JJNY : 5in1 “ทักษิณ”ยินดี“ชัชชาติ”│น้ำมันแพง-กำลังซื้อหดทุบยอดขายรถ│ร้านอาหารกาฬสินธุ์โอด│ร้านค้าบ่น│เบนซิน–โซฮอล์ขึ้น

“ทักษิณ” แสดงความยินดี “ชัชชาติ” ชี้ชัดคนไทยไม่เอาปฏิวัติ
https://www.nationtv.tv/news/378873911
 
 
“ทักษิณ” แสดงความยินดี “ชัชชาติ” นั่งผู้ว่ากทม.คนใหม่ ชี้ชัดคนไทยไม่เอาปฏิวัติ ยันกลับไทยแน่ รอเวลาเหมาะสม
 
เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมพูดคุยกับทีมข่าว The Room 44 ในประเด็นเกาะติดการนับคะแนนผู้ว่าฯ กทม-สก. พร้อมวิเคราะห์ อนาคตการเมือง หลังได้ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ โดย "ทักษิณ" ได้ออกความเห็นว่า "ผมว่าวันนี้ ทั้ง 3 ลุง มันหมดสภาพแล้ว อายุ บางคนก็สังขาร เพราะไม่เปิดรับโลกภายนอก ยิ่งอยู่ยิ่งพัง พังทั้งประเทศและพังกับตัวเขาเอง"
 
เมื่อถามว่า ถ้าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลง พรรคฝ่ายค้านจะมีการสลับขั้วการเมืองเป็นไปได้ไหม ถ้าหากมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อ อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบว่า "ผมเดาว่า ลำบาก โดยเฉพาะเพื่อไทย เป็นพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด และเป็นพรรคที่เคยต่อต้านท่านประยุทธ์มาก่อน ยากที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์" พร้อมตอบคำถามเรื่องการกลับบ้านว่า "ผมยืนยันกลับแน่ แต่ผมไม่บอกว่า เมื่อไหร่ ขอเวลา จังหวะที่เหมาะสม"
 
ทั้งนี้ยังได้ตอบคำถามที่ว่า มีความเห็นอย่างไรเรื่องที่ให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นั่งแคนดิเดตนายกฯ ว่า ในฐานะเป็นพ่อ ผมภูมิใจ ไม่คิดว่าเขาจะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้ เขาเข้าใจการเมืองตั้งแต่อายุ 12 แต่ถ้าถามว่า แพทองธาร อยากเป็นนายกฯ มั้ย ตอบว่า ไม่เลย เขาแค่อยากจะช่วยพรรคให้แข็งแรง ได้รับการตอบรับที่ดี
 
อดีตนายกรัฐมนตรี ทิ้งท้ายฝากถึงผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ว่า ฝากแสดงความยินดีกับชัชชาติ และพี่น้องประชาชน กทม. ที่เทคะแนนในยุทธศาสตร์ ให้คนที่เป็นประชาธิปไตย ทำงานเพื่อชาติ วันนี้ประชาชนคนไทยพูดได้เลยว่า "-ูไม่เอาปฏิวัติ"
 

 
น้ำมันแพง-กำลังซื้อหด ทุบยอดขายรถ เดือนเม.ย. เหลือแค่ 6 หมื่นคัน
https://www.prachachat.net/politics/news-937747
 
ร่วงอีกครั้งสำหรับยอดขายรถเดืออน เม.ย. 65 เหลือ 63,427 คัน ลดลง 27.30% เผยกำลังซื้อหด สินเชื่อเข้มงวด ราคาน้ำมันพุ่ง ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถ EV ยังโต
 
วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเมษายน 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 63,427 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2565 ที่ 27.30%
 
แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 2564 ที่ 9.11% จากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์และการอนุญาตให้จัดงานสงกรานต์ในวงจำกัด รวมทั้งการส่งมอบรถยนต์ให้ผู้จองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่สิ้นสุดวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา การผ่อนคลายข้อจำกัดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้มีความสะดวกมากขึ้น ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
 
อย่างไรก็ตามยังกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากและค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากในรอบหลายปี จะทำให้ต้นทุนสินค้าหลายอย่างเพิ่มขึ้น รวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จะทำให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลง
 
