33 วัน 6 ประเทศ ใน 2 ทวีป อเมริกาใต้และออสเตรเลีย EP.2 เปรูดินแดนอารยธรรมเก่าแก่ของโลก

กระทู้สนทนา

เที่ยวต่างประเทศ ประเทศเปรู Backpack บันทึกนักเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ

EP.0 เตรียมตัว...เตรียมใจ ไปคนเดียว : https://ppantip.com/topic/39760021
EP.1 โคลอมเบียที่ไม่ใช่โคลัมเบีย : https://ppantip.com/topic/41390425
EP.3 โบลิเวียคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก : https://ppantip.com/topic/41533989
EP.4 บัวโนสไอเรสม อาร์เจนติน่า ปารีสแห่งอเมริกาใต้ : https://ppantip.com/topic/41621012
EP.5 ชิลี ประเทศที่ยาวที่สุดในโลก : https://ppantip.com/topic/41770126
EP.6 ออสเตรเลีย ประเทศเดียวในโลกที่เป็นทวีป : https://ppantip.com/topic/41875571

พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook page : https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/
Instagram : https://www.instagram.com/my_travelholic_diary/

*ใน EP.1 เราไปเที่ยวเมือง Lima เมืองหลวงของเปรูก่อนเป็นเมืองแรก และเที่ยวโคลอมเบียจนจบ แล้วกลับมาต่อเปรูอีกรอบใน EP นี้ค่ะ

Day 9 Cusco, เปรู

“ อดีตเมืองหลวงของจักรวรรดิโบราณ “

มาร์ตินมารับตั้งแต่เช้ามืด เพราะไฟล์ทบินวันนี้ออกตี 5 ซึ่งภายใน 9 วันมานี้ เรากลับเข้ามาที่สนามบิน Lima ประเทศเปรู เป็นครั้งที่ 4 จนเรียกว่าคุ้นเคยไปหมดล่ะ ใช้เวลาบิน 1:30 ชม. เราก็มาถึงเมือง Cusco แต่เช้า สภาพอากาศลดลงมาเหลือ 7 องศา ขนาดว่ายังไม่ออกจากอาคารผู้โดยสารยังหนาวปากสั่นขนาดนี้ และเพราะเป็นเมืองที่ระดับความสูง 3,400 เมตร เราก็เลยต้องกินยา Diamox มาล่วงหน้าก่อน 12 ชม. ป้องกันอาการแพ้ความสูงไว้ด้วยค่ะ

เรียกแท็กซี่หน้าสนามบินไปโฮสเทลที่จองไว้ชื่อ Ecopackers hostel แล้วฝากกระเป๋าไว้ก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน จ่ายค่าอาหารเช้าของโฮสเทลกินรองท้องไปก่อน ซึ่งวันนี้มีธุระสำคัญหลายเรื่องที่ต้องจัดการ คือหาซื้อทัวร์และขอวีซ่าโบลิเวีย

โชคดีที่โฮสเทลมี Travel Agency เราก็เลยซื้อทัวร์จากที่นี่เลย ทัวร์แรกคือ Sacred Valley ซึ่งแผนของเราคือจะไปโดดทัวร์ที่เมือง Ollataytambo แล้วขึ้นรถไฟต่อไปมาชูปิกชูเอง กับอีกทัวร์คือไป Rainbow Mt. เป็นทัวร์ที่เราอยากไปหลังจากกลับมาจากมาชูปิกชู

หลังจากจัดการเรื่องทัวร์เรียบร้อย ก็ให้รีเซฟชั่นของโฮสเทลเรียกแท็กซี่ไปสถานฑูตโบลิเวียให้ ที่ต้องไปขอวีซ่าเข้าประเทศโบลิเวียที่เมืองนี้เพราะที่ไทยไม่มีสถานฑูตโบลิเวีย ไปถึงสถานฑูตเจอคนไต้หวัน 7-8 คนกำลังยื่นเอกสารกันอยู่ เจ้าหน้าที่ดุมาก เห็นเอกสารกับพาสปอร์ตคนไต้หวันอยู่บนโต๊ะเป็นกอง คิดว่าน่าจะใช้เวลา 1-3 วัน ตามที่เคยอ่านรีวิวมา

