เราเป็นเด็กจบใหม่ได้งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ด้วยข้อตกลงเงินเดือน 13,000 ตำแหน่งจัดซื้อ อาจดูน้อยแต่เราก็ตกลงทำเพราะเห็นว่าไม่ไกลที่พัก คิดแค่ว่าเราจบใหม่ลองหาประสบการ์ณไปก่อน มาทำวันแรกคนที่ทำก่อนหน้าก็สอนงานเราสามวันแล้วเขาก็ถึงกำหนดออกไป หน้างานที่ทำจริงคือไม่ได้มีแค่จัดซื้อแต่ต้องทำทั้งขายออเดอร์ เป็นเซลล์และรับลูกค้าของบริษัท ลงแผนการผลิตตามออเดอร์ และอื่นๆที่ไม่ใช่ในแบบที่ตกลงกันแต่แรก และพี่อีกคนในออฟฟิศเขาจะลาคลอด เราและพนักงานตำแหน่งอื่นอีกคนต้องช่วยกันรับผิดชอบหน้าที่ที่ไม่มีคนทำระหว่างที่เขาไม่อยู่ กลายเป็นว่าทุกอย่างเยอะไปหมดขนาดที่ว่าเราทำงานเร็วสุดๆแล้วแต่เวลาก็ยังไม่พออยู่ดี จะมีบางช่วงที่หัวหน้าอีกคนจะให้หาเอกสารและคุยงานให้ฟัง ในขณะที่อีกคนมาสะกิดเรียกไปจัดซื้อของให้ทั้งที่เรายังทำงานให้อีกคนไม่เสร็จ และอีกคนโทรเรียกให้ไปคุยกับลูกค้าพร้อมๆกัน แล้วยังมีให้แปลเอกสารภาษาอังกฤษอีก และยังต้องทำเอกสาร Work permit พาคนในบริษัทไปต่อวีซ่าทำงานเพราะ HR ไม่อยู่ยาวๆ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของจัดซื้อ จริงๆในเรื่องการขายบริษัทควรจะมีฝ่ายขายแยกไปอีกคนงานจะพอดี ส่วนหน้าที่อื่นๆบริษัทให้เหตุผลว่าเขาลาชั่วคราวเลยไม่จ้างคนเพิ่มก็ต้องให้คนที่เหลือช่วยกันแบกจนกว่าคนที่ลาจะกลับมา แต่กลายเป็นว่าเราทั้งต้องจัดซื้อและเป็นเซลล์และรับผิดชอบงานอื่นของพี่ที่เขาลาไปด้วย 3 ตำแหน่งเลย ซึ่งเกินของเขตงานที่ตกลง และรู้สึกด้วยว่าเกินเงินเดือน แต่พี่อีกคนก็บอกเราว่า เขาอยู่มา 6 ปีแล้วเขาก็ได้ไม่ถึง 15,000 ต่อเดือนเขาบอกเราว่าให้อยู่ๆไปเถอะดีกว่าไม่มีงาน ส่วนหัวหน้าเราก็ไม่ค่อยอยู่บริษัทถามอะไรเขาก็บอกไม่รู้ พนักงานคนก่อนหน้าเราเป็นคนทำเขาไม่ค่อยรู้ขั้นตอนอะไรหรอกมีหน้าที่แค่เซ็นเอกสาร แล้วก็คาดหวังว่าเราจะอยู่ไปยาวๆแต่เรารู้สึกเหนื่อยมากอยากออกแต่ก็สงสารอีกคนถ้าเราออกจะไม่มีใครช่วยเขาเลย เราเลยคิดว่าจะลาออกหลังจากที่คนลาคลอดเขากลับมา เขาลาคลอด 90 วัน เราคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่ทนต่อ แล้วตอนลาออกเราควรจะบอกเหตุผลอย่างไรดีไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยและเครียดมาก