ไม่น่าแปลกใจถ้าจะรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งได้ชมโคนันเดอะมูฟวี่ในโรงมาไม่นาน ก็ถึงคราวได้กลับมาชมอีกรอบแล้วหรือนี่ (ฮ่าๆ) นั่นเป็นเพราะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด19 ทำให้ "ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 24 กระสุนสีเพลิง" เข้าฉายในบ้านเราแทบจะปลายปีเลยทีเดียว จากที่ปกติจะเข้าฉายช่วงเวลาประมาณกลางปีของทุกปี(ไล่เลี่ยกับประเทศญี่ปุ่น) แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของโคนันเดอะมูฟวี่ 25 ที่จะเกี่ยวข้องกับการแต่งงานในช่วงฮาโลวีน ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ และเรื่องราวของ "ห้าพยัคฆ์นักเรียนตำรวจ" นั้นดูจะลดน้อยลงไปแต่อย่างใด
ท่ามกลางฤกษ์งามยามดีของการแต่งงานและบรรยากาศช่วงเทศกาลฮาโลวีน มิวาโกะ ซาโต้ ในชุดเจ้าสาว โคนันและแขกรับเชิญคนอื่นๆ กลับถูกผุ้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาทำลายบรรยากาศของความสุขนี้ วาตารุ ทาคางิ เจ้าบ่าวของงาน ได้รับบาดเจ็บจากการเข้ามาปกป้องเจ้าสาวของเขา ในขณะเดียวกันก็มีเหตุการณ์มือวางระเบิดที่เพิ่งก่อคดีมาหลบหนีออกจากเรือนจำ หนำซ้ำ อามุโระก็ยังถูกจับใส่ระเบิดที่คอ ก่อนจะสืบเรื่องราวทั้งหมด โคนันและเพื่อนๆ ก็ยังได้รับลูกหลงจากเหตุการณ์ระเบิดหน้ากรมตำรวจอีก เรื่องราวทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เรื่องราวของคดีระเบิดเมื่อสามปีก่อนของพวกห้าพยัคฆ์นักเรียนตำรวจและผู้ก่อการร้ายนามว่า "พลาเมีย" ทุกอย่างนี้มีใครอยู่เบื้องหลัง และใครจะเป็นเป้าหมายต่อไปของพวกมัน
.
สิ่งที่ดูจะมีความเปลี่ยนแปลงจากภาคที่แล้วอย่างกระสุนสีเพลิง เห็นทีจะเป็นเรื่องของการสืบสวนที่เข้มข้นขึ้นและดูสมจริงขึ้นกว่าภาคที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการร่วมมือกันสืบคดีของกรมตำรวจและตัวโคนัน เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงองค์กรก่อการร้ายระดับชาติ ที่มีชื่อเรียกว่า "พลาเมีย" ทำให้เราเห็นกระบวนการทำงานของกรมตำรวจอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งดูไปดูมาเหมือนโคนันเองนี่แหละเป็นคนในกรมด้วย เดินเข้าออกกรมเป็นว่าเล่น) และยิ่งเรื่องราวของ "ห้าพยัคฆ์นักเรียนตำรวจ" ก็ยิ่งทำให้คิดว่านี่เป็น "นิยายรักตำรวจนครบาล" ฉบับภาพยนตร์เลยก็ว่าได้
.