คนไต้หวันกลับไปหมดแล้ว เหลือเราคนสุดท้าย เจ้าหน้าที่สถานฑูตทักว่าเป็นคนไทยเหรอ เราก็ยื่นเอกสารให้ เจ้าหน้าที่เช็คโน่นนี่ 3 นาที ปริ้นวีซ่าแปะพาสปอร์ตให้เลย! พร้อมทั้งจับพาสปอร์ตทั้งสองมือยื่นให้...และพูดอย่างอ่อนโยนว่า...Welcome to Bolivia เราทั้งงง ทั้งดีใจ สตั้นไป 5 วินาที เพิ่งมีความภูมิใจที่ถือพาสปอร์ตไทยก็คราวนี้

ความน่ารักของสถานฑูตโบลิเวียคือมีแม่บ้านออกมาโบกแท็กซี่ให้ขากลับในราคา 5 โซเลส! คือตอนมาโฮสเทลเรียกให้จ่ายไป 10 โซเลสแน่ะ

เรากลับเข้ามาเดินเที่ยวย่านเมืองเก่า Cuzco หรือ Cusco อดีตเมืองหลวงของอาณาจักร Inca ที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและเป็นหนึ่งในเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากที่สุดของเปรู เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่และเป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวที่จะไปมาชูปิกชู หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคา และสถานที่อื่นๆ ในภูมิภาคนี้

เมื่อเร็วๆ นี้ Cusco ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในเมืองที่ดีที่สุดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้โดยนิตยสาร "Travel and Leisure" อันทรงเกียรติใน "World's Best Awards 2018" อีกด้วยค่ะ

จัตุรัส Plaza de Armas เป็นหัวใจของ Cusco ตั้งแต่สมัยอาณาจักร Inca เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก เรียงรายไปด้วยร้านค้าสมัยยุคอาณานิคม ใจกลางจัตุรัสเป็นสถานที่พักผ่อนบนม้านั่งและชื่นชมสวน มีน้ำพุที่อยู่ตรงกลาง เราจะพบเห็นทั้งชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวกำลังพักผ่อนอยู่บนขั้นบันไดหน้าโบสถ์ค่ะ

อาสนวิหาร Cusco Cathedral การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 1559-1669 โดยสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่วังของอินคาวีราโกชาเคยตั้งอยู่ ทางเดินกลางสามทางของโบสถ์สไตล์เรอเนซองส์ มีเสาขนาดใหญ่ถึง 14 ต้น แท่นบูชาหลักทำด้วยเงิน หนัก 400 กิโลกรัม และแผงนักร้องประสานเสียงแกะสลักจากไม้ซีดาร์อย่างวิจิตรบรรจง ที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือคอลเล็กชั่นภาพวาดมากกว่า 400 ภาพจากศตวรรษที่ 16 และ 17 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนถึงสไตล์ยุโรป นับว่าเป็นแห่งรวบรวมศิลปะยุคอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองค่ะ

โบสถ์ Church of the Society of Jesus หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า La Compania สร้างขึ้นบนฐานรากของวัง Huayna Capac ซึ่งเป็นผู้ปกครองคนสุดท้ายของอาณาจักร Inca เป็นโบสถ์เยซูอิตที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหว 1650 แต่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่และแล้วเสร็จในปลายทศวรรษ 1660

โบสถ์นี้ต่อเติมมาจากส่วนของพระราชวัง La Compania เป็นที่มาของการโต้เถียงกันอย่างมากเมื่อสร้างขึ้น เนื่องจากความยิ่งใหญ่หรูหราของตัวอาคาร และส่วนหน้าอาคารสไตล์บาโรกอันวิจิตรตระการตา มีความสวยงามเป็นพิเศษเมื่อส่องสว่างในเวลากลางคืน จนแซงหน้าอาสนวิหารในจัตุรัสเดียวกัน และถูกยกย่องให้เป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดใน Cusco

