รีบเข้ามาเขียนก่อนลืม เพราะเป็นคนความจำสั้นค่ะ
เพิ่งสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานฑูตสหรัฐอเมริกามาเมื่อเช้านี้ค่ะ เลยขอมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง เป็นการขอวีซ่าด้วยตัวเอง จัดเตรียมเอกสารเอง โดยอาศัยอ่านบน Facebook ของทางสถานฑูต เขาว่าไม่ยาก ก็เลยลองดู
จขกท ไม่เคยขอวีซ่าของที่นี่มาก่อนและไม่เคยไปเที่ยวที่นี่ค่ะ อยากจะไปเพราะว่าดูหนังฮอลลีวู้ดเยอะนี่แหละ เริ่มกรอก DS160 ตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังทำงานที่บ้าน ค่อยๆ ทำไป ถามเพื่อนที่เคยกรอกบ้าง เพื่อนบอกขอไว้ก่อน เผื่อเปิดประเทศก็จะได้พร้อมเที่ยว คิววีซ่าน่าจะไม่เยอะ
ปรากฎว่าคิวเร็วสุดที่เห็นบนเว็บของสถานฑูตคือ เดือนกันยายน 2022 (คือปีนี้) ฮา เลือกวันครั้งแรก แล้วก็คอยเข้าไปดูเผื่อมีคิวหลุด จนเลื่อนมาเป็นเดือนมิถุนายน 2022 เวลา 08.00 น ค่ะ
ขอข้ามขั้นตอนกรอกและชำระเงิน 5440 บาท ตัดภาพมาที่การสัมภาษณ์เลยนะคะ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาเยอะมาก เลยอยากสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเองสักที จะได้สามารถเล่าได้
ก่อนจะไป เราได้ดูวีดีโออันนี้ของสถานฑูตค่ะ ดูขั้นตอนง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
เราไปถึงก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ แต่ก็เห็นมีคนต่อแถวกันอยู่แล้ว เหมือนแบบทุกคนพากันไปเช้ามาก เราก็งงว่า มันต้องตาม slot เวลาที่เลือกมาไม่ใช่เหรอ คนที่อยู่หน้าเรา เวลานัดของเขาคือ 08.30 น อิหยังวะ
เจ้าหน้าที่จะมาขอเก็บหนังสือเดินทางและใบนัด ที่มีบาร์โค้ด ก่อนจะแจกบัตรคิวให้เข้าไปข้างใน
มีการตรวจกระเป๋าและต้องฝากโทรศัพท์มือถือ ตามระเบียบ กระเป๋าสะพาย 10-12 นิ้ว นำติดตัวไปได้ปกติ
พอเข้าไปด้านในจะมีแถวให้ต่ออีกเพื่อตรวจเอกสารกับเจ้าหน้าที่ชาวไทย แล้วจึงสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล เป็นภาษาอังกฤษ
แนะนำว่า อย่าใส่รองเท้าส้นสูงไปนะคะ ยืนรอนานๆ จะเมื่อยเปล่าๆ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เขาไม่ได้มีระเบียบอะไร ให้แต่งชุดที่สุภาพเรียบร้อยเหมือนมาติดต่องานราชการ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องใส่กระโปรง
ตรงนี้ ผุ้สมัครที่ต่อคิวอยู่จะมีการเดินขวักไขว่บ้าง เนื่องจากบางคนต้องถ่ายรูปใหม่ บางคนต้องชำระค่าวีซ่า (สำหรับวีซ่าทำงาน) ใจเย็นๆ ไม่ต้องลนลาน รอคิวค่ะ
ตรวจเอกสารกับเจ้าหน้าที่ชาวไทยตรงหน้าต่าง เขาจะให้เราขานชื่อรายงานตัวตรงไมโครโฟน เมื่อเรายื่นหนังสือเดินทางและรูปถ่ายให้ แล้วถามว่าจะไปทำอะไรที่โน่น จขกท ตอบสั้นๆ "ไปเที่ยวค่ะ" เขาถามเรื่องชื่อ นามสกุลว่าเป็นชื่อนี้ตั้งแต่เกิดไหม เคยเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลไหม อันนี้ตอบไปตามจริง
จากนั้นพิมพ์ลายนิ้วมือแบบในวีดีโอเลยค่ะ แล้วก็รอสัมภาษณ์ในบริเวณเดียวกัน จะมีอีก 4 หน้าต่างซึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่กงสุล ชาวต่างชาติเป็นคนที่สัมภาษณ์ ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาข้อมูลใบสมัครและมีอำนาจเต็มในการพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติตรงนั้นเลย ทราบผลทันที
ส่วนตัวไม่ค่อยชอบความไม่ discreet ตรงนี้เท่าไหร่ คือ ถ้าเป็นห้องมิดชิดน่าจะ "น่ากลัว" น้อยกว่านี้ เห็นชัดเลยว่า ผู้สมัครหลายคนที่ต่อแถวอยู่หน้าหลังเราเริ่มประหม่ากันแล้ว