การเล่าเรื่องจะมีสองช่วงเวลาตัดสลับกัน คือ ปัจจุบันและอดีตของคดีวางระเบิดเมื่อสามปีก่อนที่เกี่ยวข้องกับอดีตของอามุโระและเพื่อนๆ นั่นเลยทำให้เป็นการขุดอดีตของผู้หมวดมัตสึดะ จิมเปย์ ที่เคยปรากฏตัวในซีรี่ย์ ในตอนที่มีชื่อว่า "กรมตำรวจสั่นคลอน ตัวประกัน 12 ล้านคน" คราวนี้เหมือนเป็นการฉายหนังซ้ำแต่มีการขยายความสัมพันธ์ของตัวละครอื่นๆ รวมถึงการเปิดเผยว่า อามุโระและมัตสึดะเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนด้วย และเป็นการตอบคำถามที่หลายๆคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีในเรื่องโคนันด้วยว่า มีความสัมพันธ์กับความจริงอย่างไร (สปอยเล็กน้อย) คำตอบคือ ไม่มีนัยยะสำคัญ เพราะในซีรี่ย์ที่ผู้หมวดมัตสึดะปรากฏตัว เจ้าตัวใช้โทรศัพท์แบบฝาพับ ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น(ในโลกความเป็นจริง) แต่ในเดอะมูฟวี่ครั้งนี้ เขาเปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่เป็นเรื่องปกติในตอนนี้นั่นเอง
แม้การเล่าเรื่องจะบังคับให้ต้องย้อนไปย้อนมาระหว่างปัจจุบันกับอดีต แต่ตัวเนื้อเรื่องใช้ลูกเล่นของการแฟลชแบ็คนั้นให้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เพราะไม่เพียงแต่จะใช้เล่าอดีตของพวกอามุโระและมัตสึดะ แต่ยังใช้หยอดเงื่อนงำของคดีให้คนดูไปคิดแข่งกับโคนันถึงความจริงของคดีได้อีกด้วย และก็ต้องบอกว่าคดีในคราวนี้มีความแตกต่างจากภาคก่อนๆ ที่จะเน้นในการตีวงผู้ต้องสงสัยให้แคบลงแล้วแล้วค่อยเฉลยตัวคนร้าย ในทางกลับกันตัวเนื้อเรื่องมีทิศทางการเล่าที่ยิ่งให้ข้อมูลมายิ่งมีประเด็นมากขึ้น ทั้งการที่มีกลุ่มคนเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น ความเชื่อมโยงของพวกอามุโระปริศนาของระเบิด เป้าหมายของคนร้าย ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกเฉลยอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวว่าคนร้ายคือใคร (ซึ่งก็เดาได้ไม่ยาก)
ในส่วนของตัวละคร แน่นอนว่าโคนันยังคงความเทพไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่ากรมตำรวจทั้งกรมยังไม่อาจจะสู้เขาคนนี้ได้(เพิ่มเติม คือ รู้ภาษารัสเซียด้วย) และเหมือนเดิม การที่ต้องแบ่งเวลาไปเล่าเรื่องของพวกอามุโระกับมัตสึดะ ทำให้ตัวละครหลายๆคนแทบจะเรียกว่าโดนเก็บไปจากจอเลย อาทิ ลุงโมริที่ไปตั้งแต่ต้นเรื่องและไม่มีบทบาทอีกเลย รัน ที่โผล่มาแวบๆ ประหนึ่งตัวประกอบ แม้กระทั่งไฮบาระเองก็ตาม ก็ไม่ได้มีบทบาทมากนักเมื่อเทียบกับภาคที่แล้ว แต่อาจจะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่ต้องการโฟกัสไปที่การเล่าเรื่องของตัวละครเอกจริงๆ (โคนันกับพวกห้าพยัคฆ์) เลยทำให้ตัวละครอื่นๆ จำเป็นต้องถูกลดบทบาทไป กระทั่งตัวละครเปิดเรื่องอย่าง ผู้หมวดทาคางิและผู้หมวดซาโต้ ก็ยังไม่มีแอร์ไทม์มากนัก
