ทว่าซิ่นกลับไม่เห็นยินดีจะต้อนรับเขา
-ต่อมา ศิษย์ของสำนักต่างประลองกับเจิ้งและพ่ายแพ้ไปตามๆกัน อาจารย์และผู้ิติดตามต่างอุทานในความเชี่ยวชาญในกระบี่ของเขา
-เมื่อศิษย์คนอื่นๆต่างเรียกเร้องเขาให้ประลองกับซิ่นในฐานะที่จะเป็นนักดาบที่เยี่ยมทีสุดคนถัดไปได้ ซิ่นก็ยอมสู้กับเขาอย่างไม่เต็มใจนัก
-อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อพวกเขาเตรียมพร้อม อาจารย์ก็บอกกับซิ่นอย่างสุขุมว่าให้แสร้งทำเป็นแพ้
-แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ซิ่นกลับจงใจเอาชนะอิ๋งเจิ้ง แล้วเขาก็ถูกอาจารย์ของตนซ้อมเข้าใส่อย่างหนัก
-กลับมาที่บ้าน ซิ่นอธิบายกับเถียนว่า ตนนั้นไม่มีทางเห็นอกเห็นใจต่อขุนนางโอหังที่คิดว่าตนนั้นสูงศักดิ์ยิ่งความสามัญชนในขณะที่ถวายสังฆทานเพื่อความพอใจในตนเองหรอก
-หลังจากที่ซิ่นกลับจากงานในคืนนั้นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูแม่ที่เป็นหม้ายและหนี้สินของพวกเขา เตียวขอโทษต่อการเสด็จมาของอิ๋งเจิ้ง ในขณะที่ขอให้ยกโทษต่อสภาพบ้านที่โกโรโกโสของพวกเขา
-อิ๋งเจิ้งกลับกล่าวอย่างคลุมเคลือว่า ตนนั้นก็เคยชินกับสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้มาก่อน
-ต่อมาแม้ว่า อิ๋งเจิ้งจะแสดงความออบอ้อมอารีอย่างไม่ลดละ เช่นการพระราชทานขนมและเนื้อสดให้ หลี่ซิ่นก็กลับปฏิเสธที่จะแสดงท่าทีเป็นมิตรใดๆ ของอิ๋งเจิ้งซึ่งทำให้เทียนผิดหวังมาก
-เมื่อซิ่นล่มป่วย เตียวได้ไปยังจวนของอิ๋งเจิ้งให้ตามหมอ
-หมอวินิจฉัยว่า ซิ่นนั้นมีสภาวะขาดแคลนอาหารและเหนื่อยล้าจาการโหมงานหนักมากเกินไป
-เขาควรจะพักผ่อนให้มาก ทำให้เตียวล่องใจไปเปราะนึง
-หลังจากที่หลี่ซิ่นได้รับการรักษาแล้ว อิ๋งเจิ้งเสนอประทานเงินให้เขา(ซิ่น)และเตียว นำไปชดใช้หนี้สินของบิดาตนที่ล่วงลับอันเนื่องมาจากสุขภาพของเขา
-ด้วยความโกรธ ชินกล่าวดูถูกอ๋องและกล่าวหาว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองและเพียงพบความพึงพอใจในการสรรเสริญสำหรับการช่วยเหลือผู้อื่น
-และยังกล่าวอีกเขาเป็นเด็กเอาแต่ใจที่ไม่เคยรู้จักความยากลำบากมาก่อนในขณะที่มีทุกอย่างเพรียบพร้อมอยู่ใกล้แค่เอิ้อมกระดิกนิ้ว
-การกล่าวดูหมิ่นครั้งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย แล้วเจิ้งก็เริ่มระเบิดโทสะต่อยไปที่ซิ่น
-ซิ่นสู้อ๋องหนุ่มกลับและเจตนาที่ฆ่าเขา ก่อนที่องครักษ์ของเจิ้งจะกระชากเขาออกจากเจิ้งและรัวอัดใส่เขา
