JJNY : ติดเชื้อ4,488 เสียชีวิต 38│ คลังเซ็งรายได้หลุดเป้า│ทีม ‘ชัชชาติ’ ฟิตเปรี๊ยะ│"ฝีดาษลิง" ลามถึงลาตินอเมริกา

โควิดไทยวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 4,488 เสียชีวิต 38 ราย
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3370205
 
 
โควิดไทยวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 4,488 เสียชีวิต 38 ราย

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  รวมยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 4,488 ราย จำแนกเป็น
ผู้ป่วยจากในประเทศ 4,488 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,215,564 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
———————
หายป่วยกลับบ้าน 3,921 ราย
หายป่วยสะสม 2,193,823 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 46,734 ราย
———————
เสียชีวิต 38 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 939 ราย
เฉลี่ยจังหวัดละ 12 ราย
อัตราครองเตียง ร้อยละ 13.7
 

 
คลังเซ็งรายได้หลุดเป้า
https://www.thairath.co.th/business/economics/2404067

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต เปิดเผยภายหลังการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการพัฒนาระบบติดตามและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกรมสรรพสามิตและสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ว่า การเชื่อมข้อมูลระหว่างกันนั้น เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบการโอนเงินเข้ากองทุนน้ำมันและการจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมใช้ระบบเอกสาร แต่จากนี้ไปจะเป็นระบบออนไลน์ ซึ่งการคืนเงินชดเชยให้ผู้ประกอบการได้รวดเร็ว จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจของเอกชน
 
ทั้งนี้ จากการลดภาษีน้ำมันดีเซล ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 37,000 ล้านบาท รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัว ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตไม่เป็นตามเป้าหมายเอกสารงบประมาณที่กำหนด 590,000 ล้านบาท และปรับลดลงเหลือ 510,000-530,000 บาท โดยรายได้ที่จัดเก็บได้สูงสุดจากผลิตภัณฑ์น้ำมัน รองลงมา คือ รถยนต์ สุรา เบียร์ และยาสูบ เป็นต้น
 
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ สกนช.ได้ยื่นเรื่องขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ หรืองบกลาง เพื่อเติมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในระหว่างที่ สกนช.ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะกู้เงินจากแหล่งใด เนื่องจากต้องเจรจาในรายละเอียดของระยะเวลาการชำระหนี้คืนด้วย ขณะนี้สถานะกองทุนน้ำมันติดลบกว่า 70,000 ล้านบาท โดยมีเงินไหลเข้ากองทุนเฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 ล้านบาท แต่มีเงินไหลออกเฉลี่ยเดือนละ 7,000 ล้าน เพื่อชดเชยราคาน้ำมันดีเซล
 

  
เผย 4 ว่าที่รองผู้ว่าฯ ทีม ‘ชัชชาติ’ ฟิตเปรี๊ยะ พร้อมคุยงานตั้งแต่ตี 4
https://www.matichon.co.th/politics/news_3370223
 
เผย 4 ว่าที่รองผู้ว่าฯ ทีม ‘ชัชชาติ’ ฟิตเปรี๊ยะ พร้อมคุยงานตั้งแต่ตี 4
 
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่สำรวจที่ดินเอกชนติดรถไฟฟ้า MRT วงศ์สว่าง เพื่อนำมาใช้ประโยชน์สาธารณะ นายชัชชาติได้เปิดทีมบริหาร กทม.ต่อสื่อมวลชน ประกอบด้วยนายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯกทม. และ นายภิมุข สิมะโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน)
 
นายชัชชาติ กล่าวว่า “เงื่อนไขเดียวที่เชิญนายจักกพันธุ์มาร่วมทีม เพราะผมตื่นตี 4 สามารถพูดคุยงานกับท่านได้ เพราะตื่นตี 4 เหมือนกัน เพราะฉะนั้นตี 4 เป็นเวลาคุยงานได้สบาย”
 
เมื่อถามว่า ตี 4 คุยงานอะไรกัน นายชัชชาติ กล่าวว่า “เรื่องงาน เรื่องกฎหมาย แล้วท่านสามารถหาข้อมูลได้ทั้งหมด ติดขัดเรื่องกฎหมายอะไรสามารถถามได้ และเป็นผู้ประสานงานได้อย่างดี เป็นคนขยัน ถามพนักงาน กทม.ทุกคนที่เจอว่า ใครเป็นอย่างไร ท่านจะได้การรับรอง 100% เวลาไปที่ไหนก็มีแต่คนชื่นชม”
 
จากนั้นนายชัชชาติได้แนะนำตัวนายภิมุขมา ว่า “ทำงานด้วยกันมานาน ครบเครื่องเป็นทั้งนักธุรกิจ และนักการเมือง เพิ่งรู้ว่าเป็นรองหัวหน้าพรรคกล้า แต่มั่นใจว่าลุยด้วยกันได้ เข้าใจประชาชนดี ครบในหลายมิติ”
 
ด้านนายภิมุข กล่าวว่า “จริงๆ ชอบงานการเมือง อยู่แล้ว ช่วงที่เว้นวรรคไปนาน เพราะเห็นบรรยากาศขัดแย้ง ชอบงานกทม. พออาจารย์มาตั้งทีมทำงาน กทม.แบบอิสระก็เห็นว่า มาช่วยได้ ก็เลยอาสาตัว โดยไม่ได้คิดเรื่องตำแหน่งอะไร แล้วแต่อาจารย์ชัชชาติ”
 
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า หลังจากนายชัชชาติเปิดตัวนายจักกพันธุ์ และ นายภิมุข ล่าสุด มีความชัดเจน โดยนายจักกพันธุ์ จะรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. ส่วน นายภิมุข จะได้รับตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯกทม.
 
ส่วนตำแหน่งอื่นๆนั้น ล่าสุดพบว่า ได้มีการทาบทามบุคคลที่มีชื่อเสียง และมีประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยงกับเมืองหลายคน อย่างตำแหน่ง รองผู้ว่าฯกทม อีก 3 ตำแหน่งที่เหลือ อาทิ 
1. รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
2. น.ส.ทวิดา กมลเวชช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
และ 3. นายศานนท์ หวังสร้างบุญ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Trawell
 
ตำแหน่งคณะที่ปรึกษา ประกอบด้วย 
1. นายต่อศักดิ์ โชติมงคล อดีตผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ 
2. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม 
3. นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเสนาดีเวลลอปเมนท์ อดีตอาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
และ 4. น.ส.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ อดีต ส.ก.เขตจตุจักร พรรคเพื่อไทย
 
ส่วนตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาฯ นายณัฐวัฒน์ พอใช้ได้ กรรมการผู้จัดการบริษัท ณัฐพร อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศ จำกัด และบริษัท อีโคเซฟ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจออแกไนซ์ด้านการศึกษา โดยทีมบริหารทั้งหมด จะประกาศภายหลังจากกกต.มีมติรับรองการเลือกตั้ง ทันที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่