คือถ้าสมัยก่อนโน้นเลย เคยได้ยินคนแก่ๆผู้ใหญ่พูดมาว่า สมัยก่อนแค่เปรียญ 1 ก็ยกเว้นได้แล้ว เพราะพระเปรียญถ้าต้องถอดผ้าเหลืองออกจากตัวสู่สาธารณชนไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม "เปรียญที่ได้จะหายไปทันที"ซึ่งการเป็นทหารเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะต้องครองผ้าเหลืองตลอดเวลา พระเปรียญในสมัยก่อนจึงได้รับการยกเว้น แต่กฏแบบนี้ก็ถูกแก้ไปแล้ว เพราะถ้าได้เปรียญมา สึกออกแล้วบวชใหม่เปรียญก็จะยังอยู่คงเดิม แต่จะกลับไปเป็นพระที่มียศเช่นพระมหาไม่ได้เหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องสอบใหม่ ไล่เรียงทุกอย่างใหม่ ซึ่งยุ่งยากมากถึงมากที่สุด
แต่สมัยนี้ กำหนดว่า พระที่ได้รับการยกเว้นต้องเปรียญ 3 ขึ้นไป ผมอยากทราบว่า ทำไมถึงต้องเปรียญ 3 ครับ หรือว่าพระเปรียญ 3 จะถูกแต่งตั้งให้เป็นพระมหา ซึ่งการเป็นทหารเกณฑ์แล้วกลับมาบวชใหม่ก็จะต้องเรียน สอบ พระมหาใหม่ จึงต้องละเว้นพระเปรียญ 3 ขึ้นไป แต่ในบางมุมก็มองว่าการเป็นทหารเกณฑ์ไม่ได้จบแค่นั้น อาจจะถูกเรียกฝึกอีกต่อๆไปก็ได้ ถ้าต้องบวชต้องสึกอยู่บ่อยๆก็อย่ามาเป็นพระมหาเลย ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่เขายกเว้นพระเปรียญ 3 ขึ้นไปเพราะไม่อยากให้พระที่ศึกษาเปรียญจนมาถึงขนาดนี้ก็ไม่ควรมาพะว้าพะวงเกี่ยวกับเรื่องการเกณฑ์ทหารแบบนี้
ทำไมสมัยนี้ พระเปรียญที่ได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร จะต้องเป็นพระเปรียญ 3 ขึ้นไปครับ
แต่สมัยนี้ กำหนดว่า พระที่ได้รับการยกเว้นต้องเปรียญ 3 ขึ้นไป ผมอยากทราบว่า ทำไมถึงต้องเปรียญ 3 ครับ หรือว่าพระเปรียญ 3 จะถูกแต่งตั้งให้เป็นพระมหา ซึ่งการเป็นทหารเกณฑ์แล้วกลับมาบวชใหม่ก็จะต้องเรียน สอบ พระมหาใหม่ จึงต้องละเว้นพระเปรียญ 3 ขึ้นไป แต่ในบางมุมก็มองว่าการเป็นทหารเกณฑ์ไม่ได้จบแค่นั้น อาจจะถูกเรียกฝึกอีกต่อๆไปก็ได้ ถ้าต้องบวชต้องสึกอยู่บ่อยๆก็อย่ามาเป็นพระมหาเลย ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่เขายกเว้นพระเปรียญ 3 ขึ้นไปเพราะไม่อยากให้พระที่ศึกษาเปรียญจนมาถึงขนาดนี้ก็ไม่ควรมาพะว้าพะวงเกี่ยวกับเรื่องการเกณฑ์ทหารแบบนี้