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 121,845 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2564 ที่ 8.97% และลดลงจากเดือนมีนาคม 2565 ที่ 20.84%
 
การส่งออก รถยนต์สำเร็จรูปส่งออกได้ 55,596 คัน โดยลดลงจากเดือนที่แล้วถึง 40.75% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2564 ที่ 5.14% ส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในปีนี้จากรถกระบะเป็นหลัก จึงทำให้ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยมีมูลค่าการส่งออก 33,480.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2564 ถึง 11.34 และส่งออกเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรยนต์ยังคงเติบโตเช่นกัน ทั้งเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่รถยนต์
 
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าในเดือนเมษายน 2565 มียานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV จดทะเบียนใหม่ถึง 1,232 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วกว่า 197.58%
 
มีทั้งรถยนต์นั่งจำนวน 389 คัน รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 2 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 3 คัน รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 2 คัน รถจักรยานยนต์ 832 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2564 กว่า 187.89% รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 831 คัน รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 1 คัน รถบรรทุก 4 คัน
  
ส่วนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 117,786 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 12.87% แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2565 ที่ 31.79% ส่วนการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกยังคงลดลง 21.53% จากการขาดชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์ของรถบางรุ่น แต่ผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 6.17% จึงทำให้จำนวนผลิตรถยนต์เดือนเมษายนปีนี้เพิ่มขึ้นจากเมษายนปีที่แล้ว
 
การผลิตเพื่อส่งออกผลิตได้ 58,671 คัน เท่ากับ 49.81% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนเมษายน 2564 เพียง 1.70% และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศผลิตได้ 59,115 คัน เท่ากับ 50.19% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2564 ที่ 32.33% ด้านรถจักรยานยนต์มียอดการผลิตได้ทั้งสิ้น 174,164 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2564 ที่ 8.61%
 

 
ร้านอาหารจังหวัดกาฬสินธุ์ โอด 'วัตถุดิบ' ดาหน้าขึ้นราคา
https://www.nationtv.tv/news/378873968

ผู้ประกอบการร้านอาหาร โอดครวญราคาสินค้าทุกประเภทพาเหรดขึ้นราคา ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค ที่กำลังซื้อลดลง บรรยากาศการค้าขายซบเซา ทำให้ร้านอาหารหลายแห่งปิดตัวลง

ผู้สื่อข่าวรายงาน จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพค้าขาย สินค้าเบ็ดเตล็ด สิ่งของอุปโภค บริโภค ร้านค้า ร้านอาหาร ทั้งภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์และต่างอำเภอ พบว่าเป็นไปด้วยความเงียบเหงา จากการสอบถามผู้ประกอบการและประชาชน ผู้บริโภค ให้เหตุผลเดียวกันว่า บรรยากาศดังกล่าว เริ่มเป็นมาตั้งแต่ราคาน้ำมันแพง ถึงแม้จะเปิดประเทศหลังผ่อนคลายสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งน่าจะเกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่สถานการณ์ทั่วไปก็ยังคงซบเซาไม่ดีขึ้น
 
สอบถามนายพิรุณ เที่ยงปา อายุ 55 ปี ผู้ประกอบการร้านอาหารตามสั่ง บริเวณสี่แยกแดงเรือนคำ กล่าวว่า ในช่วงนี้อะไรเป็นยุคที่เรียกได้ว่าอะไรๆก็ขึ้นราคา สินค้าในท้องตลาดทุกประเภทแพงขึ้น ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป ที่ตามมาก็คือต้นทุนสูงขึ้น ลูกค้าลดลง ขณะที่ในส่วนของปริมาณและราคาจำหน่ายอาหารตามสั่ง เมนูต่างๆ เช่น ผัดกระเพรา ข้าวผัด ราดหน้า ผัดซีอิ้ว ข้าวไข่เจียว และอาหารตามสั่งต่างๆ ยังขายราคาเท่าเดิม จานละ 40-50 บาท หรือขึ้นอยู่กับการสั่ง ทั้งนี้เพื่อดึงลูกค้าไว้ และเห็นอกเห็นใจลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ทั้งค่าครองชีพประจำวัน โดยเฉพาะเป็นช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ที่ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา มีรายจ่ายรายวันเพิ่มขึ้น กำลังซื้อลดลง ร้านอาหารตามสั่งเองจะปรับขึ้นราคาก็ไม่ได้ เพราะเข้าใจสภาพและรู้สึกเห็นอกเห็นใจกันดังกล่าว ทุกวันนี้จึงอยู่ในสภาพค้าขายแบบประคองตัว ขณะที่มีหลายร้านได้เลิกกิจการ เพราะไม่มีลูกค้าเข้าร้าน
 
