"ผมพอแล้ว"
เขาหมายถึงเขาไม่ต้องการตำแหน่งนายรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว เมื่อพลตรีชาติชายนำใส่พานไปให้เขาถึงบ้าน ฟังเผินๆ เหมือน "คนดีย์" เลยค่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าตำแหน่งที่ "ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี" รอเขาอยู่ นั่นก็คือ "รัฐบุรุษ" ใหญ่ขนาดไหนเหรอค่ะ? ขนาดที่ว่านับแต่นี้ต่อไปนายกรัฐมนตรีคนไหนจะมาจะไปเป็นเรื่องวังวนของการเมือง แต่สำหรับเขา ลำพังแค่อำนาจของ "รัฐบุรุษ" ยังอยู่ยงคงกะพันตลอดไป มีอำนาจแผ่กว้างไกลทั่วราชอาณาจักร ยังไม่นับตำแหน่งและเครื่องประดับบนหน้าอกอื่นๆ อีกมากมายที่บอกถึงการเป็นคนมีอำนาจและบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ค่ะ อำนาจเหล่านี้ล้นทะลักออกมานอกเหนือรัฐธรรมนูญกำหนด จึงมีการขนานนามว่า "ผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ" !
ย้อนหลังไปก่อนหน้านี้ค่ะ ก่อนที่เขาจะเป็นนายกฯ เขาได้วางฐานอำนาจทางทหารไว้อย่างรัดกุมและแยบยล ชนิดที่ "นายเก่า" อย่างอินทรีย์แห่งทุ่งบางเขนคาดไม่ถึง และกว่า "นายเก่า" จะมารู้ตัวอีกที...เขาได้ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ แทนนายเก่าอย่างไม่มีใครกล้าหือหรือขัดขวางค่ะชนิด "นายเก่า" ต้องต้มน้ำใบบัวบกินแทนแกงเขียวหวานใส่บรั่นดีเลยนะคะ 8 ปีกว่าๆ ที่ "เขา" เป็นนายกฯ ....มันยาวนานพอที่เขาจะวางฐานอำนาจทางทหารที่เดิมมีอยู่อย่างล้นเปี่ยมให้มากเป็น "ทวีตรีคูณ" !! ซึ่งการันตีได้ว่าแม้จะก้าวลงเก้าอี้นายกฯ ไป อำนาจทางการเมืองและทหารจะยังคงอยู่กับเขาต่อไป ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นค่ะ.....ไม่ว่านายกรัฐมนตรีหรือ ผบทบ. เหล่าทัพไหน ต้องผ่านการเห็นด้วยหรือตราประทับยี่ห้อป๋าจากเขาแทบทั้งสิ้น! ประเทศไทยทั้งประเทศติดอยู่กับวงวนอย่างนี้มาช้านานนนนนนนนนนนมากกกกกกกกค่ะ หากใครนั่งมองจากดาวอังคารลงมาก็ดูเหมือนว่าจะสงบสุข แต่หากใช้กล้องบับเบิ้ลของนาซ่าซูมลงมาดูใกล้ๆ ก็จะเห็น "อำนาจที่ทับซ้อน" หลายชั้นยิ่งกว่าขนมชั้นของป้าเม้าสิบอันวางทับกันค่ะ! ชั้นบนสุดก็มี "ผู้มีอำนาจนอกรัฐนูญ" คนนี้ล่ะค่ะนั่งถ่างขากุมอำนาจอยู่ใน "มุมมืด" มาอย่างยาวนาน.... จนถึงยุครัฐบาลอ้ายแม้ว ใหม่ๆ อ้ายแม้วยังพินอบพิเทาเขาอยู่ ต่อมาก็ค่อยๆ ถอยห่าง เป็นต้นว่างดไปรดน้ำดำหัวบ้าง โพยทหารระดับนายพันก็แต่งตั้งเองแล้วยกขึ้นทูลเกล้าโดยไม่ผ่านเขาบ้าง