คิวที่เคยต่อตามติดกันมา มีพลัดหลงกันตรงนี้แล้วนะคะ เพราะตรงที่จนท ชาวไทย ตรวจเอกสารนั้น คือ บางท่านโดนถามนานมาก น้องนักเรียน นักศึกษาก่อนหน้า คือตะกุกตะกัก ตอบไม่ถูก ไปไม่เป็นกันเยอะเลย บางคนก็โดนให้ไปถ่ายรูปใหม่
หมายเหตุ ให้ตรงนี้ว่า เตรียมเงินสดติดตัวไปด้วยนะคะถ้าต้องใช้ตู้ จนท ไม่มาสอนการใช้ตู้ ไม่มีเงินให้แลกด้วยค่ะ ของจขกท ถ่ายรูปจากร้านแถวบ้านไป ใช้ได้ปกติ ไม่เกิน 6 เดือนค่ะ
ส่วนการชำระค่าวีซ่าประเภททำงาน สามารถชำระบัตรเครดิตได้ แต่ชาร์จเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ถ้าไม่มีเงินสด ต้องกลับออกไปกดมาจากด้านนอกเลย
ตอนที่ต่อแถว มีคุณลุงกับคุณหลาน (ซึ่งโดนให้ไปถ่ายรูปใหม่) พูดว่า เจ้าหน้าที่เขาดูออกนะว่ารูปถ่ายนานแล้ว ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง ไปถ่ายใหม่กันเถอะ พวกคุณ ไม่รู้เขารู้ได้ยังไง คุณผู้หญิงสองคนที่ต่อคิวอยู่หน้าเราเลย"นอยด์" ไปถ่ายรูปใหม่ด้วย ทั้งที่จริงๆ จนท ก็บอกว่ารูปถ่ายโอเค (อันนี้ได้ยินตอนที่เขาตรวจเอกสาร)
ขั้นตอนสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุลชาวต่างชาติ รอหน้าต่างว่าง เดินเข้าไป
จนท: Why do you want to go to the US?
Me : I want to go to Disneyland with my daughter
จนท: Ah.. (คุณเขาอึ้งไปเลย ฮา) How long do you plan to stay there?
Me: Two weeks maximum
จนท: Disneyland or Disney World?
Me: (ตายละวา..) My daughter said there are two parks and we will visit both of them. We have visited all others in the region.
คุณเขาพิมพ์อะไรยุกยิกบนคีย์บอร์ดมากมาย ให้เราพิมพ์ลายนิ้วมืออีกที แล้วก็บอกว่า Alright then. Your visa is approved แล้วก็ร่ำลา
เขาไม่ได้ขอดูเอกสารอะไร ซึ่งเราเองก็เตรียมไปแค่ จม รับรองการทำงาน กับ statement จากธนาคาร ทั้งสองแผ่นนี้เราพับครึ่งยัดใส่กระเป๋าสะพาย ไม่ได้ถือแฟ้มมาเป็นเรื่องเป็นราว
ก่อนหน้าเรามีผู้สมัครหลายคนถือเอกสารเป็นปึก พยายามคุยกับเจ้าหน้าที่ แล้วเขาก็บอกว่า I am sorry. Your application cannot be approved. แล้วน้องเขาก็เสียงดังถามออกมาว่า "Why?" เจ้าหน้าที่ตอบเพิ่มเติมว่าต้องมีเอกสารอะไรสักอย่าง แล้วน้องเขาก็ออกจากพื้นที่ไป
อย่างที่บอกค่ะ เราว่าการปฏิบัติงานส่วนนี้ดูโจ่งแจ้งไปหน่อย กดดันโดยใช่เหตุมากเลย
แนะนำเพื่อนๆ ที่จะไปสัมภาษณ์ให้ใจเย็นๆ มีสติเวลาตอบคำถามนะคะ ตอบตามความเป็นจริงจะง่ายกว่าท่องบทไป เราเดาว่ารัฐบาลประเทศเขาใช้ฐานข้อมูลสืบค้นอะไรได้ลึกพอสมควร ไม่ต้องโกหก
ระหว่างรอ จะมีจอมอนิเตอร์คอยขึ้นข้อความแจ้งว่า หนังสือเดินทางจะส่งกลับคืนให้ภายใน 5-7 วันทำการ ให้จดเลขอีเอ็มเอสไว้ติดตามเอกสารจากทางเว็บของทางสถานฑูตได้ ถ้าต้องการหนังสือเดินทางเร่งด่วน สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ได้ และถ้าเราพบเห็นนายหน้าที่ค้ากำไรเกินควรจากการช่วยเหลือด้านวีซ่าให้แจ้งเบาะแสได้ ก
ก็อ่านรอไป ทำใจร่มๆ
ในทุกขั้นตอนที่เล่ามา เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขอให้เราถอดหน้ากากอนามัยและเจ้าหน้าที่ในนั้นสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดค่ะ
เอามาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ แปะด้วยเช็คลิสต์ที่มาจากหน้าเพจของทางสถานฑูตเองค่ะ จะเห็นได้ว่าเขาไม่ได้บอกให้เตรียมเอกสารอะไรไป เราก็เลยบ้าจี้ ไม่ได้เอาอะไรไปมากมาย ดูเหมือนเจ้าหน้าที่คนไทยจะดูแค่หนังสือเดินทางและรูปถ่ายเราเท่านั้นเองค่ะ
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่า B1/B2 ของสหรัฐอเมริกา