ไม่รู้ว่าบอกสถานที่ได้รึเปล่าเพราะฟังรายการผีทีไรก็จะบอก ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อสถานที่ หรืออย่าบอกว่าอยู่ที่ไหน ไม่ฟังมาหลายปีเดี๋ยวนี้พูดได้ยังไม่รู้ แต่ทั้งรูปทั้งเรื่องที่เราจะเล่านี่มันก็บอกชัดๆอยู่นะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 5 ปีกว่าๆละ เพราะงั้นอย่าบู้บี้รูปเรานะ ใช้โทรศัพท์ถูกๆถ่าย😆 เรื่องมีอยู่ว่า เราไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆชาวสวีเดน เราเลือกที่จะเช่าบ้านเพราะถูกกว่า 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีห้องรับแขก มีครัว มีเครื่องครัวพร้อม มีแอร์ทุกห้อง ข้ามถนนเล็กๆถึงทะเลเลย ราคาวันละ 800 บาท
จากนั้นพวกเราก็เช่ามอเตอร์ไซค์ร้านใกล้ๆคนละคัน ต่างตนต่างไป เราฉายเดี่ยวเพราะโสด วันนึงเพื่อนไปกินอาหารร้านของชาวอังกฤษที่ก้นอ่าว เห็นว่าอร่อยมาก แต่เราไม่กินข้าวเย็นเลยไม่ไปด้วย ฝรั่งกินข้าวเย็นคือมืดตึบ 2-3 ทุ่มเราไม่ไหวอ่ะกินแบบนั้นเราจะป่วย
ตอนตี 2 เพื่อนโทรมาให้ช่วยเอา กกน. พร้อมเสื้อผ้าไปให้ เพราะเมากลับไม่ไหวจะนอนที่รีสอร์ทแถวนั้น ซึ่งก้นอ่าวทะเลสวยกว่าทั้งๆที่สกปรกกว่า เพื่อนเลยอยากอยู่ซัก 2 วัน เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปตี 2 กว่าๆด่าเพื่อนในใจไปตลอดทาง เพราะพวกนี้ทำให้เราเดือดร้อนทุกวันเพราะความเมาของพวกมัน เมาแบบไม่ใช่เมาเหล้า อยากให้ตำรวจมาจับซักทีแต่ตอนนี้เสรีแล้วสบายมัน
ขี่ไปจนถึงจุดที่ฝรั่งเรียว่า white stone ขี่ไปช้าๆเพราะหนาว สายตาเหลือบไปเห็นเด็กๆยืนอยู่เต็มโขดหินที่ยื่นลงไปในทะเล เราเบรคเลยตาฝาดไหมหว่า ตี 2 กว่าละนะ เด็กที่ไหนมายืน หรือเป็นลูกคนไดหมึก เลยลงเดินไปหาพี่รูปปั้นพระอภัยมณีที่นั่งเป่าปี่อยู่ตรงนั้น ถามพระอภัยมณีว่าเห็นไหม แต่เขาไม่ตอบ
เราเลยเดินไปอีกเพราะมันค่อนข้างมืดเห็นเป็นเงาดำๆ พอเดินไปใกล้แต่ไม่ได้ลงไปบนทราย เห็นชัดว่าเป็นเด็ก ประมาณ 7-8 คน อายุประมาณ 3 ขวบถึง 16-17 มีตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมว่างั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จุดที่เจอเด็กๆ
เราเป็นห่วงเด็กมันมืดกลัวเด็กตกน้ำเลยมองหาผู้ปกครอง ขณะนั้นเราได้สังเกตุเห็นว่าเด็กทุกคนยืนนิ่งเหมือนหุ่น ไม่มีใครกระดิก เลยคิดว่าน่าจะเป็นหุ่นเพราะเด็กไม่มีทางอยู่นิ่งๆแบบนั้น แต่มันมีเสียงเด็กคุยกันตลอดนี่สิ นั่นนี่กูจมตรงโน้น เสียงดังชัดมากอาจจะเพราะดึกแล้ว แต่เราไม่ได้เอะใจบทสนทนาของเด็กเลย พอดีเพื่อนโทรมาอีกเราเลยไปหาเพื่อนก่อนค่อยกลับมาดูอีกที
