รู้จักกับโรคสมาธิสั้น โรคที่ทุกคนต้องรู้จัก ตอนที่ 1
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ โรคสมาธิสั้น ที่มาจากประสบการณ์ตรงของผม จากที่ผมเคยเรียน จากคุยกับเพื่อนที่เป็นเหมือนกัน และจากคุณหมอครับ เนื่องจากว่าผมเห็นว่าคนไทยยังไม่ค่อยเข้าใจโรคนี้ ผมจึงคิดที่จะทำสื่อเพื่อให้คนไทยรู้จักมากขึ้น โดยได้เขียนบทความที่ชื่อว่า “รู้จักกับโรคสมาธิสั้น โรคที่ทุกคนต้องรู้จัก” โดยจะแบ่งเป็น 3 ตอน อันนี้จะเป็นตอนที่ 1 ครับ หากว่าใครชอบดูในรูปแบบของคลิปวิดีโอมากกว่า สามารถรับชมคลิปได้เลยครับ แต่ถ้าใครชอบอ่านก็เลื่อนลงไปอ่านบทความได้เลยครับ
ก่อนอื่นผมขอชี้แจงก่อนว่าข้อมูลนี้ผมอ้างอิงมาจากที่เคยคุยกับหมอ เคยฟังบรรยายในห้องเรียน จากประสบการณ์ตรงของผม และจากหนังสือ “โลกของเด็กสมาธิสั้น“ ของหมอแมวน้ำ ซึ่งผมใช้เป็นแกนหลักในการเขียนบทความนี้ และหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ผมแนะนำให้อ่าน ที่แนะนำเพราะว่าหมอสวย 555 ไม่ใช่ละ เพราะว่าหนังสือเล่มนี้ผมว่ามีเนี้อหาแน่น รายละเอียดครบ และใช้ภาษาที่ไม่ยาก ใครก็อ่านได้ครับ (ผมไม่ได้ค่าโฆษณานะ 555)
หากคนที่คุณรู้จักไม่ว่าจะเป็น ญาติ คนในครอบครัว ลูกศิษย์ เพื่อนร่วมชีวิต หัวหน้างาน หรือคนทั่วๆ ไปในสังคม หรือสรุปได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ มีอาการดั่งเช่นต่อไปนี้ สะเพร่าง่าย ยุกยิก นั่งไม่ติดกับที่ พูดมาก หัวร้อนง่าย เหม่อลอยง่าย ขี้ลืม ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่าอาการที่ผมพูดมานั้นสามารถพบเห็นได้ทั่วไปกับคนในสังคมเลย ซึ่งจริงๆ แล้ว อาการที่คนเหล่านี้เป็นเขาอาจไม่ได้ทำไปเพราะตั้งใจทำแต่อาจทำไปเพราะเขาเป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งเราอาจสันนิษฐานเบี้องต้นได้ว่าเขาอาจเข้าข่ายเป็นโรคนี้หากมีอาการหลายอย่างและควรพาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
เห็นไหมครับว่าโรคนี้อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิดเพราะคนใกล้ตัวคุณอาจเป็นโรคนี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาทำไปโดยไม่ได้จตั้งใจแต่มันก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นได้ ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าคนทุกคนรู้จักโรคนี้และถ้าหากว่าใครเป็นจะได้ช่วยเหลือพาไปรักษาในเวลาที่เหมาะสมได้