นอกจากการเล่าเรื่องคดีและตัวละครแล้ว สิ่งที่ดูจะเด่นชัดสะดุดตาขึ้นมาในภาคนี้เห็นจะเป็นเรื่องงานภาพ ซึ่งน้อยครั้งที่เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดกัน เพราะว่างานภาพในคราวนี้ดูเหมือนจะมีการใส่ใจเรื่องรายละเอียดของตัวละคร การเคลื่อนไหวและฉากหลังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากฮาโลวีนกลางเมืองชิบุย่า ที่ในตอนเอ็นเครดิตเราจะได้เห็นว่า มีการเก็บภาพเมืองจริงๆ ก่อนจะนำมาทำเป็นอนิเมชั่น ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะ ผู้กำกับในภาคนี้ คือ "มิตซูนากะ ซูซูมุ" ที่แม้ว่าจะเคยมากำกับโคนันเดอะมูฟวี่เป็นครั้งแรก แต่เขาก็เคยร่วมงานในฝ่ายแอนิเมชันให้กับ ผู้กำกับอนิเมชั่นมากพรสวรรค์อย่าง มาโกโตะ ชินไค ใน "Weathering With You" มาแล้วนั่นเอง
อย่างที่บอกว่าในภาคนี้มีการลดทอนความเวอร์วังอลังการของคดีและฉากแอคชั่นลงไปพอสมควร (รวมถึงความเนิร์ดวิทยาศาสตร์ด้วย) ทำให้เราได้เห็นฉากไคล์แมกซ์ตอนท้ายที่เป็นทิศทางที่ไม่เคยเห็นในโคนันมาก่อน ซึ่งก็น่าแปลกใจไม่น้อย ที่คนที่เป็นวันแมนโชว์มาตลอดอย่างโคนันจะต้องการพลังมิตรภาพประหนึ่งการ์ตูนจำพวกดราก้อนบอล ก็นับว่าเป็นรสชาติใหม่ๆที่ภาคนี้มอบให้ผู้ชมได้อีกเช่นกัน
.
"เจ้าสาวฮาโลวีน" แม้จะเป็นถึงประเด็นหลักในภาคนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความเป็นเจ้าสาวและเทศกาลฮาโลวีน แทบไม่มีผลอะไรต่อเนื้อเรื่องเลย เรียกว่าเหมือนเป็นธีมรองเสียด้วยซ้ำ เพราะถูกเรื่องราวของพวกอามุโระกลบซะจนแทบไม่มีที่ยืน อันที่จริง ใช้ชื่อภาคว่า "นิยายรักห้าพยัคฆ์นักเรียนกรมตำรวจ" น่าจะเข้าทีมากกว่าด้วยซ้ำ
ในส่วนของเสียงพากย์ไทย ประเด็นที่เกิดขึ้น คือ การเปลี่ยนคนพากย์จาก น้าตุ๊ก อรุณี นันทิวาส ที่รีไทล์จากวงการพากย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาเป็น คุณหยก นภัสวรรณ์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะการจะเปลี่ยนเสียงที่เป็นภาพจำของโคนันมากว่า 20 ปี ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งเสียงของคุณหยกมีโทนที่ทุ้มและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าของน้าตุ๊กมาก จึงต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร แต่จะไม่ตัดสินว่าดีกว่าหรือแย่กว่า เพราะทั้งสองก็เป็นนักพากย์มืออาชีพเหมือนกัน เพียงแต่แตกต่างกันด้วยเนื้อเสียงเท่านั้น
.