ขากลับแวะดู เด็กๆไม่อยู่แล้ว เราก็ขี่ออกมาแต่ยังหันกลับไปมอง เด็กๆยังคงอยู่ที่เดิม อ้าว ทำไมเมื่อกี้ไม่เห็น ตอนนี้เริ่มฉลาดขึ้นมาหน่อยละเลยรีบขี่รถกลับบ้าน
วันต่อมาเราเดินเล่นไปตามชายหาดตั้งใจจะเดินไปที่โขดหินเพราะสงสัย แต่ไปเจอสร้อยเชือกร่มสีดำ กรอบพลาสติกข้างในเต็มไปด้วยทราย เราเลยเอาหินมาทุบเล่น เพื่อ? ไม่รู้นะบางทีเราก็ทำอะไรปัญญาอ่อนโดยที่ไม่รู้สาเหตุ จริงๆเราเจอหลายอย่างเจอสร้อยหลายเส้น เจอกระเป๋านั่นนี่ เราส่งป้อมตำรวจหมดแต่อันนี้เราดันเอามาทุบเล่น
ข้างในเราคิดว่ามีแต่ทรายแต่เปล่า มันมีป้ายทองเหลืองเล็กๆ ที่ลงอักขระอะไรไว้ไม่รู้ เราไม่สนใจ ไปถึงพี่พระอภัยมณี แม่ค้าแถวนั้นยืนยันว่าไม่มีเด็กที่ไหนมายืนบนโขดหินตอนตี 2 แน่นอน และลักษณะของเด็กที่เราบรรยาย เหมือนเด็กที่จมน้ำตายในบริเวณนั้น อันนี้ขอข้ามรายละเอียดเดี๋ยวพอแม่น้องมาอ่านเจอ
คืนนั้นเราไปเที่ยวตลาดนัดดวงดาวในเมือง กว่าจะกลับเข้าบ้านคือเที่ยงคืน เราเห็นเงาผู้ชายนั่งอยู่หน้าบ้าน ชันเข่า 2 ข้างก้มหน้า เป็นคนเอเชีย เหมือนคนไทย เราก็เลยจอดรถรีบเปิดประตูแล้วจะถามว่า เป็นใครแล้วเข้าไปนั่งได้ไง เพราะมันมีประตูรั้วใส่กุญแจอยู่ด้านนอก แต่พอเปิดประตูพี่แกก็หายแวบไม่รู้ไปทางไหน
เรารีบเข้าบ้าน อาบน้ำนอน เรานอนห้องรับแขกด้านล่างเพราะแพ้แอร์ เปิดหน้าต่างไว้มันมีเหล็กดัด หลับๆอยู่รู้สึกเหมือนแมวมานอนทับอก แถวนั้นมีแมวด้วยเราชอบซื้อปลาย่างฝากน้อง เล่นกันทุกวันน้องเลยมานอนด้วยทุกคืน
มันแฉะ คือเวลาแมวทับอกมันจะอุ่นๆ แต่นี่คือเย็นและแฉะมาก เราคิดว่าน้องฉี่ใส่เลยลืมตาดู มันเป็นหัวผู้ชายเละๆ เปียกๆ เหมือนศพที่ตายในน้ำแบบเลยคำว่าขึ้นอืดมาแล้ว เนื้อกับ ผมหลุดรุ่ย ตาไม่มีละ เราร้องเฮ้ย! แล้วจับหัวทุ่มลงพื้น คือเวลาเราตกใจจะเป็นสาทำลาย ถ้าสัตว์ทำให้เราตกใจก็คือตาย เราฆ่าแมลงสาปไปเยอะมาก เราจะตีจนมันตายเลย เวลาคนทำเราตกใจก็บาดเจ็บแหละ แต่ตอนนี้เราคุมตัวเองได้แล้วนะ
เราทุ่มหัวลงตั้งใจกระทืบซ้ำจนกว่าจะเละคาทีน ตอนจับรู้สึกแหยะๆเปียกๆ แต่ตอนจะกระทืบหัวมันหายไปไหนไม่รู้ น้องแมวที่มานอนกับเราทุกวันไปแอบอยู่ใต้โซฟาหน้าซีดมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นแมวหน้าซีด เราเอาน้องกลับมาเลี้ยงด้วยยังอยู่ด้วยกัน ณ วันนี้
เราถามประวัติบ้านคือไม่มีอะไรขาวสะอาดไม่เคยมีใครตาย มันก็คงมากับสร้อยทั้งหลายที่เราเก็บมาจากทะเล ซึ่งไม่มีพระเลย มีแต่จี้เทพต่างๆ กับยันต์ เราเอามาทำความสะอาด ตากแห้งแล้วจะได้ไปส่งตำรวจ เราก็หิ้วไปให้คนแถวนั้นทั้งพวง ฝากไปให้ตำรวจ เพราะเราไปป้อมแล้วตำรวจไม่อยู่ อันนี้เป็นเซ็ทที่ 2 นะเซ็ทแรกเราเอาไปเอง บัตรประชาชน 5 ใบเราก็หยอดตู้ไปรษณีย์