โรคสมาธิสั้น (ADHD) ชื่อโรคอาจหมายถึงว่าเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องสมาธิ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันครอบคลุมไปมากกว่าสมาธิเพราะมันแฝงปัญหาอื่นๆ ที่ทำให้มีปัญหาในชีวิตประจำวันได้ตลอดเวลา ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อคนเหล่านี้แสดงพฤติกรรมออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจคนก็จะตีความผิดมองเขาว่าเป็นคนไม่ดีเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นโรค เช่น เป็นคนคุมอารมณ์ไม่ได้ ชอบก่อกวนสร้างความรำคาญ ขี้ลืมจนมองว่าไม่ใส่ใจ เป็นต้น ดังนั้นผมจึงสนับสนุนให้ทุกคนที่มีอาการอาจเป็นโรคหรือถูกวินิจฉัยไปแล้วว่าเป็นโรคเข้าสู่กระบวนการรักษาเพราะนอกจากจะไม่เป็นการสร้างปัญหาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจให้กับตัวเองและผู้อื่นแล้ว ยังเป็นการทำให้คนเลิกตีความว่าเราเป็นคนไม่ดีและอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่นอคติกับเรา เป็นต้น
อาการของโรคสมาธิสั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ด้านใหญ่ๆ หรือเราเรีกว่า 3 เสาหลัก
1 อยู่ไม่นิ่ง ( Hyperactivity)
อาการส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะอยู่ไม่นิ่ง ชอบเคลื่อนไหวร่างกายไปมา ลุกเดินไปมา หนักหน่อยก็วิ่งรอบห้องเรียน หาอะไรทำตลอดเวลา พูดเยอะ ชอบทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันแต่ไม่ค่อยสำเร็จสักอย่าง
2. เหม่อลอย (Inattention)
สำหรับเสานี้ก็จะประกอบไปด้วย เหม่อลอย สมาธิหลุดง่าย วอกแวกง่าย ขี้ลืม ไม่รอบคอบ เก็บรายละเอียดไม่ค่อยได้ ขี้เบื่อ วางแผนไม่เก่งซึ่งจะส่งผลต่อการวางแผนเรื่องต่างๆ ของชีวิต
3. หัวร้อนง่าย (ใจร้อน) (Impulsivity)
ในส่วนนี้ก็จะตรงตัวเลยครับก็คือ หัวร้อนง่าย (อารมณ์ร้อนง่าย) ชอบทำอะไรเร็วๆ ซึ่งจะส่งผลเสียหลายอย่างได้เช่น ชอบตัดสินใจเร็ว ขับรถเร็ว อ่านหนังสือข้ามบรรทัค อ่านหนังสือสรุปรวมๆ พูดมากพูดเร็ว ไม่รู้จักรอคอย ชอบเล่นอะไรแรงๆ
ทั้งนี้ในแต่ละคนจะมีองค์ประกอบไม่เหมือนกัน บางคนอาจมีแค่ 1 ด้านแต่บางคนก็จะมีครบทั้ง 3 ด้านเลย นอกจากนี้สำหรับคนเป็นโรคสมาธิสั้นนอกจะจะมีองค์ประกอบ 3 ด้านนี้แล้ว อาจมีโรคอื่นๆ แถมติดมาด้วยก็ได้ เช่น โรค LD โรคดื้อต่อต้าน โรควิตกกังวล โรคออทิสติก เป็นต้น
นี้จึงเป็นที่มาของชื่อบทความเรา “โรคที่ทุกคนต้องรู้จัก” เพราะเมื่อรู้ว่าคนเป็นโรคเป็นอย่างไรจะได้ไม่เกิดการตีความผิด พาเขาเข้าสู่กระบวนการรักษา และเราก็จะได้เข้าใจสิ่งที่เขาไป เพราะถ้าเราไม่เข้าใจมันมีแต่เสียกับเสีย เราก็จะเครียดไปกับเขา มองเขาเป็นคนไม่ดี ส่วนเขาก็อาจเกิดความเครียด ความมั่นใจใรตัวเองต่ำ รวมไปถึงอาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคจิตเวชอื่นๆ ได้ด้วยเช่น โรคซึมเศร้า เป็นต้น
ประสบการณ์ตรงของผู้เขียน (ไม่บังคับอ่านแต่จะเสริมประสบการณ์จริงของทั้ง 3 ด้านให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น)
สำหรับผมนั้นผมมีองค์ประกอบของโรคสมาธิสั้นครบทั้ง 3 ด้านเลย (เรียกได้ว่ามากกันครบ เอาให้คุ้มไม่ตกหล่นเลย)
อยู่ไม่นิ่ง ( Hyperactivity)