เลยไปอีกนิดนึง ก็จะเจอกับโบสถ์สไตล์บาโรก Basilica Menor de la Merced สร้างขึ้นแทนที่โบสถ์หลังเก่าและพังทลายลงในแผ่นดินไหวปี 1650 ซึ่งเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทำลายล้างเมือง Cusco ไปมาก

La Merced ถือเป็นโบสถ์ยุคอาณานิคมที่สำคัญเป็นอันดับสามใน Cusco รองจาก Cusco Cathedral และ La Compania สมบัติลำ้ค่าที่สุดของโบสถ์อยู่ในห้องศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอัญมณีทองคำที่ประดับไข่มุกขนาดยักษ์ (ถือได้ว่าใหญ่เป็นอันดับสองของโลก)

เดินตามถนน Santa Clara Street มาเรื่อยๆ ค่ะ ถนนนี้ในเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ภาคกลางที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ และในปี 2014 เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายถนน Tawantinsuyo จึงได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกครั้ง

ด้านขวามือก่อนจะถึงประตูหิน จะเป็นบริเวณของ Plaza San Francisco มีโบสถ์และอาราม San Francisco Church and Monastery เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในปี 1572 และได้รับการบูรณะหลังจากแผ่นดินไหวในปี 1650 แม้ว่าตัวโบสถ์จะไม่งดงาม แต่ด้านในก็มีตรงที่ยืนนักร้องเสียงประสานที่แกะสลักจากไม้ซีดาร์ที่สวยงาม และมีศิลปะยุคอาณานิคม ผลงานของ Marcos Zapata และ Diego Quispe Tito ค่ะ

เดินลอดประตูหินโค้ง Arco de Santa Clara สร้างขึ้นในปี 1836 เพื่อเฉลิมฉลองการเป็นพันธมิตรระหว่างโบลิเวียและเปรู

โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิคสมัยศตวรรษที่ 16 Iglesia y Convento de Santa Clara แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสำนักชีที่เคร่งศาสนา ตั้งแต่ปี 1972 โบสถ์ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ของเปรู และเนื่องจากเป็นส่วนของศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมือง Cusco จึงเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ภาคกลางที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติในปี 1983 อีกด้วย

เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ดูแผนที่เลย จนไปเจอตลาดหลักของเมือง San Pedro Market ที่นี่เราจะได้สัมผัสชีวิตในท้องถิ่นที่พลุกพล่าน ผลไม้และผักกองโตสีสันสดใส ขนมปังเป็นกองๆ เสื้อไหมพรมถักมือและหมวก รวมถึงพรมและผ้าห่มที่ทำจากเส้นขนอัลปาก้า ซึ่งเป็นของฝากยอดนิยมของที่นี่ค่ะ

ยังมีโซนอาหารที่ราคาไม่แพงเลย และในที่สุด....เราก็ค้นพบ Ceviche อาหารท้องถิ่นของเปรูที่อยากกินมากกกก ตามหามาตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เพิ่งมาเจอวันนี้ ดีใจน้ำตาจะไหล Ceviche ทำจากปลาทะเลดิบที่หมักด้วยน้ำมะนาวเปรี้ยวๆ ใส่พริกสด หอมแดง ผักชี รสชาติเหมือนยำรสจัดๆ ของไทยค่ะ

บรรยากาศรอบๆ ตลาดด้านนอกอาคารค่ะ

ใกล้ๆ กับตลาดมีโบสถ์ St. Peter's Church (Iglesia de San Pedro) เป็นหนึ่งในศิลปะที่สวยงามที่สุดในสไตล์บาโรก เป็นโบสถ์หลังเดียวที่สร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด มีแท่นบูชาแบบบาโรกสีทอง เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกที่สมบูรณ์แบบค่ะ