พอกลับมาบ้าน ..... เหมือนพระอาทิตย์อยู่หน้าบ้าน รู้สึกบ้านสว่างขึ้น ตอนแรกมันสลัวๆเหมือนตอนเมฆบังพระอาทิตย์ จริงๆก็เจออีกหลายอย่างก่อนคืนสร้อย แต่เราว่ามันยาวไปละ 😅
เจอผีที่ริมเล
เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 5 ปีกว่าๆละ เพราะงั้นอย่าบู้บี้รูปเรานะ ใช้โทรศัพท์ถูกๆถ่าย😆 เรื่องมีอยู่ว่า เราไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆชาวสวีเดน เราเลือกที่จะเช่าบ้านเพราะถูกกว่า 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีห้องรับแขก มีครัว มีเครื่องครัวพร้อม มีแอร์ทุกห้อง ข้ามถนนเล็กๆถึงทะเลเลย ราคาวันละ 800 บาท
จากนั้นพวกเราก็เช่ามอเตอร์ไซค์ร้านใกล้ๆคนละคัน ต่างตนต่างไป เราฉายเดี่ยวเพราะโสด วันนึงเพื่อนไปกินอาหารร้านของชาวอังกฤษที่ก้นอ่าว เห็นว่าอร่อยมาก แต่เราไม่กินข้าวเย็นเลยไม่ไปด้วย ฝรั่งกินข้าวเย็นคือมืดตึบ 2-3 ทุ่มเราไม่ไหวอ่ะกินแบบนั้นเราจะป่วย
ตอนตี 2 เพื่อนโทรมาให้ช่วยเอา กกน. พร้อมเสื้อผ้าไปให้ เพราะเมากลับไม่ไหวจะนอนที่รีสอร์ทแถวนั้น ซึ่งก้นอ่าวทะเลสวยกว่าทั้งๆที่สกปรกกว่า เพื่อนเลยอยากอยู่ซัก 2 วัน เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปตี 2 กว่าๆด่าเพื่อนในใจไปตลอดทาง เพราะพวกนี้ทำให้เราเดือดร้อนทุกวันเพราะความเมาของพวกมัน เมาแบบไม่ใช่เมาเหล้า อยากให้ตำรวจมาจับซักทีแต่ตอนนี้เสรีแล้วสบายมัน
ขี่ไปจนถึงจุดที่ฝรั่งเรียว่า white stone ขี่ไปช้าๆเพราะหนาว สายตาเหลือบไปเห็นเด็กๆยืนอยู่เต็มโขดหินที่ยื่นลงไปในทะเล เราเบรคเลยตาฝาดไหมหว่า ตี 2 กว่าละนะ เด็กที่ไหนมายืน หรือเป็นลูกคนไดหมึก เลยลงเดินไปหาพี่รูปปั้นพระอภัยมณีที่นั่งเป่าปี่อยู่ตรงนั้น ถามพระอภัยมณีว่าเห็นไหม แต่เขาไม่ตอบ
เราเลยเดินไปอีกเพราะมันค่อนข้างมืดเห็นเป็นเงาดำๆ พอเดินไปใกล้แต่ไม่ได้ลงไปบนทราย เห็นชัดว่าเป็นเด็ก ประมาณ 7-8 คน อายุประมาณ 3 ขวบถึง 16-17 มีตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมว่างั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเป็นห่วงเด็กมันมืดกลัวเด็กตกน้ำเลยมองหาผู้ปกครอง ขณะนั้นเราได้สังเกตุเห็นว่าเด็กทุกคนยืนนิ่งเหมือนหุ่น ไม่มีใครกระดิก เลยคิดว่าน่าจะเป็นหุ่นเพราะเด็กไม่มีทางอยู่นิ่งๆแบบนั้น แต่มันมีเสียงเด็กคุยกันตลอดนี่สิ นั่นนี่กูจมตรงโน้น เสียงดังชัดมากอาจจะเพราะดึกแล้ว แต่เราไม่ได้เอะใจบทสนทนาของเด็กเลย พอดีเพื่อนโทรมาอีกเราเลยไปหาเพื่อนก่อนค่อยกลับมาดูอีกที
ขากลับแวะดู เด็กๆไม่อยู่แล้ว เราก็ขี่ออกมาแต่ยังหันกลับไปมอง เด็กๆยังคงอยู่ที่เดิม อ้าว ทำไมเมื่อกี้ไม่เห็น ตอนนี้เริ่มฉลาดขึ้นมาหน่อยละเลยรีบขี่รถกลับบ้าน