โดยตัวผมนั้นในตอนเด็กๆ มักจะไม่อยู่นิ่ง จะต้องหาอะไรทำตลอดให้ตัวเองไม่อยู่นิ่ง ถ้าโดนบังคับให้นั่งอยู่นิ่งๆ ก็จะนั่งแต่ว่ามือเท้าก็จะยุกหยิก หรือไม่ก็คือกายอยู่ตรงนี้แต่ใจเหม่อลอยไปที่อื่นแล้ว ผมเป็นคนชอบคิดนู่นคิดนี้แต่ทำไม่เสร็จเพราะหมดแรงก่อนเช่น เวลาทำการบ้านทำวิชานี้นิดหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนไปทำอีกวิชานิดหนึ่ง ว่าง่ายๆ ก็คือทำสลับกันไปมาไม่ทำอันใดอันหนึ่งให้เสร็จก่อน สุดท้ายไม่เสร็จสักกะวิชา ตอนนี้ผมก็ยังเป็นอยู่ชอบอ่านหนังสือสลับกันไปมาสุดท้ายอ่านไม่จบสักเล่ม บางครั้งผมก็ชอบทำไปหยุดไปเพื่อพักไปคิดเรื่องอื่นแม้ตอนกินข้าวยังเป็น กินไปลุกไปเดินบ้างอะไรแบบนี้ เวลาทำงานก็จะต้องขอเดินบ้างเป็นระยะๆ เช่น 15 นาทีต้องลุกไปที
แต่ในตอนโตผมก็จะหาวิธีอ้างเช่น ตอนที่เรียนอยู่ในห้องหรือทำงานในบริษัทผมก็จะขอไปเข้าห้องน้ำเป็นต้น แต่ถ้าเวลาอิสระผมก็จะให้อิสระเต็มที่ถ้าอยากลุกตอนไหนก็ลุก ซึ่งบางครั้งไม่กี่นาทีก็ลุกแล้ว เดินไปเดินมา วิ่งบ้าง คิดนู่นนี้บ้าง พอกลับมานั่งก็จะรู้สึกทำงานได้ดีขึ้นเหมือนหัวคิดอะไรได้มากขึ้น อ่อ... อีกอย่างหนึ่งผมเป็นคนที่เวลาจะใช้ความคิดจะนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวถึงจะคิดออก ไม่ว่าจะเป็นเดินไปเดินมาหรือขยับแขนขาระหว่างคิดเป็นต้น
เหม่อลอย (Inattention)
ผมเป็นคนที่ขี้ลืม ลืมง่าย ฟังอะไรก็จำได้ไม่หมด อะไรที่คิดว่าลืมก็จดไว้ แต่บางครั้งก็ลืมไปด้วยซ้ำว่าที่จดคือให้ทำอะไร บางครั้งต้องตั้งนาฬิกาปลุก บางครั้งผมก็จำผิดจำถูก คนขอให้เราไปซื้ออย่างหนึ่งแต่เราดันซื้ออีกอย่างเพราะฟังผิด ไม่ก็จำผิด ไม่ก็ในหัวคิดเรื่องอื่นซ้อนกัน คนมักมองผมว่าเป็นคนที่เวลาฟังอะไรไม่ใส่ใจจึงลืมง่าย ทำอะไรพลาด ผมเป็นคนที่ทำอะไรไม่รอบคอบคืองานที่ต้องละเอียด ระวังมากๆ ผมมักทำไม่ได้ ออกแนวจะซุ่มซ่ามทำนู่นนี้พัง เวลาจดงานลงสมุดผมก็มักจะจดไม่ครบ หรือเวลาทำงานที่เป็นโจทย์ที่ต้องคิดนานๆ ผมก็มักจะทนทำมันไม่เสร็จ หรืออย่างล่าสุดที่ผมต้องทำ Thesis เพื่อจบป.โท ผมก็มักจะจำงานที่อาจารย์สั่งไม่หมด มักจะมีจุดผิดอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจุดนี้เคยสั่งให้แก้แล้วแต่ก็จะลืมแก้ (แม้ว่าจะจดแล้วก็ตาม) หรืออย่างพิมพ์ผิดก็มักจะผิดประจำเพราะเราดูอะไรไม่ละเอียด ดูได้แปบเดียวก็เบื่อต้องไปทำอย่างอื่น
ตลอดชีวิตการเป็นนักเรียนไม่ว่าจะเรียนต่อเนื่อง 45 นาที หรือเรียนพิเศษ 2 ชั่วโมง แต่ผมไม่เคยอยู่กับห้องเรียนจนหมดเวลาเลย ผมจะมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งนั้นได้เต็มที่ 15 นาที เท่านั้น แล้วก็จะไปสนใจอย่างอื่น ถึงแม้ว่าตัวจะอยู่ในห้องเรียน ตาผมก็จะมองกระดานดำแต่ในหัวของผมไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เวลาครูเรียกก็จะตกใจเพราะสิ่งที่ครูสอนนั้นเหมือนกับผมไม่ได้ฟังอะไรเลย และจะยิ่งเป็นแบบนี้กับวิชาที่ไม่ชอบ ส่วนเวลานี้ก็ยังเป็นอยู่เวลาฟังเรื่องอะไรที่ไม่ชอบหรือว่าฟังอาจารย์สอนหรือหัวหน้างานสั่งก็ยังมีหลุดๆ อยู่