อ้ายแม้วเริ่มได้ใจขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะไม่ไปรดน้ำดำหัวตามประเพณีแล้ว อ้ายแม้วได้เข้าไปแตะในส่วนที่ไม่ควรแตะ ก็คือโพยทหารระดับนายพล! ใครคุม "โพยทหารระดับนายพล" ได้ ก็เท่ากับคุมประเทศทั้งประเทศได้ อ้ายแม้วมันเหิมเกริมหนักขึ้นไปอีก ! คราวนี้....ไม่เพียงแต่หักหน้า "ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ" แต่อ้ายแม้วลากเก้าอี้ของผู้มีบารมีฯ ที่อยู่ในมุมมืดมาช้านานออกมาใน "ที่แจ้ง" สังคมไทยได้เห็นหน้าตาชัดๆ ว่าเขาคือใคร? แต่อ้ายแม้วมันชะล่าและประเมินผู้มีบารมีฯ ต่ำเกินไป ผลสุดท้ายก็อย่างที่เห็น ระหกระเหิรเป็นบักฮัมน้อยตุรัดตะเร่อยู่ดูไบ หาทางกลับประเทศยังไม่เจอเท่าทุกวันนี้!!เพราะประเมินป๋าต่ำไป ไม่งั้นเขาคงไม่ได้ฉายา "นักห่าแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา" อันลือลั่นหรอกคร้าาาา
สรุป รากเง้าความยุ่งเหยิงในสังคม ที่เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกสู่หลานในตอนนี้ก็มาจากความไม่พอใจของผู้บารมีเหนือรัฐธรรมนูญต่ออ้ายแม้ว ซึ่งอ้ายแม้วก็ได้เปิดโปงลากออกมาในที่แจ้งแล้วว่าเขาคือป๋าเปรม หรือสรุปให้สั้นสุดก็คือ "ทหาร" คือสาเหตุของความวุ่นวายทางการเมืองในทุกวันนี้ค่ะ ไม่ว่าที่ไหนๆ มีทหารเข้าไปยุ่งเมื่อไหร่ สงครามกลางเมืองอาจเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ ไม่ว่าจะเป็น นายพลปิโนเช่แห่งสเปน นายพลโอลิเวอร์ ครอมพ์เวลส์อังกฤษ นายพลซูการ์โนอินโด หรือใกล้ชิดติดบ้านเราอย่างลาวเช่นร้อยเอกกองแล หรือนายพลวังเปา เป็นต้น
วันนี้หนักหน่อยนะคะ....ไม่รู้อำแหลจะเก็ทหรือเปล่า? อิ อิ
ตอบกระทู้ https://ppantip.com/topic/41482145 : ดาวอำผู้ขำไม่ออก
เขาหมายถึงเขาไม่ต้องการตำแหน่งนายรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว เมื่อพลตรีชาติชายนำใส่พานไปให้เขาถึงบ้าน ฟังเผินๆ เหมือน "คนดีย์" เลยค่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าตำแหน่งที่ "ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี" รอเขาอยู่ นั่นก็คือ "รัฐบุรุษ" ใหญ่ขนาดไหนเหรอค่ะ? ขนาดที่ว่านับแต่นี้ต่อไปนายกรัฐมนตรีคนไหนจะมาจะไปเป็นเรื่องวังวนของการเมือง แต่สำหรับเขา ลำพังแค่อำนาจของ "รัฐบุรุษ" ยังอยู่ยงคงกะพันตลอดไป มีอำนาจแผ่กว้างไกลทั่วราชอาณาจักร ยังไม่นับตำแหน่งและเครื่องประดับบนหน้าอกอื่นๆ อีกมากมายที่บอกถึงการเป็นคนมีอำนาจและบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ค่ะ อำนาจเหล่านี้ล้นทะลักออกมานอกเหนือรัฐธรรมนูญกำหนด จึงมีการขนานนามว่า "ผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ" !