วันต่อมาเราเดินเล่นไปตามชายหาดตั้งใจจะเดินไปที่โขดหินเพราะสงสัย แต่ไปเจอสร้อยเชือกร่มสีดำ กรอบพลาสติกข้างในเต็มไปด้วยทราย เราเลยเอาหินมาทุบเล่น เพื่อ? ไม่รู้นะบางทีเราก็ทำอะไรปัญญาอ่อนโดยที่ไม่รู้สาเหตุ จริงๆเราเจอหลายอย่างเจอสร้อยหลายเส้น เจอกระเป๋านั่นนี่ เราส่งป้อมตำรวจหมดแต่อันนี้เราดันเอามาทุบเล่น
ข้างในเราคิดว่ามีแต่ทรายแต่เปล่า มันมีป้ายทองเหลืองเล็กๆ ที่ลงอักขระอะไรไว้ไม่รู้ เราไม่สนใจ ไปถึงพี่พระอภัยมณี แม่ค้าแถวนั้นยืนยันว่าไม่มีเด็กที่ไหนมายืนบนโขดหินตอนตี 2 แน่นอน และลักษณะของเด็กที่เราบรรยาย เหมือนเด็กที่จมน้ำตายในบริเวณนั้น อันนี้ขอข้ามรายละเอียดเดี๋ยวพอแม่น้องมาอ่านเจอ
คืนนั้นเราไปเที่ยวตลาดนัดดวงดาวในเมือง กว่าจะกลับเข้าบ้านคือเที่ยงคืน เราเห็นเงาผู้ชายนั่งอยู่หน้าบ้าน ชันเข่า 2 ข้างก้มหน้า เป็นคนเอเชีย เหมือนคนไทย เราก็เลยจอดรถรีบเปิดประตูแล้วจะถามว่า เป็นใครแล้วเข้าไปนั่งได้ไง เพราะมันมีประตูรั้วใส่กุญแจอยู่ด้านนอก แต่พอเปิดประตูพี่แกก็หายแวบไม่รู้ไปทางไหน
เรารีบเข้าบ้าน อาบน้ำนอน เรานอนห้องรับแขกด้านล่างเพราะแพ้แอร์ เปิดหน้าต่างไว้มันมีเหล็กดัด หลับๆอยู่รู้สึกเหมือนแมวมานอนทับอก แถวนั้นมีแมวด้วยเราชอบซื้อปลาย่างฝากน้อง เล่นกันทุกวันน้องเลยมานอนด้วยทุกคืน
มันแฉะ คือเวลาแมวทับอกมันจะอุ่นๆ แต่นี่คือเย็นและแฉะมาก เราคิดว่าน้องฉี่ใส่เลยลืมตาดู มันเป็นหัวผู้ชายเละๆ เปียกๆ เหมือนศพที่ตายในน้ำแบบเลยคำว่าขึ้นอืดมาแล้ว เนื้อกับ ผมหลุดรุ่ย ตาไม่มีละ เราร้องเฮ้ย! แล้วจับหัวทุ่มลงพื้น คือเวลาเราตกใจจะเป็นสาทำลาย ถ้าสัตว์ทำให้เราตกใจก็คือตาย เราฆ่าแมลงสาปไปเยอะมาก เราจะตีจนมันตายเลย เวลาคนทำเราตกใจก็บาดเจ็บแหละ แต่ตอนนี้เราคุมตัวเองได้แล้วนะ
เราทุ่มหัวลงตั้งใจกระทืบซ้ำจนกว่าจะเละคาทีน ตอนจับรู้สึกแหยะๆเปียกๆ แต่ตอนจะกระทืบหัวมันหายไปไหนไม่รู้ น้องแมวที่มานอนกับเราทุกวันไปแอบอยู่ใต้โซฟาหน้าซีดมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นแมวหน้าซีด เราเอาน้องกลับมาเลี้ยงด้วยยังอยู่ด้วยกัน ณ วันนี้
เราถามประวัติบ้านคือไม่มีอะไรขาวสะอาดไม่เคยมีใครตาย มันก็คงมากับสร้อยทั้งหลายที่เราเก็บมาจากทะเล ซึ่งไม่มีพระเลย มีแต่จี้เทพต่างๆ กับยันต์ เราเอามาทำความสะอาด ตากแห้งแล้วจะได้ไปส่งตำรวจ เราก็หิ้วไปให้คนแถวนั้นทั้งพวง ฝากไปให้ตำรวจ เพราะเราไปป้อมแล้วตำรวจไม่อยู่ อันนี้เป็นเซ็ทที่ 2 นะเซ็ทแรกเราเอาไปเอง บัตรประชาชน 5 ใบเราก็หยอดตู้ไปรษณีย์
พอกลับมาบ้าน ..... เหมือนพระอาทิตย์อยู่หน้าบ้าน รู้สึกบ้านสว่างขึ้น ตอนแรกมันสลัวๆเหมือนตอนเมฆบังพระอาทิตย์ จริงๆก็เจออีกหลายอย่างก่อนคืนสร้อย แต่เราว่ามันยาวไปละ 😅