หัวร้อน (Impulsivity)
ในส่วนตัวนั้นผมเป็นคนที่ไม่ได้หัวร้อนง่ายถ้าไม่ได้มีอะไรมา กระตุ้น แต่ถ้ามีก็อารมณ์ร้อนก็ลงยากเหมือนกัน จะเป็นเยอะเวลาเล่นเกมส์ ส่วนอื่นๆ ที่ผมเป็นนั้นก็จะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กก็คือเวลาทำอะไรจะเร็วไปหมด กินข้าวเร็ว ทำการบ้านเร็ว เขียนงานเร็วจนทำให้เกิดความผิดพลาดได้เพราะไม่ดูให้รอบครอบ ชอบฟังเพลงเร็วๆ (ถึงชอบฟังเพลงร็อก) เวลาอ่านหนังสือก็จะกวาดสายตารวมๆ ทำให้เวลาอ่านบางทีก็อ่านข้ามบรรทัคหรือไม่ก็อ่านตกๆ หล่นๆ
บางครั้งเวลาต่อแถวซื้อของซึ่งถ้าแถวยาวก็จะหงุดหงิดเพราะไม่ชอบรอนาน ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ก็จะแสดงออกมาเลย อาจโวยว้าย แต่ตอนนี้ก็จะเก็บอาการไว้ในใจและถ้าอันไหนไม่ได้อยากได้จริงๆ ก็จะไม่ทนรอ เวลามีเรื่อง มีงานอะไรที่ต้องใช้ความอดทนในการรอผมก็มักจะทนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ มักจะถามว่ารออีกนานไหม เดินไปเดินมา บิดตัวไปมา เวลาอยากจะรู้อะไรก็มักจะถามเลย ไม่รอให้เขาพูดให้จบ ถ้าเกิดยังไม่ได้ถามก็จะอึดอัดมากบางที่ก็บิดตัวไปมา หยิกมือตัวเอง และอีกเรื่องก็คือผมเป็นคนพูดเก่ง (พึ่งมาเป็นตอนโต) พูดไม่หยุด พูดเร็ว จังหวะการพูดไม่ดี พูดจนคนฟังรำคาญ
อันนี้คือสิ่งที่ผมเป็นเบื้องต้น เห็นไหมครับว่าโรคนี้มันครอบคลุมไปหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่สมาธิอย่างเดียว แต่คนในสังคมอาจด้วยความไม่รู้หรือรู้แต่ไม่เข้าใจไม่มีใครตีความว่าผมเป็นโรคสมาธิสั้นเลยมีแต่คนตีความว่าผมเป็นคนที่ ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีระเบียบวินัย ใจร้อน ทำอะไรลวกๆ เพราะไม่ตั้งใจทำ สร้างแต่ความรำคาญให้ผู้อื่นเพราะชอบเดินไปเดินมาหรือเคาะนู่นนี้ มองว่าเป็นคนที่ทำอะไรไม่ตั้งใจ ไม่จริงจัง ทำแบบโยนๆ เพราะเวลาพูดอะไรไม่ค่อยฟัง ฟังแล้วก็จำไม่ได้ สั่งอะไรก็ลืม ผิดไปหมด ไม่รู้จักวางแผน เป็นต้น
ผม P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
สามารถติดตามและพูดคุยกับผมได้ที่เพจ : P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
หรือลิงค์ :
https://www.facebook.com/psurachet95/?show_switched_toast=0&show_invite_to_follow=0&show_switched_tooltip=0&show_podcast_settings=0&show_community_transition=0&show_community_review_changes=0
ช่อง Youtube : P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
หรือลิงค์ :
https://www.youtube.com/channel/UCcaotwQy4XufCWfUdJGmFtw