สรุป ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 25 เจ้าสาวฮาโลวีน เป็นภาคที่มีสไตล์เป็นของตัวเองต่างจากภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเรื่องของคดีที่ไม่เน้นพุ่งเป้าไปที่การหาตัวคนร้ายเพียงอย่างเดียว และดูมีความจับต้องได้ไม่แฟนตาซีมากจนเกินไป การเปิดเรื่องราวของห้าพยัคฆ์นักเรียนตำรวจกับอดีตของหมวดซาโต้อีกครั้ง ก็เหมือนเป็นการกลับไปเจอเพื่อนเก่าที่หายหน้าไปนาน รวมถึงฉากจบที่แปลกใหม่ ปิดท้ายด้วยงานภาพที่โดดเด่นกว่าครั้งไหนๆ ก็ยิ่งย้ำเน้นถึงคุณภาพและความน่าดูของโคนันเดอะมูฟวี่ที่ไม่ว่าจะออกมากี่ครั้งก็ยังน่าสนใจน่าชมอยู่เสมอ
ฝากเพจด้วยครับ
Story Decoder
[รีวิว]ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 25 เจ้าสาวฮาโลวีน: ขุดอดีตมาเล่าใหม่ในสไตล์ที่แปลกใหม่จากรสชาติที่ผ่านมา
ท่ามกลางฤกษ์งามยามดีของการแต่งงานและบรรยากาศช่วงเทศกาลฮาโลวีน มิวาโกะ ซาโต้ ในชุดเจ้าสาว โคนันและแขกรับเชิญคนอื่นๆ กลับถูกผุ้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาทำลายบรรยากาศของความสุขนี้ วาตารุ ทาคางิ เจ้าบ่าวของงาน ได้รับบาดเจ็บจากการเข้ามาปกป้องเจ้าสาวของเขา ในขณะเดียวกันก็มีเหตุการณ์มือวางระเบิดที่เพิ่งก่อคดีมาหลบหนีออกจากเรือนจำ หนำซ้ำ อามุโระก็ยังถูกจับใส่ระเบิดที่คอ ก่อนจะสืบเรื่องราวทั้งหมด โคนันและเพื่อนๆ ก็ยังได้รับลูกหลงจากเหตุการณ์ระเบิดหน้ากรมตำรวจอีก เรื่องราวทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เรื่องราวของคดีระเบิดเมื่อสามปีก่อนของพวกห้าพยัคฆ์นักเรียนตำรวจและผู้ก่อการร้ายนามว่า "พลาเมีย" ทุกอย่างนี้มีใครอยู่เบื้องหลัง และใครจะเป็นเป้าหมายต่อไปของพวกมัน
.
สิ่งที่ดูจะมีความเปลี่ยนแปลงจากภาคที่แล้วอย่างกระสุนสีเพลิง เห็นทีจะเป็นเรื่องของการสืบสวนที่เข้มข้นขึ้นและดูสมจริงขึ้นกว่าภาคที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการร่วมมือกันสืบคดีของกรมตำรวจและตัวโคนัน เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงองค์กรก่อการร้ายระดับชาติ ที่มีชื่อเรียกว่า "พลาเมีย" ทำให้เราเห็นกระบวนการทำงานของกรมตำรวจอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งดูไปดูมาเหมือนโคนันเองนี่แหละเป็นคนในกรมด้วย เดินเข้าออกกรมเป็นว่าเล่น) และยิ่งเรื่องราวของ "ห้าพยัคฆ์นักเรียนตำรวจ" ก็ยิ่งทำให้คิดว่านี่เป็น "นิยายรักตำรวจนครบาล" ฉบับภาพยนตร์เลยก็ว่าได้
.