-เวลาต่อมาที่บ้าน เตียวก็ต่อยเขา(ซิ่น)หลังจากที่เขาดุหมิ่นผู้ที่จะเป็นอ๋ององค์ต่อไป และซิ่นจึงได้รู้ถึงความยากลำบากของเจิ้ง ขณะที่ใช้ชีวิตครั้งยังทรงพระเยาว์เป็นองค์ประกันที่คอยถูกทารุณและร่อนเร่ไปตามถนนในนครหานตานของแคว้นจ้าว
-แม้อย่างมันจะเป็นการยาก แต่เขาก็ยังคงยิ้ม และช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียนก็เป็นวันที่ดีที่สุดวันนึงในชีวิตของเขา
-ทันทีได้ยินเช่นนั้น ซิ่นก็ตระนักได้แล้วฟาดศีรษะของตนลงกับพื้นต่อการตัดสินคนอย่างผิดพลาดกับอิ๋งเจิ้ง
-เช้าวันต่อมา เขาทราบว่ามือสังหารจากแคว้นฉู่มาเพื่อสังหารอ๋องหนุ่ม
-ทั้งสถาบันและองครักษ์ก็ไม่รู้ว่าอิ๋งเจิ้งอยู่ไหน ซิ่นจะไปเตือนเจิ้งยังหน้าผาที่เขาและเตียวพบกันหลังจากการป่วยของซิ่น
-พวกเขาพูดคุยกัน และซิ่นก็ได้รู้ว่าอิ๋งเจิ้งเมินเฉยต่อการเป็นเป้ามือสังหาร ในขณะที่เขายังไร้อำนาจบารมีเนื่องจากที่ปรึกษา(น่าจะเป็นพระอาจารย์)ของเขาเป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงเบื้องหลังบัลลังก์.
-เขาสารภาพว่าตนนั้นแอบโกรธในความเย่อหยิ่งของซิ่นและยังอิจฉาไม่ใช่แค่ความเป็นทัยของเขาแต่ยังมีความสัมพันธุ์อันดีแบบพี่น้องกับเถียน(สอดค้องกับที่ตนมีปมขัดแย้งกับพระอนุชาเฉิงเจียว)
-อย่างไรก็ตามเขารู้สึกยินดีที่มีเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างเต็มอก
-จากนั้นซิ่นก็คุกเข่าและสาบานจะรับใช้อิ๋งเจิ้ง (เพราะตอนนี้เขามีอ๋องที่เข้าใจตนซึ่งเป็นสามัญชน)
-เมื่อมือสังหารก็ปรากฎตัว ซิ่นจึงปกป้องเจิ้งโดยซ่อนเขาพ้นจากสายตาตรงริมผา ก่อนที่จะลงมือปลิดชีพหมือสังหารทั้งหมด
-อย่างไรก็ตาม เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในเวลาเดียวกัน แล้วเจิ้งก็พยุงไว้บนหลังในขณะที่เรียกเขาว่าเจ้าโง่ปัญญาทึบ
-เรื่องราวตัดไปยัง 7 ปีต่อมา หลี่ซิ่นและอิ๋งเจิ้ง ทั้งสองควบม้าหุ้มเกราะ หลบหนีจากสถานการณ์ที่ยากลำบากระหว่างการสู้รบกับฉู่
-เขาถามซิ่นเกี่ยวกับเตียว โดยกล่าวถึงความงามของนางนั้นสวยที่สุดในราชสำนัก ในขณะที่หลี่ซิ่นก็โกรธและบอกให้เขาหยุดล้อเล่น (ถ้าใครเข้าใจตรงนี้ดี -ตามปวศ.เจิ้งนั้นมีนางกำนันในวังหลังเยอะมากจึงไม่แปลกที่เขาพูดเหมือนอยากจะได้เตียวมาเป็นหนึ่งนางสนมของตน)
-เมื่อรี้พลฉู่ล้อมรอบพวกเขา จากนั้นอิ๋งเจิ้งจึงบอกให้ซิ่นเบิกทางแก่เขา ในขณะที่หลี่ซิ่นพุ่งตรงไปข้างหน้าในฐานะ จิงกง/คนโกะ กระบี่คงกระพันของเขา
-ตอนจบของฉากนี้กล่าวว่า หลี่ซิ่นทำหน้าที่เป็นแม่ทัพของอิ๋งเจิ้งในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เจิ้งกลายเป็นฮ่องเต้องค์แรกของจีนให้เป็นปึกแผ่นหลังจบสิ้นสงครามยุครณรัฐ 500 ปีที่ยาวนาน อันไม่สิ้นสุด