ย้อนหลังไปก่อนหน้านี้ค่ะ ก่อนที่เขาจะเป็นนายกฯ เขาได้วางฐานอำนาจทางทหารไว้อย่างรัดกุมและแยบยล ชนิดที่ "นายเก่า" อย่างอินทรีย์แห่งทุ่งบางเขนคาดไม่ถึง และกว่า "นายเก่า" จะมารู้ตัวอีกที...เขาได้ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ แทนนายเก่าอย่างไม่มีใครกล้าหือหรือขัดขวางค่ะชนิด "นายเก่า" ต้องต้มน้ำใบบัวบกินแทนแกงเขียวหวานใส่บรั่นดีเลยนะคะ 8 ปีกว่าๆ ที่ "เขา" เป็นนายกฯ ....มันยาวนานพอที่เขาจะวางฐานอำนาจทางทหารที่เดิมมีอยู่อย่างล้นเปี่ยมให้มากเป็น "ทวีตรีคูณ" !! ซึ่งการันตีได้ว่าแม้จะก้าวลงเก้าอี้นายกฯ ไป อำนาจทางการเมืองและทหารจะยังคงอยู่กับเขาต่อไป ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นค่ะ.....ไม่ว่านายกรัฐมนตรีหรือ ผบทบ. เหล่าทัพไหน ต้องผ่านการเห็นด้วยหรือตราประทับยี่ห้อป๋าจากเขาแทบทั้งสิ้น! ประเทศไทยทั้งประเทศติดอยู่กับวงวนอย่างนี้มาช้านานนนนนนนนนนนมากกกกกกกกค่ะ หากใครนั่งมองจากดาวอังคารลงมาก็ดูเหมือนว่าจะสงบสุข แต่หากใช้กล้องบับเบิ้ลของนาซ่าซูมลงมาดูใกล้ๆ ก็จะเห็น "อำนาจที่ทับซ้อน" หลายชั้นยิ่งกว่าขนมชั้นของป้าเม้าสิบอันวางทับกันค่ะ! ชั้นบนสุดก็มี "ผู้มีอำนาจนอกรัฐนูญ" คนนี้ล่ะค่ะนั่งถ่างขากุมอำนาจอยู่ใน "มุมมืด" มาอย่างยาวนาน.... จนถึงยุครัฐบาลอ้ายแม้ว ใหม่ๆ อ้ายแม้วยังพินอบพิเทาเขาอยู่ ต่อมาก็ค่อยๆ ถอยห่าง เป็นต้นว่างดไปรดน้ำดำหัวบ้าง โพยทหารระดับนายพันก็แต่งตั้งเองแล้วยกขึ้นทูลเกล้าโดยไม่ผ่านเขาบ้าง
อ้ายแม้วเริ่มได้ใจขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะไม่ไปรดน้ำดำหัวตามประเพณีแล้ว อ้ายแม้วได้เข้าไปแตะในส่วนที่ไม่ควรแตะ ก็คือโพยทหารระดับนายพล! ใครคุม "โพยทหารระดับนายพล" ได้ ก็เท่ากับคุมประเทศทั้งประเทศได้ อ้ายแม้วมันเหิมเกริมหนักขึ้นไปอีก ! คราวนี้....ไม่เพียงแต่หักหน้า "ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ" แต่อ้ายแม้วลากเก้าอี้ของผู้มีบารมีฯ ที่อยู่ในมุมมืดมาช้านานออกมาใน "ที่แจ้ง" สังคมไทยได้เห็นหน้าตาชัดๆ ว่าเขาคือใคร? แต่อ้ายแม้วมันชะล่าและประเมินผู้มีบารมีฯ ต่ำเกินไป ผลสุดท้ายก็อย่างที่เห็น ระหกระเหิรเป็นบักฮัมน้อยตุรัดตะเร่อยู่ดูไบ หาทางกลับประเทศยังไม่เจอเท่าทุกวันนี้!!เพราะประเมินป๋าต่ำไป ไม่งั้นเขาคงไม่ได้ฉายา "นักห่าแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา" อันลือลั่นหรอกคร้าาาา
สรุป รากเง้าความยุ่งเหยิงในสังคม ที่เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกสู่หลานในตอนนี้ก็มาจากความไม่พอใจของผู้บารมีเหนือรัฐธรรมนูญต่ออ้ายแม้ว ซึ่งอ้ายแม้วก็ได้เปิดโปงลากออกมาในที่แจ้งแล้วว่าเขาคือป๋าเปรม หรือสรุปให้สั้นสุดก็คือ "ทหาร" คือสาเหตุของความวุ่นวายทางการเมืองในทุกวันนี้ค่ะ ไม่ว่าที่ไหนๆ มีทหารเข้าไปยุ่งเมื่อไหร่ สงครามกลางเมืองอาจเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ ไม่ว่าจะเป็น นายพลปิโนเช่แห่งสเปน นายพลโอลิเวอร์ ครอมพ์เวลส์อังกฤษ นายพลซูการ์โนอินโด หรือใกล้ชิดติดบ้านเราอย่างลาวเช่นร้อยเอกกองแล หรือนายพลวังเปา เป็นต้น
วันนี้หนักหน่อยนะคะ....ไม่รู้อำแหลจะเก็ทหรือเปล่า? อิ อิ