การเล่าเรื่องจะมีสองช่วงเวลาตัดสลับกัน คือ ปัจจุบันและอดีตของคดีวางระเบิดเมื่อสามปีก่อนที่เกี่ยวข้องกับอดีตของอามุโระและเพื่อนๆ นั่นเลยทำให้เป็นการขุดอดีตของผู้หมวดมัตสึดะ จิมเปย์ ที่เคยปรากฏตัวในซีรี่ย์ ในตอนที่มีชื่อว่า "กรมตำรวจสั่นคลอน ตัวประกัน 12 ล้านคน" คราวนี้เหมือนเป็นการฉายหนังซ้ำแต่มีการขยายความสัมพันธ์ของตัวละครอื่นๆ รวมถึงการเปิดเผยว่า อามุโระและมัตสึดะเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนด้วย และเป็นการตอบคำถามที่หลายๆคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีในเรื่องโคนันด้วยว่า มีความสัมพันธ์กับความจริงอย่างไร (สปอยเล็กน้อย) คำตอบคือ ไม่มีนัยยะสำคัญ เพราะในซีรี่ย์ที่ผู้หมวดมัตสึดะปรากฏตัว เจ้าตัวใช้โทรศัพท์แบบฝาพับ ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น(ในโลกความเป็นจริง) แต่ในเดอะมูฟวี่ครั้งนี้ เขาเปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่เป็นเรื่องปกติในตอนนี้นั่นเอง
แม้การเล่าเรื่องจะบังคับให้ต้องย้อนไปย้อนมาระหว่างปัจจุบันกับอดีต แต่ตัวเนื้อเรื่องใช้ลูกเล่นของการแฟลชแบ็คนั้นให้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เพราะไม่เพียงแต่จะใช้เล่าอดีตของพวกอามุโระและมัตสึดะ แต่ยังใช้หยอดเงื่อนงำของคดีให้คนดูไปคิดแข่งกับโคนันถึงความจริงของคดีได้อีกด้วย และก็ต้องบอกว่าคดีในคราวนี้มีความแตกต่างจากภาคก่อนๆ ที่จะเน้นในการตีวงผู้ต้องสงสัยให้แคบลงแล้วแล้วค่อยเฉลยตัวคนร้าย ในทางกลับกันตัวเนื้อเรื่องมีทิศทางการเล่าที่ยิ่งให้ข้อมูลมายิ่งมีประเด็นมากขึ้น ทั้งการที่มีกลุ่มคนเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น ความเชื่อมโยงของพวกอามุโระปริศนาของระเบิด เป้าหมายของคนร้าย ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกเฉลยอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวว่าคนร้ายคือใคร (ซึ่งก็เดาได้ไม่ยาก)
ในส่วนของตัวละคร แน่นอนว่าโคนันยังคงความเทพไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่ากรมตำรวจทั้งกรมยังไม่อาจจะสู้เขาคนนี้ได้(เพิ่มเติม คือ รู้ภาษารัสเซียด้วย) และเหมือนเดิม การที่ต้องแบ่งเวลาไปเล่าเรื่องของพวกอามุโระกับมัตสึดะ ทำให้ตัวละครหลายๆคนแทบจะเรียกว่าโดนเก็บไปจากจอเลย อาทิ ลุงโมริที่ไปตั้งแต่ต้นเรื่องและไม่มีบทบาทอีกเลย รัน ที่โผล่มาแวบๆ ประหนึ่งตัวประกอบ แม้กระทั่งไฮบาระเองก็ตาม ก็ไม่ได้มีบทบาทมากนักเมื่อเทียบกับภาคที่แล้ว แต่อาจจะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่ต้องการโฟกัสไปที่การเล่าเรื่องของตัวละครเอกจริงๆ (โคนันกับพวกห้าพยัคฆ์) เลยทำให้ตัวละครอื่นๆ จำเป็นต้องถูกลดบทบาทไป กระทั่งตัวละครเปิดเรื่องอย่าง ผู้หมวดทาคางิและผู้หมวดซาโต้ ก็ยังไม่มีแอร์ไทม์มากนัก