ข้อมูลยิบย่อย
1.-One-Shot นี่เป็นผลงานชิ้นแรกที่เกี่ยวกับ Kingdom เขียนโดยตัวอ.ยาสุฮิซะ ฮาระ ถูกตีพิมพ์อย่างเป็นทางกันรวมในลง Kingdom Omibus เล่มแรก; ควบคู่ไปกับอีกเรื่องที่ชื่อว่า "อาชา สุราและทหารศึก" ที่จะเล่าเรื่องราวของ ความสัมพันธุ์ของฉินมู่กงกับชาวเขา
- Kindom Onmibus เล่มสองจะเป็น One-Shot: เรื่อง"หลี่มู่" ที่จะเล่าเรื่องราวความสัมพันธุ์ หลี่มู่กับไฮ่หยิน ศึ่งน่าจะเป็นช่วงก่อนเหตุการณ์ศึกหม่าหยางใน Kingdom และอีกเรื่องคือ "เหมิงอู่และหมี่ฉี่(อิ้งใช้ Chu Zi.) อันเป็นเรื่องราวที่จะเล่าความสัมพันธุ์ระหว่างเหมิงอู่และชางผิงจวิน ก่อนจะจบลงที่การต่อสู้กันระหว่างทั้งสองในศึกบุกแคว้นฉู่ครั่งที่สองที่นำโดยหวังเจี้ยน
2.ต้นฉบับของซิ่นลักษณะของเขาละม้ายคล้ายกับกวนฉาง(รองแม่ทัพอวี่เฟิ้งที่หวังเจี้ยนส่งมาให้หวังเปิ่น)ในตอนที่ยังเยาว์
3.ปูมหลังของอิ๋งเจิ้งแยกได้เป็นสองทางด้วยกันเช่น บุคลิกที่อบอุ่นของเขาและเรื่องราวการเป็นคู่ฝึกซ้อมของซิ่นที่น่าจะปั่นแยกออกมาเป็นหลี่เพียว ในขณะที่ฐานะการเป็นอ๋องของเขาและการเป็นองค์ประกันในนครหานตานครั่งยังทรงพระเยาว์ ก็ยังคงไว้ซึ่งตัวตนตามปวศ.ของเจิ้งในเนื้อเรื่องหลักเช่นเดิม
4.สถานะของเตียวใน Kingdom นั้นเป็นเหมือนกับน้องสาวบุญธรรมของซิ่น ไม่เหมือนกับต้นแบบของนางที่เป็นน้องสาวทางสายเลือดใน One-Shot ขณะเดียวกันแม่ของพวกเขายังมีชีวิตอยู่
5.ในขณะที่เขากำลังสู้รบ อิ๋งเจิ้งได้ถามไถ่ถึงหลี่เถียนและกล่าวว่านางงดงามถึงเพียงใด นี่อาจมองได้ว่าเป็นการใบ้ถึงความโรแมนติกที่เป็นไปได้ระหว่างคนทั้งสอง ซึ่งไม่ได้ถูกเล่าต่อไปถึงบทสรุปของเรื่องราวในที่สุด
6.อิ๋งเจิ้งวัยเยาว์ใน Kongo นี้นั้นมีความคล้าย เหมิงชิว 孟秋 แห่งตระกูลเหมิง(นางเป็นพี่สาวของเหมิงอู่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตัวละครสมมติ ปรากฎออกมาครั้งแรกใน One-shot: Meng Wu and Chu zi ส่วนใน Kingdom ยังไม่มีปรากฎออกมา)
7.ชื่อเรื่องของ One-shot "Kongo" (金剛, คนโกะ) หมายถึง "ไม่แตกหัก/คงกระพัน" ในภาษาญี่ปุ่น และยังแปลว่า "นักรบ" ในภาษาจีนอย่างคร่าวๆ
ปล1.คำว่า Kongo ผมจะนำไปทำโพสแยกอธิบายปลีกย่อยอีกโพสนะครับ ตรงนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ
ปล2.อันนี้เป็นลิ้ง One-shot ทั้ง 4 เรื่องนะครับ -
https://magaxking.wordpress.com/kingdom-one-shots/ (ในนี้มี Raw "Kongo" + "อาชา, สุรา และทหารศึก" กับแปลอิ้ง "หลี่มู่" + "เหมิงอู่และหมี่ฉี")
-ส่วนอันนี้เป็นแปลอิ้งนะครับของ raw สองตัวด้านบนนะครับ --"kongo"
