โดยก่อนหน้าที่รายการ The Goblin That Steals Wisdom จะออกอากาศ สำนักข่าวได้เปิดเผยเรื่องราวคร่าว ๆ เกี่ยวกับการต่อสัญญาของ SEVENTEEN ที่ได้พูดถึงในรายการว่า "มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสัญญา, มันใช้เวลาถึง 8-9 เดือนเพื่อที่จะพูดคุยกันอย่างลงตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในหมู่พวกเรามีสมาชิกคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนตัวหลักที่คอยพูดสนับสนุนให้เมมเบอร์ทั้ง 13 คนตัดสินใจต่อสัญญากันอีกครั้งซึ่งมีเหตุผลมาจากความเชื่อใจ"

และในวันนี้ รายการ The Goblin That Steals Wisdom ได้ออกอากาศ ในรายการได้มีการพูดถึงการต่อสัญญาเพิ่มเติม โดยเมมเบอร์ที่เปรียบเสมือนตัวหลักที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ มินกยู

โดยมินกยูได้เปิดเผยว่า "ผมคิดว่าผมควรพูดถึงเรื่องนี้(การต่อสัญญา)ให้ได้เร็วที่สุดและพูดขึ้นมาบ่อย ๆ , การต่อสัญญามันดูเหมือนเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แต่สำหรับผม ผมคิดว่า 'มันก็เหมือนเป็นเรื่องปกติที่พวกเราทำเป็นประจำอยู่แล้วนี่หน่า มันเหมือนเป็นแค่จุดเริ่มต้นใหม่เฉย ๆ นี่' เพราะผมมีความรู้สึกอย่างแน่นอนว่ายังไงเราก็จะเป็นเซเว่นทีนต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น. ดังนั้นอย่างแรกคือ มันไม่ได้ยากสำหรับผมที่จะพูดหัวข้อนี้ขึ้นมา"

เอสคุปส์ หัวหน้าวงของกะรัตและเซเว่นทีนพูดเสริมว่า "มินกยู positive มากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดถึงตัวเองหรืออย่างอื่น เขาก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีจริง ๆ และพลังงานบวกของเขามันกระจายไปถึงเมมเบอร์ทุกคน"

การเปิดเผยเกี่ยวกับการต่อสัญญายังคงดำเนินต่อไป  ซึงกวานได้เล่าถึง process ระหว่างการประชุมการต่อสัญญา โดยสมาชิกของเซเว่นทีนทั้ง 13 คน ได้ตัดสินใจเข้าห้องประชุมพร้อมกันทั้ง 13 คน (ถ้าที่เข้าใจคือโดยปกติจะเข้าไปทีละคนค่ะ)

ซึงกวานได้บอกว่า "ในตอนนั้นที่เราได้มีการประชุมกับบริษัทเกี่ยวกับการต่อสัญญานั้น โดยปกติจะเข้าไปในห้องประชุมทีละคน แต่พวกเราตัดสินใจที่จะเข้าไปด้วยกันในเวลาเดียวกันตั้งแต่เริ่มประชุม" โดคยอมพูดเสริมว่า "พวกเราไม่ได้ต้องการให้ความรู้สึกของพวกเราแตกแยกกัน(หรือไม่ได้ต้องการให้เสียงแตกกันเกี่ยวกับการต่อสัญญา)" โดยในตอนที่สมาชิกกำลังจะเริ่มประชุม ซึงกวานได้พูดว่า "ถ้าพวกเรากำลังจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้างั้นมาทำไปพร้อมกันเถอะ!" เรื่องทั้งหมดจึงเป็นแบบที่เห็นนั่นเอง

เซเว่นทีนยังได้พูดถึงความยากลำบากของการต่อสัญญาอีกด้วย โดยอูจีได้พูดว่า "สิ่งที่ยากมาก ๆ คือการเผชิญหน้ากับความจริง เช่นโดยปกติพวกเราต้องเจรจากันเกี่ยวกับหลาย ๆ เรื่องเช่น เรื่องเงินและเรื่องอนาคตกับเพื่อน ๆ ที่เราเล่นและยิ้มไปด้วยกันมาตลอด พวกเราคงแค่พูดว่า 'ฉันอยากทำแบบนี้หรือแบบนั้น' และความรู้สึกของเราก็ยังคงเหมือนเดิม, แต่พอถึงเวลาที่เราต้องพูดอะไรสักอย่างที่จริงจังและลึกซึ้งขึ้นถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยากพูด แต่เราก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง" ซึงกวานเสริมต่อว่า "อย่างเช่นเรื่องที่เราจะต่อสัญญากันกี่ปี และพวกเรายังต้องมาตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องสัดส่วนรายได้อีกครั้ง แล้วพวกเราก็ยังต้องต่อรองกับบริษัทอีก พวกเราเคยเป็นแค่เด็กที่ได้เงิน 6,000 วอนเพื่อไปแอบซื้ออะไรมากินที่ร้านสะดวกซื้อและตอนนี้เราต้องพูดถึงเรื่องจริงจังแบบนี้ ทำให้รู้ว่าตอนนี้เราไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ในขณะที่ต่อรองเกี่ยวกับการต่อสัญญา มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่า 'ว้าว, ตอนนี้พวกเราโตขึ้นแล้วแล้วจริง ๆ '" ซึงกวานยังพูดต่ออีกว่า "ผู้คนมักคิดว่าการเป็นไอดอลไม่ใช่อาชีพที่ยั่งยืน มันมีสิ่งเรียกว่า 'อาถรรพ์ 7 ปี' ในอุตสาหกรรมไอดอล ในขณะที่พวกเราเตรียมการเรื่องการต่อสัญญาในปีที่ 7, มันคือช่วงเวลาที่พวกเราต้องมาคิดถึงเกี่ยวกับแต่ละคนอีกครั้ง 'ฉันควรจะสนใจแค่สิ่งที่ฉันอยากจะทำหรือควรเดินทางในเส้นทางที่ใช่นี้ต่อไปดี?' พวกเราแต่ละคนก็มีความกังวลเป็นของตัวเองแต่ก็กังวลเกี่ยวกับทีมของเราโดยรวมอีกด้วย..."

สรุปโดยรวมทั้งหมด สมาชิกทั้ง 13 คนก็ได้ตัดสินใจต่อสัญญากับ Pledis Entertainment เป็นอีก 1 วงที่ไม่โดนอาถรรพ์ 7 ปี ทำให้เห็นถึงความเชื่อใจกันของเมมเบอร์ และเจตนารมณ์ที่จะอยู่ด้วยกันต่อไป

-----------------------------------------------------

สำหรับกระทู้เกี่ยวกับการต่อสัญญา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2021 สามารถอ่านได้ในกระทู้นี้ค่ะ

แปลจากภาษาอังกฤษจาก twitter @dawncheol และ @miwon17_ ในเธรดนี้ค่ะ

รายงานข่าวจากสำนักข่าวก่อนรายการ The Goblin That Steals Wisdom จะออกอากาศค่ะ