นอกจากการเล่าเรื่องคดีและตัวละครแล้ว สิ่งที่ดูจะเด่นชัดสะดุดตาขึ้นมาในภาคนี้เห็นจะเป็นเรื่องงานภาพ ซึ่งน้อยครั้งที่เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดกัน เพราะว่างานภาพในคราวนี้ดูเหมือนจะมีการใส่ใจเรื่องรายละเอียดของตัวละคร การเคลื่อนไหวและฉากหลังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากฮาโลวีนกลางเมืองชิบุย่า ที่ในตอนเอ็นเครดิตเราจะได้เห็นว่า มีการเก็บภาพเมืองจริงๆ ก่อนจะนำมาทำเป็นอนิเมชั่น ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะ ผู้กำกับในภาคนี้ คือ "มิตซูนากะ ซูซูมุ" ที่แม้ว่าจะเคยมากำกับโคนันเดอะมูฟวี่เป็นครั้งแรก แต่เขาก็เคยร่วมงานในฝ่ายแอนิเมชันให้กับ ผู้กำกับอนิเมชั่นมากพรสวรรค์อย่าง มาโกโตะ ชินไค ใน "Weathering With You" มาแล้วนั่นเอง
อย่างที่บอกว่าในภาคนี้มีการลดทอนความเวอร์วังอลังการของคดีและฉากแอคชั่นลงไปพอสมควร (รวมถึงความเนิร์ดวิทยาศาสตร์ด้วย) ทำให้เราได้เห็นฉากไคล์แมกซ์ตอนท้ายที่เป็นทิศทางที่ไม่เคยเห็นในโคนันมาก่อน ซึ่งก็น่าแปลกใจไม่น้อย ที่คนที่เป็นวันแมนโชว์มาตลอดอย่างโคนันจะต้องการพลังมิตรภาพประหนึ่งการ์ตูนจำพวกดราก้อนบอล ก็นับว่าเป็นรสชาติใหม่ๆที่ภาคนี้มอบให้ผู้ชมได้อีกเช่นกัน
.
"เจ้าสาวฮาโลวีน" แม้จะเป็นถึงประเด็นหลักในภาคนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความเป็นเจ้าสาวและเทศกาลฮาโลวีน แทบไม่มีผลอะไรต่อเนื้อเรื่องเลย เรียกว่าเหมือนเป็นธีมรองเสียด้วยซ้ำ เพราะถูกเรื่องราวของพวกอามุโระกลบซะจนแทบไม่มีที่ยืน อันที่จริง ใช้ชื่อภาคว่า "นิยายรักห้าพยัคฆ์นักเรียนกรมตำรวจ" น่าจะเข้าทีมากกว่าด้วยซ้ำ
ในส่วนของเสียงพากย์ไทย ประเด็นที่เกิดขึ้น คือ การเปลี่ยนคนพากย์จาก น้าตุ๊ก อรุณี นันทิวาส ที่รีไทล์จากวงการพากย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาเป็น คุณหยก นภัสวรรณ์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะการจะเปลี่ยนเสียงที่เป็นภาพจำของโคนันมากว่า 20 ปี ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งเสียงของคุณหยกมีโทนที่ทุ้มและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าของน้าตุ๊กมาก จึงต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร แต่จะไม่ตัดสินว่าดีกว่าหรือแย่กว่า เพราะทั้งสองก็เป็นนักพากย์มืออาชีพเหมือนกัน เพียงแต่แตกต่างกันด้วยเนื้อเสียงเท่านั้น
.
สรุป ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 25 เจ้าสาวฮาโลวีน เป็นภาคที่มีสไตล์เป็นของตัวเองต่างจากภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเรื่องของคดีที่ไม่เน้นพุ่งเป้าไปที่การหาตัวคนร้ายเพียงอย่างเดียว และดูมีความจับต้องได้ไม่แฟนตาซีมากจนเกินไป การเปิดเรื่องราวของห้าพยัคฆ์นักเรียนตำรวจกับอดีตของหมวดซาโต้อีกครั้ง ก็เหมือนเป็นการกลับไปเจอเพื่อนเก่าที่หายหน้าไปนาน รวมถึงฉากจบที่แปลกใหม่ ปิดท้ายด้วยงานภาพที่โดดเด่นกว่าครั้งไหนๆ ก็ยิ่งย้ำเน้นถึงคุณภาพและความน่าดูของโคนันเดอะมูฟวี่ที่ไม่ว่าจะออกมากี่ครั้งก็ยังน่าสนใจน่าชมอยู่เสมอ
ฝากเพจด้วยครับ Story Decoder