https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/qankpw/oneshot_kongo_in_english/
--"อาชา, สุรา และทหารศึก"
https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/qe4dmp/horse_and_wine_for_300_soldiers_in_english/
ปล3. One-Shot ทั้ง 4 เรื่องซึ่งอยู่ใน Kingdom Omibus ทั้งสองเล่ม และยังไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย ผมจะนำมาแปลในอนาคตจากแปลอิ้ง และใช้คำสลักสำนวนแบบมังงะ kingdom ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไป อัพโหลดให้อ่านกันฟรีๆลงใน Nekopost กับ Mangadex นะครับ
ปก Kingdom Omibus เล่ม 1
ปก Kingdom Omibus เล่ม 2
"Kongo" ต้นฉบับดั้งเดิม One-Shot ก่อนจะมาเป็นมังงะ Kingdom สุดโด่งดังถึงทุกวันนี้
เกริ่น
Kongo เป็นหนึ่งในสี่เรื่องสั้นตอนเดียวจบเขียนโดยอ.ยาซฺูฮิสะ ฮาระ ก่อนที่จะเริ่มเขียนเรื่อง Kingdom อย่างเป็นทางการ
Kongo ตีพิมพ์รวมอีกครั้งคู่กับ "ม้า สุรา และทหารศึก (eng ver.จะใช้ชื่อว่า Horse and Liquor for 300 Soldiers ม้าและสุราแด่ 300 ทหารศึก)" ลงในหนังสือ Kingdom Omnibus เล่มแรก
งานชิ้นนี้กลายเป็นต้นแบบและอ้างอิงสำหรับ Kingdom
สรุปเนื้อเรื่อง Kongo
-เริ่องราวเริ่มที่หลี่ซิ่นในวัยเด็กและน้องสาวของเขาหลี่เตียว(ต้นแบบ เหอเหลียวเตียว)ที่กำลังเล่าเรียนอยู่ที่สำนักสอนดาบหยูเจี่ย บริเวณชานเมืองเซียนหยาง
-ไม่นานนัก อิ๋งเจิ้งอ๋องแห่งฉินในวัยเด็ก ก็มาถึงเพื่อเรียนรู้จากสถาบันเดียวกัน
-ในขณะที่บริวารของอ๋อง ศิษย์และอาจารย์ของสถาบันต่างพากันประจบสอพอเขา ทว่าซิ่นกลับไม่เห็นยินดีจะต้อนรับเขา
-ต่อมา ศิษย์ของสำนักต่างประลองกับเจิ้งและพ่ายแพ้ไปตามๆกัน อาจารย์และผู้ิติดตามต่างอุทานในความเชี่ยวชาญในกระบี่ของเขา
-เมื่อศิษย์คนอื่นๆต่างเรียกเร้องเขาให้ประลองกับซิ่นในฐานะที่จะเป็นนักดาบที่เยี่ยมทีสุดคนถัดไปได้ ซิ่นก็ยอมสู้กับเขาอย่างไม่เต็มใจนัก
-อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อพวกเขาเตรียมพร้อม อาจารย์ก็บอกกับซิ่นอย่างสุขุมว่าให้แสร้งทำเป็นแพ้
-แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ซิ่นกลับจงใจเอาชนะอิ๋งเจิ้ง แล้วเขาก็ถูกอาจารย์ของตนซ้อมเข้าใส่อย่างหนัก
-กลับมาที่บ้าน ซิ่นอธิบายกับเถียนว่า ตนนั้นไม่มีทางเห็นอกเห็นใจต่อขุนนางโอหังที่คิดว่าตนนั้นสูงศักดิ์ยิ่งความสามัญชนในขณะที่ถวายสังฆทานเพื่อความพอใจในตนเองหรอก