รู้จักกับโรคสมาธิสั้น โรคที่ทุกคนต้องรู้จัก ตอนที่ 1
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ โรคสมาธิสั้น ที่มาจากประสบการณ์ตรงของผม จากที่ผมเคยเรียน จากคุยกับเพื่อนที่เป็นเหมือนกัน และจากคุณหมอครับ เนื่องจากว่าผมเห็นว่าคนไทยยังไม่ค่อยเข้าใจโรคนี้ ผมจึงคิดที่จะทำสื่อเพื่อให้คนไทยรู้จักมากขึ้น โดยได้เขียนบทความที่ชื่อว่า “รู้จักกับโรคสมาธิสั้น โรคที่ทุกคนต้องรู้จัก” โดยจะแบ่งเป็น 3 ตอน อันนี้จะเป็นตอนที่ 1 ครับ หากว่าใครชอบดูในรูปแบบของคลิปวิดีโอมากกว่า สามารถรับชมคลิปได้เลยครับ แต่ถ้าใครชอบอ่านก็เลื่อนลงไปอ่านบทความได้เลยครับ
ก่อนอื่นผมขอชี้แจงก่อนว่าข้อมูลนี้ผมอ้างอิงมาจากที่เคยคุยกับหมอ เคยฟังบรรยายในห้องเรียน จากประสบการณ์ตรงของผม และจากหนังสือ “โลกของเด็กสมาธิสั้น“ ของหมอแมวน้ำ ซึ่งผมใช้เป็นแกนหลักในการเขียนบทความนี้ และหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ผมแนะนำให้อ่าน ที่แนะนำเพราะว่าหมอสวย 555 ไม่ใช่ละ เพราะว่าหนังสือเล่มนี้ผมว่ามีเนี้อหาแน่น รายละเอียดครบ และใช้ภาษาที่ไม่ยาก ใครก็อ่านได้ครับ (ผมไม่ได้ค่าโฆษณานะ 555)
หากคนที่คุณรู้จักไม่ว่าจะเป็น ญาติ คนในครอบครัว ลูกศิษย์ เพื่อนร่วมชีวิต หัวหน้างาน หรือคนทั่วๆ ไปในสังคม หรือสรุปได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ มีอาการดั่งเช่นต่อไปนี้ สะเพร่าง่าย ยุกยิก นั่งไม่ติดกับที่ พูดมาก หัวร้อนง่าย เหม่อลอยง่าย ขี้ลืม ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่าอาการที่ผมพูดมานั้นสามารถพบเห็นได้ทั่วไปกับคนในสังคมเลย ซึ่งจริงๆ แล้ว อาการที่คนเหล่านี้เป็นเขาอาจไม่ได้ทำไปเพราะตั้งใจทำแต่อาจทำไปเพราะเขาเป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งเราอาจสันนิษฐานเบี้องต้นได้ว่าเขาอาจเข้าข่ายเป็นโรคนี้หากมีอาการหลายอย่างและควรพาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
เห็นไหมครับว่าโรคนี้อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิดเพราะคนใกล้ตัวคุณอาจเป็นโรคนี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาทำไปโดยไม่ได้จตั้งใจแต่มันก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นได้ ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าคนทุกคนรู้จักโรคนี้และถ้าหากว่าใครเป็นจะได้ช่วยเหลือพาไปรักษาในเวลาที่เหมาะสมได้
