ตรงไปตรงมาเลย ทำเงินเป็นไหม? หารายได้เข้าได้ไหม? ถ้าไม่ได้ก็เงียบไป

ยุคสมัย “สมเด็จฟื้น” วัดสามพระยา ท่านสนับสนุนพวกเรียนบาลีมาก แม้ “สมเด็จนิยม” วัดชนะสงคราม ก็เหมือนกัน พระที่เป็น “กรรมการมหาเถรสมาคม” อย่างน้อยต้องจบ “เปรียญเอก” มิใช่เอาพวกเปรียญต่ำๆ มาเป็น  หรือแม้กระทั้งการเลือกแต่งตั้งหรือเลื่อน “สมณศักดิ์” ก็ต้องเลือกจากพระจบบาลีเป็นหลักใครจบ “ประโยค 9” เห็นมีแวว มาจากจังหวัดไหน อำเภออะไร เรียกมาคุย แล้วส่งกลับให้ไปเป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ในภูมิภาค ตามถิ่นกำเหนิดของตน

ทุกวันนี้..ไม่ได้เป็นดัง “จารีตประเพณี” ที่บุรพาจารย์ ท่านได้วางกฎเกณฑ์ กฎระเบียบเอาไว้
ยุคนี้ “พระบวชใหม่” หลายรูป “เดินลัด” ด้วยตั้งตนเป็น “พระเกจิ” หาเงิน หาตำแหน่ง วิ่งขอรับใช้ “เจ้าคณะปกครอง” โดยไม่ศึกษาพระธรรมวินัย สุดท้ายไปนั่งหน้า บรรดา “มหา” ทั้งหลายที่มีพรรษามากกว่าด้วยซ้ำไป

เจ้าคณะปกครองยุคนี้หลายแห่งก็ “เหลือเกิน” การให้นั่งลำดับมักเอา สมณศักดิ์และตำแหน่งปกครอง เป็นที่ตั้ง มิได้ยึดเอา “พระวินัย” ว่าด้วย “อายุพรรษา” เป็นเกณฑ์ ไม่คำนึงถึงบรรทัดฐานที่พระพุทธเจ้าทรงวางหลักไว้
มีแต่ “เด็กในคาถา และเด็กเส้น” ที่ก้าวหน้าในตำแหน่ง “ทางปกครองและสมณศักดิ์” บางรูปละเมิด “พระวินัย” ไม่รู้จัก “อาวุโส -ภันเต” ใครบวชก่อน บวชหลังก็มีถมไป
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่