-หลังจากที่ซิ่นกลับจากงานในคืนนั้นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูแม่ที่เป็นหม้ายและหนี้สินของพวกเขา เตียวขอโทษต่อการเสด็จมาของอิ๋งเจิ้ง ในขณะที่ขอให้ยกโทษต่อสภาพบ้านที่โกโรโกโสของพวกเขา
-อิ๋งเจิ้งกลับกล่าวอย่างคลุมเคลือว่า ตนนั้นก็เคยชินกับสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้มาก่อน
-ต่อมาแม้ว่า อิ๋งเจิ้งจะแสดงความออบอ้อมอารีอย่างไม่ลดละ เช่นการพระราชทานขนมและเนื้อสดให้ หลี่ซิ่นก็กลับปฏิเสธที่จะแสดงท่าทีเป็นมิตรใดๆ ของอิ๋งเจิ้งซึ่งทำให้เทียนผิดหวังมาก
-เมื่อซิ่นล่มป่วย เตียวได้ไปยังจวนของอิ๋งเจิ้งให้ตามหมอ
-หมอวินิจฉัยว่า ซิ่นนั้นมีสภาวะขาดแคลนอาหารและเหนื่อยล้าจาการโหมงานหนักมากเกินไป
-เขาควรจะพักผ่อนให้มาก ทำให้เตียวล่องใจไปเปราะนึง
-หลังจากที่หลี่ซิ่นได้รับการรักษาแล้ว อิ๋งเจิ้งเสนอประทานเงินให้เขา(ซิ่น)และเตียว นำไปชดใช้หนี้สินของบิดาตนที่ล่วงลับอันเนื่องมาจากสุขภาพของเขา
-ด้วยความโกรธ ชินกล่าวดูถูกอ๋องและกล่าวหาว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองและเพียงพบความพึงพอใจในการสรรเสริญสำหรับการช่วยเหลือผู้อื่น
-และยังกล่าวอีกเขาเป็นเด็กเอาแต่ใจที่ไม่เคยรู้จักความยากลำบากมาก่อนในขณะที่มีทุกอย่างเพรียบพร้อมอยู่ใกล้แค่เอิ้อมกระดิกนิ้ว
-การกล่าวดูหมิ่นครั้งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย แล้วเจิ้งก็เริ่มระเบิดโทสะต่อยไปที่ซิ่น
-ซิ่นสู้อ๋องหนุ่มกลับและเจตนาที่ฆ่าเขา ก่อนที่องครักษ์ของเจิ้งจะกระชากเขาออกจากเจิ้งและรัวอัดใส่เขา
-เวลาต่อมาที่บ้าน เตียวก็ต่อยเขา(ซิ่น)หลังจากที่เขาดุหมิ่นผู้ที่จะเป็นอ๋ององค์ต่อไป และซิ่นจึงได้รู้ถึงความยากลำบากของเจิ้ง ขณะที่ใช้ชีวิตครั้งยังทรงพระเยาว์เป็นองค์ประกันที่คอยถูกทารุณและร่อนเร่ไปตามถนนในนครหานตานของแคว้นจ้าว
-แม้อย่างมันจะเป็นการยาก แต่เขาก็ยังคงยิ้ม และช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียนก็เป็นวันที่ดีที่สุดวันนึงในชีวิตของเขา
-ทันทีได้ยินเช่นนั้น ซิ่นก็ตระนักได้แล้วฟาดศีรษะของตนลงกับพื้นต่อการตัดสินคนอย่างผิดพลาดกับอิ๋งเจิ้ง
-เช้าวันต่อมา เขาทราบว่ามือสังหารจากแคว้นฉู่มาเพื่อสังหารอ๋องหนุ่ม
-ทั้งสถาบันและองครักษ์ก็ไม่รู้ว่าอิ๋งเจิ้งอยู่ไหน ซิ่นจะไปเตือนเจิ้งยังหน้าผาที่เขาและเตียวพบกันหลังจากการป่วยของซิ่น
-พวกเขาพูดคุยกัน และซิ่นก็ได้รู้ว่าอิ๋งเจิ้งเมินเฉยต่อการเป็นเป้ามือสังหาร ในขณะที่เขายังไร้อำนาจบารมีเนื่องจากที่ปรึกษา(น่าจะเป็นพระอาจารย์)ของเขาเป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงเบื้องหลังบัลลังก์.