โรคสมาธิสั้น (ADHD) ชื่อโรคอาจหมายถึงว่าเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องสมาธิ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันครอบคลุมไปมากกว่าสมาธิเพราะมันแฝงปัญหาอื่นๆ ที่ทำให้มีปัญหาในชีวิตประจำวันได้ตลอดเวลา ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อคนเหล่านี้แสดงพฤติกรรมออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจคนก็จะตีความผิดมองเขาว่าเป็นคนไม่ดีเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นโรค เช่น เป็นคนคุมอารมณ์ไม่ได้ ชอบก่อกวนสร้างความรำคาญ ขี้ลืมจนมองว่าไม่ใส่ใจ เป็นต้น ดังนั้นผมจึงสนับสนุนให้ทุกคนที่มีอาการอาจเป็นโรคหรือถูกวินิจฉัยไปแล้วว่าเป็นโรคเข้าสู่กระบวนการรักษาเพราะนอกจากจะไม่เป็นการสร้างปัญหาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจให้กับตัวเองและผู้อื่นแล้ว ยังเป็นการทำให้คนเลิกตีความว่าเราเป็นคนไม่ดีและอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่นอคติกับเรา เป็นต้น
อาการของโรคสมาธิสั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ด้านใหญ่ๆ หรือเราเรีกว่า 3 เสาหลัก
1 อยู่ไม่นิ่ง ( Hyperactivity)
อาการส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะอยู่ไม่นิ่ง ชอบเคลื่อนไหวร่างกายไปมา ลุกเดินไปมา หนักหน่อยก็วิ่งรอบห้องเรียน หาอะไรทำตลอดเวลา พูดเยอะ ชอบทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันแต่ไม่ค่อยสำเร็จสักอย่าง
2. เหม่อลอย (Inattention)
สำหรับเสานี้ก็จะประกอบไปด้วย เหม่อลอย สมาธิหลุดง่าย วอกแวกง่าย ขี้ลืม ไม่รอบคอบ เก็บรายละเอียดไม่ค่อยได้ ขี้เบื่อ วางแผนไม่เก่งซึ่งจะส่งผลต่อการวางแผนเรื่องต่างๆ ของชีวิต
3. หัวร้อนง่าย (ใจร้อน) (Impulsivity)
ในส่วนนี้ก็จะตรงตัวเลยครับก็คือ หัวร้อนง่าย (อารมณ์ร้อนง่าย) ชอบทำอะไรเร็วๆ ซึ่งจะส่งผลเสียหลายอย่างได้เช่น ชอบตัดสินใจเร็ว ขับรถเร็ว อ่านหนังสือข้ามบรรทัค อ่านหนังสือสรุปรวมๆ พูดมากพูดเร็ว ไม่รู้จักรอคอย ชอบเล่นอะไรแรงๆ
ทั้งนี้ในแต่ละคนจะมีองค์ประกอบไม่เหมือนกัน บางคนอาจมีแค่ 1 ด้านแต่บางคนก็จะมีครบทั้ง 3 ด้านเลย นอกจากนี้สำหรับคนเป็นโรคสมาธิสั้นนอกจะจะมีองค์ประกอบ 3 ด้านนี้แล้ว อาจมีโรคอื่นๆ แถมติดมาด้วยก็ได้ เช่น โรค LD โรคดื้อต่อต้าน โรควิตกกังวล โรคออทิสติก เป็นต้น
นี้จึงเป็นที่มาของชื่อบทความเรา “โรคที่ทุกคนต้องรู้จัก” เพราะเมื่อรู้ว่าคนเป็นโรคเป็นอย่างไรจะได้ไม่เกิดการตีความผิด พาเขาเข้าสู่กระบวนการรักษา และเราก็จะได้เข้าใจสิ่งที่เขาไป เพราะถ้าเราไม่เข้าใจมันมีแต่เสียกับเสีย เราก็จะเครียดไปกับเขา มองเขาเป็นคนไม่ดี ส่วนเขาก็อาจเกิดความเครียด ความมั่นใจใรตัวเองต่ำ รวมไปถึงอาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคจิตเวชอื่นๆ ได้ด้วยเช่น โรคซึมเศร้า เป็นต้น
ประสบการณ์ตรงของผู้เขียน (ไม่บังคับอ่านแต่จะเสริมประสบการณ์จริงของทั้ง 3 ด้านให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น)
สำหรับผมนั้นผมมีองค์ประกอบของโรคสมาธิสั้นครบทั้ง 3 ด้านเลย (เรียกได้ว่ามากกันครบ เอาให้คุ้มไม่ตกหล่นเลย)
