สมมตินะคะ ที่ดินมีชื่อ นาย ก. และ นาง ข. เป็นชื่อร่วมกันค่ะ โดยนาง ข. นำเงินจากพ่อนาย ก. ไปจ่ายเงิน เจ้าบ้านเป็นชื่อนาย ก. ที่ดินอยู่นนทบุรี

นาง ข. ได้บอกกับนาย ก. ว่าพ่อนาย ก. ป่วย(ซึ่งพ่อ ไม่ได้อยู่กับนาง ข. แล้ว) จำเป็นต้องใช้เงินด่วน เลยจะพาไปที่กรมที่ดิน
แต่นาย ก. ไม่เชื่อ จึงได้โทรไปเช็คกับพ่อ ปรากฏว่า พ่อไม่ได้เป็นอะไรเลย นาย ก. เลยยังไม่ไปกรมที่ดิน
วันถัดมา นาง ข. ได้โทรมาหานาย ก. เร่งให้ไปกรมที่ดินเพื่อจะหาเงินไปรักษาพ่อ แต่นาย ก. ก็ได้ปฏิเสธ แต่นาง ข. ก็ยังรบเร้าว่าให้มา แจ้งว่า บ้านหลังนี้
ซื้อมาในราคา 2 ล้านบาท แล้วมาประเมินราคา ขายได้เพียง 1 ล้าน 5 แสนบาท แจ้งว่า ถ้าไปถึงศาล ศาลจะเป็นคนตัดสินเรื่องหลักฐาน อ้างว่าถ้าเรื่องไปศาล จะเป็นบาปให้นาง ข.
วันถัดมา นาง ข. ให้นาย ห. โทรมา บอกว่านาง ข. เป็นน้าของตน โทรมาขอประสานงานเรื่องการขายที่ดิน แต่ว่าทางนาย ก. ก็ได้ให้นาย ห. ไปติดต่อกับพี่ที่ทำงานอยู่กรมที่ดิน 
นาง ข. ให้ นาย ห. โทรมาอีกหลายวัน แต่นาย ก. ไม่ได้รับ
ประมาณ 1 อาทิตย์ต่อมา ทนายของนาง ข. โด้โทรมาหากับนาย ก. ว่าทางนาง ข. ขอให้นาย ก. ไปที่กรมที่ดิน เพื่อจะนำโฉนดที่ดินออกมา จ่ายให้ 5 แสนบาท ซึ่งทางนายก. ก็ได้แจ้งให้กับทางทนายฝั่งนาง ข. ทราบว่า ที่ดินเป็นชื่อร่วม นาย ก. ก็ต้องได้ครึ่งนึงของราคาขาย ไม่งั้น นาย ก. ไม่มีทางเซ็น (ทุกการสนทนา มีการบันทึกเสียงเอาไว้ด้วย)
หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อใดๆเข้ามาอีกเลย

รบกวนสอบถามค่ะ
1. ถ้านาย ก. จะแจ้งความเรื่องขู่กรรโชก ได้ไหมคะ
2. นาย ก. ได้รู้ว่า บ้าน ณ ตอนนี้ มีการให้เช่าอยู่ ก่อนหน้านี้ นาย ก. ไม่รู้มาก่อนว่าบ้านมีการให้เช่า ตรงนี้ ทำอะไรได้บ้างไหม