-เขาสารภาพว่าตนนั้นแอบโกรธในความเย่อหยิ่งของซิ่นและยังอิจฉาไม่ใช่แค่ความเป็นทัยของเขาแต่ยังมีความสัมพันธุ์อันดีแบบพี่น้องกับเถียน(สอดค้องกับที่ตนมีปมขัดแย้งกับพระอนุชาเฉิงเจียว)
-อย่างไรก็ตามเขารู้สึกยินดีที่มีเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างเต็มอก
-จากนั้นซิ่นก็คุกเข่าและสาบานจะรับใช้อิ๋งเจิ้ง (เพราะตอนนี้เขามีอ๋องที่เข้าใจตนซึ่งเป็นสามัญชน)
-เมื่อมือสังหารก็ปรากฎตัว ซิ่นจึงปกป้องเจิ้งโดยซ่อนเขาพ้นจากสายตาตรงริมผา ก่อนที่จะลงมือปลิดชีพหมือสังหารทั้งหมด
-อย่างไรก็ตาม เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในเวลาเดียวกัน แล้วเจิ้งก็พยุงไว้บนหลังในขณะที่เรียกเขาว่าเจ้าโง่ปัญญาทึบ
-เรื่องราวตัดไปยัง 7 ปีต่อมา หลี่ซิ่นและอิ๋งเจิ้ง ทั้งสองควบม้าหุ้มเกราะ หลบหนีจากสถานการณ์ที่ยากลำบากระหว่างการสู้รบกับฉู่
-เขาถามซิ่นเกี่ยวกับเตียว โดยกล่าวถึงความงามของนางนั้นสวยที่สุดในราชสำนัก ในขณะที่หลี่ซิ่นก็โกรธและบอกให้เขาหยุดล้อเล่น (ถ้าใครเข้าใจตรงนี้ดี -ตามปวศ.เจิ้งนั้นมีนางกำนันในวังหลังเยอะมากจึงไม่แปลกที่เขาพูดเหมือนอยากจะได้เตียวมาเป็นหนึ่งนางสนมของตน)
-เมื่อรี้พลฉู่ล้อมรอบพวกเขา จากนั้นอิ๋งเจิ้งจึงบอกให้ซิ่นเบิกทางแก่เขา ในขณะที่หลี่ซิ่นพุ่งตรงไปข้างหน้าในฐานะ จิงกง/คนโกะ กระบี่คงกระพันของเขา
-ตอนจบของฉากนี้กล่าวว่า หลี่ซิ่นทำหน้าที่เป็นแม่ทัพของอิ๋งเจิ้งในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เจิ้งกลายเป็นฮ่องเต้องค์แรกของจีนให้เป็นปึกแผ่นหลังจบสิ้นสงครามยุครณรัฐ 500 ปีที่ยาวนาน อันไม่สิ้นสุด
ข้อมูลยิบย่อย
1.-One-Shot นี่เป็นผลงานชิ้นแรกที่เกี่ยวกับ Kingdom เขียนโดยตัวอ.ยาสุฮิซะ ฮาระ ถูกตีพิมพ์อย่างเป็นทางกันรวมในลง Kingdom Omibus เล่มแรก; ควบคู่ไปกับอีกเรื่องที่ชื่อว่า "อาชา สุราและทหารศึก" ที่จะเล่าเรื่องราวของ ความสัมพันธุ์ของฉินมู่กงกับชาวเขา
- Kindom Onmibus เล่มสองจะเป็น One-Shot: เรื่อง"หลี่มู่" ที่จะเล่าเรื่องราวความสัมพันธุ์ หลี่มู่กับไฮ่หยิน ศึ่งน่าจะเป็นช่วงก่อนเหตุการณ์ศึกหม่าหยางใน Kingdom และอีกเรื่องคือ "เหมิงอู่และหมี่ฉี่(อิ้งใช้ Chu Zi.) อันเป็นเรื่องราวที่จะเล่าความสัมพันธุ์ระหว่างเหมิงอู่และชางผิงจวิน ก่อนจะจบลงที่การต่อสู้กันระหว่างทั้งสองในศึกบุกแคว้นฉู่ครั่งที่สองที่นำโดยหวังเจี้ยน