อยู่ไม่นิ่ง ( Hyperactivity)
โดยตัวผมนั้นในตอนเด็กๆ มักจะไม่อยู่นิ่ง จะต้องหาอะไรทำตลอดให้ตัวเองไม่อยู่นิ่ง ถ้าโดนบังคับให้นั่งอยู่นิ่งๆ ก็จะนั่งแต่ว่ามือเท้าก็จะยุกหยิก หรือไม่ก็คือกายอยู่ตรงนี้แต่ใจเหม่อลอยไปที่อื่นแล้ว ผมเป็นคนชอบคิดนู่นคิดนี้แต่ทำไม่เสร็จเพราะหมดแรงก่อนเช่น เวลาทำการบ้านทำวิชานี้นิดหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนไปทำอีกวิชานิดหนึ่ง ว่าง่ายๆ ก็คือทำสลับกันไปมาไม่ทำอันใดอันหนึ่งให้เสร็จก่อน สุดท้ายไม่เสร็จสักกะวิชา ตอนนี้ผมก็ยังเป็นอยู่ชอบอ่านหนังสือสลับกันไปมาสุดท้ายอ่านไม่จบสักเล่ม บางครั้งผมก็ชอบทำไปหยุดไปเพื่อพักไปคิดเรื่องอื่นแม้ตอนกินข้าวยังเป็น กินไปลุกไปเดินบ้างอะไรแบบนี้ เวลาทำงานก็จะต้องขอเดินบ้างเป็นระยะๆ เช่น 15 นาทีต้องลุกไปที
แต่ในตอนโตผมก็จะหาวิธีอ้างเช่น ตอนที่เรียนอยู่ในห้องหรือทำงานในบริษัทผมก็จะขอไปเข้าห้องน้ำเป็นต้น แต่ถ้าเวลาอิสระผมก็จะให้อิสระเต็มที่ถ้าอยากลุกตอนไหนก็ลุก ซึ่งบางครั้งไม่กี่นาทีก็ลุกแล้ว เดินไปเดินมา วิ่งบ้าง คิดนู่นนี้บ้าง พอกลับมานั่งก็จะรู้สึกทำงานได้ดีขึ้นเหมือนหัวคิดอะไรได้มากขึ้น อ่อ... อีกอย่างหนึ่งผมเป็นคนที่เวลาจะใช้ความคิดจะนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวถึงจะคิดออก ไม่ว่าจะเป็นเดินไปเดินมาหรือขยับแขนขาระหว่างคิดเป็นต้น
เหม่อลอย (Inattention)
ผมเป็นคนที่ขี้ลืม ลืมง่าย ฟังอะไรก็จำได้ไม่หมด อะไรที่คิดว่าลืมก็จดไว้ แต่บางครั้งก็ลืมไปด้วยซ้ำว่าที่จดคือให้ทำอะไร บางครั้งต้องตั้งนาฬิกาปลุก บางครั้งผมก็จำผิดจำถูก คนขอให้เราไปซื้ออย่างหนึ่งแต่เราดันซื้ออีกอย่างเพราะฟังผิด ไม่ก็จำผิด ไม่ก็ในหัวคิดเรื่องอื่นซ้อนกัน คนมักมองผมว่าเป็นคนที่เวลาฟังอะไรไม่ใส่ใจจึงลืมง่าย ทำอะไรพลาด ผมเป็นคนที่ทำอะไรไม่รอบคอบคืองานที่ต้องละเอียด ระวังมากๆ ผมมักทำไม่ได้ ออกแนวจะซุ่มซ่ามทำนู่นนี้พัง เวลาจดงานลงสมุดผมก็มักจะจดไม่ครบ หรือเวลาทำงานที่เป็นโจทย์ที่ต้องคิดนานๆ ผมก็มักจะทนทำมันไม่เสร็จ หรืออย่างล่าสุดที่ผมต้องทำ Thesis เพื่อจบป.โท ผมก็มักจะจำงานที่อาจารย์สั่งไม่หมด มักจะมีจุดผิดอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจุดนี้เคยสั่งให้แก้แล้วแต่ก็จะลืมแก้ (แม้ว่าจะจดแล้วก็ตาม) หรืออย่างพิมพ์ผิดก็มักจะผิดประจำเพราะเราดูอะไรไม่ละเอียด ดูได้แปบเดียวก็เบื่อต้องไปทำอย่างอื่น
ตลอดชีวิตการเป็นนักเรียนไม่ว่าจะเรียนต่อเนื่อง 45 นาที หรือเรียนพิเศษ 2 ชั่วโมง แต่ผมไม่เคยอยู่กับห้องเรียนจนหมดเวลาเลย ผมจะมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งนั้นได้เต็มที่ 15 นาที เท่านั้น แล้วก็จะไปสนใจอย่างอื่น ถึงแม้ว่าตัวจะอยู่ในห้องเรียน ตาผมก็จะมองกระดานดำแต่ในหัวของผมไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เวลาครูเรียกก็จะตกใจเพราะสิ่งที่ครูสอนนั้นเหมือนกับผมไม่ได้ฟังอะไรเลย และจะยิ่งเป็นแบบนี้กับวิชาที่ไม่ชอบ ส่วนเวลานี้ก็ยังเป็นอยู่เวลาฟังเรื่องอะไรที่ไม่ชอบหรือว่าฟังอาจารย์สอนหรือหัวหน้างานสั่งก็ยังมีหลุดๆ อยู่