2.ต้นฉบับของซิ่นลักษณะของเขาละม้ายคล้ายกับกวนฉาง(รองแม่ทัพอวี่เฟิ้งที่หวังเจี้ยนส่งมาให้หวังเปิ่น)ในตอนที่ยังเยาว์
3.ปูมหลังของอิ๋งเจิ้งแยกได้เป็นสองทางด้วยกันเช่น บุคลิกที่อบอุ่นของเขาและเรื่องราวการเป็นคู่ฝึกซ้อมของซิ่นที่น่าจะปั่นแยกออกมาเป็นหลี่เพียว ในขณะที่ฐานะการเป็นอ๋องของเขาและการเป็นองค์ประกันในนครหานตานครั่งยังทรงพระเยาว์ ก็ยังคงไว้ซึ่งตัวตนตามปวศ.ของเจิ้งในเนื้อเรื่องหลักเช่นเดิม
4.สถานะของเตียวใน Kingdom นั้นเป็นเหมือนกับน้องสาวบุญธรรมของซิ่น ไม่เหมือนกับต้นแบบของนางที่เป็นน้องสาวทางสายเลือดใน One-Shot ขณะเดียวกันแม่ของพวกเขายังมีชีวิตอยู่
5.ในขณะที่เขากำลังสู้รบ อิ๋งเจิ้งได้ถามไถ่ถึงหลี่เถียนและกล่าวว่านางงดงามถึงเพียงใด นี่อาจมองได้ว่าเป็นการใบ้ถึงความโรแมนติกที่เป็นไปได้ระหว่างคนทั้งสอง ซึ่งไม่ได้ถูกเล่าต่อไปถึงบทสรุปของเรื่องราวในที่สุด
6.อิ๋งเจิ้งวัยเยาว์ใน Kongo นี้นั้นมีความคล้าย เหมิงชิว 孟秋 แห่งตระกูลเหมิง(นางเป็นพี่สาวของเหมิงอู่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตัวละครสมมติ ปรากฎออกมาครั้งแรกใน One-shot: Meng Wu and Chu zi ส่วนใน Kingdom ยังไม่มีปรากฎออกมา)
7.ชื่อเรื่องของ One-shot "Kongo" (金剛, คนโกะ) หมายถึง "ไม่แตกหัก/คงกระพัน" ในภาษาญี่ปุ่น และยังแปลว่า "นักรบ" ในภาษาจีนอย่างคร่าวๆ
ปล1.คำว่า Kongo ผมจะนำไปทำโพสแยกอธิบายปลีกย่อยอีกโพสนะครับ ตรงนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ
ปล2.อันนี้เป็นลิ้ง One-shot ทั้ง 4 เรื่องนะครับ - https://magaxking.wordpress.com/kingdom-one-shots/ (ในนี้มี Raw "Kongo" + "อาชา, สุรา และทหารศึก" กับแปลอิ้ง "หลี่มู่" + "เหมิงอู่และหมี่ฉี")
-ส่วนอันนี้เป็นแปลอิ้งนะครับของ raw สองตัวด้านบนนะครับ --"kongo" https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/qankpw/oneshot_kongo_in_english/
--"อาชา, สุรา และทหารศึก" https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/qe4dmp/horse_and_wine_for_300_soldiers_in_english/
ปล3. One-Shot ทั้ง 4 เรื่องซึ่งอยู่ใน Kingdom Omibus ทั้งสองเล่ม และยังไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย ผมจะนำมาแปลในอนาคตจากแปลอิ้ง และใช้คำสลักสำนวนแบบมังงะ kingdom ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไป อัพโหลดให้อ่านกันฟรีๆลงใน Nekopost กับ Mangadex นะครับ
ปก Kingdom Omibus เล่ม 1
ปก Kingdom Omibus เล่ม 2