หัวร้อน (Impulsivity)
ในส่วนตัวนั้นผมเป็นคนที่ไม่ได้หัวร้อนง่ายถ้าไม่ได้มีอะไรมา กระตุ้น แต่ถ้ามีก็อารมณ์ร้อนก็ลงยากเหมือนกัน จะเป็นเยอะเวลาเล่นเกมส์ ส่วนอื่นๆ ที่ผมเป็นนั้นก็จะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กก็คือเวลาทำอะไรจะเร็วไปหมด กินข้าวเร็ว ทำการบ้านเร็ว เขียนงานเร็วจนทำให้เกิดความผิดพลาดได้เพราะไม่ดูให้รอบครอบ ชอบฟังเพลงเร็วๆ (ถึงชอบฟังเพลงร็อก) เวลาอ่านหนังสือก็จะกวาดสายตารวมๆ ทำให้เวลาอ่านบางทีก็อ่านข้ามบรรทัคหรือไม่ก็อ่านตกๆ หล่นๆ
บางครั้งเวลาต่อแถวซื้อของซึ่งถ้าแถวยาวก็จะหงุดหงิดเพราะไม่ชอบรอนาน ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ก็จะแสดงออกมาเลย อาจโวยว้าย แต่ตอนนี้ก็จะเก็บอาการไว้ในใจและถ้าอันไหนไม่ได้อยากได้จริงๆ ก็จะไม่ทนรอ เวลามีเรื่อง มีงานอะไรที่ต้องใช้ความอดทนในการรอผมก็มักจะทนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ มักจะถามว่ารออีกนานไหม เดินไปเดินมา บิดตัวไปมา เวลาอยากจะรู้อะไรก็มักจะถามเลย ไม่รอให้เขาพูดให้จบ ถ้าเกิดยังไม่ได้ถามก็จะอึดอัดมากบางที่ก็บิดตัวไปมา หยิกมือตัวเอง และอีกเรื่องก็คือผมเป็นคนพูดเก่ง (พึ่งมาเป็นตอนโต) พูดไม่หยุด พูดเร็ว จังหวะการพูดไม่ดี พูดจนคนฟังรำคาญ
อันนี้คือสิ่งที่ผมเป็นเบื้องต้น เห็นไหมครับว่าโรคนี้มันครอบคลุมไปหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่สมาธิอย่างเดียว แต่คนในสังคมอาจด้วยความไม่รู้หรือรู้แต่ไม่เข้าใจไม่มีใครตีความว่าผมเป็นโรคสมาธิสั้นเลยมีแต่คนตีความว่าผมเป็นคนที่ ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีระเบียบวินัย ใจร้อน ทำอะไรลวกๆ เพราะไม่ตั้งใจทำ สร้างแต่ความรำคาญให้ผู้อื่นเพราะชอบเดินไปเดินมาหรือเคาะนู่นนี้ มองว่าเป็นคนที่ทำอะไรไม่ตั้งใจ ไม่จริงจัง ทำแบบโยนๆ เพราะเวลาพูดอะไรไม่ค่อยฟัง ฟังแล้วก็จำไม่ได้ สั่งอะไรก็ลืม ผิดไปหมด ไม่รู้จักวางแผน เป็นต้น
ผม P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
สามารถติดตามและพูดคุยกับผมได้ที่เพจ : P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
หรือลิงค์ : https://www.facebook.com/psurachet95/?show_switched_toast=0&show_invite_to_follow=0&show_switched_tooltip=0&show_podcast_settings=0&show_community_transition=0&show_community_review_changes=0
ช่อง Youtube : P สุรเชษฐ์ ฆังนิมิตร
หรือลิงค์ : https://www.youtube.com/channel/UCcaotwQy4XufCWfUdJGmFtw