ขณะที่นางหนูเมย เที่ยงปา อายุ 51 ปี ภรรยานายพิรุณ กล่าวว่า สินค้าตามท้องตลาดที่ขึ้นราคา ที่นำมาเป็นตัวหลักในร้านเราหลายรายการ เช่น แก๊สหุงต้ม เนื้อหมู น้ำมันพืช และอาหารทะเล ขึ้นราคาจากเดิม 10-20 บาท แม้กระทั่งถุงพลาสติกใสหรือถุงร้อน ที่บรรจุข้าวสวยและอาหารสำเร็จรูป ยังขึ้นราคาถุงละ 5 บาท ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น จึงเป็นช่วงที่เรียกว่าของแพงทุกรายการ ขณะที่ราคาจำหน่ายเท่าเดิม แต่ลูกค้ากลับลดลง อย่างไรก็ตาม ร้านขายอาหารตามสั่งเรา ยังยืนราคาจำหน่ายคงที่ แบบยื้อราคาสุดแรงเลยล่ะ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกค้า การค้าขายจึงเป็นไปแบบประคองตัว เนื่องจากยังมีภาระด้านค่าผ่อนส่งบ้านอยู่ จึงอดทนสู้ค้าขายต่อไป หวังว่าในอนาคตบรรยากาศการซื้อขายจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
 
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ประกอบการค้าขาย สินค้าเบ็ดเตล็ด สิ่งของอุปโภค บริโภค ร้านค้า ร้านอาหาร และประชาชนทั่วไปใน จ.กาฬสินธุ์ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสินค้าราคาแพง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเงียบเหงา ไม่ต่างกับช่วงเคอร์ฟิวเลย เพราะถึงแม้จะเปิดเมืองหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลาย แต่บรรยากาศการค้าขายยังฝืดเคืองและซบเซา จึงอยากวิงวอนให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านพลังงานเชื้อเพลิง และคุ้มครองผู้บริโภค ได้เร่งหามาตรการป้องกันสินค้าขึ้นราคาด้วย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อย กำลังได้รับความเดือดร้อนจากภาวะสินค้าราคาแพงดังกล่าว



ร้านค้าบ่นยอดขายลดคนซื้อน้อยชี้ของแพง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_343961/
 
สำรวจราคาสินค้าตลาดสด ร้านค้า เผย คนซื้อของน้อยลง เพราะของแพง ยอดขายลด ขณะ น้ำมันปาล์มขวด 1 ลิตร ราคา 70 บาท
 
จากการลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าที่ตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ พบว่า ราคาสินค้าอาหารสดทรงตัวเทียบกับเมื่อวานที่ผ่านมา โดยเนื้อหมูราคากิโลกรัมละ 190-220 บาทตามชนิดของเนื้อ เช่น หมูเนื้อแดง-สะโพกหมู กิโลกรัมละ 190 บาท สันนอก-สันใน กิโลกรัมละ 200 บาท หมูสามชั้น กิโลกรัมละ 220 บาท
 
ไก่สดกิโลกรัมละ 80-130บาท เช่น น่องไก่กิโลกรัมละ 80บาท น่องไก่ติดสะโพกกิโลกรัมละ 85 บาท เนื้ออกติดหนังกิโลกรัมละ 80บาท เนื้อไก่ล้วนกิโลกรัมละ 90บาท เนื้อสันในไก่กิโลกรัมละ 85 บาท ปีกเต็มกิโลกรัมละ 90บาท ปีกกลางกิโลกรัมละ 130 บาท ด้านไข่ไก่แผงละบาท 120-140 ตามขนาดของไข่ไก่
 
ส่วนราคาผักสด อาทิ ผักกาดขาวกิโลกรัมละ 16-20 บาท กะหล่ำปลีกิโลกรัมละ16บาทจากราคากิโลกรัมละ30บาท ผักบุ้งจีน 20 บาท พริกแดงจินดาสด กิโลกรัมละ 70บาท มะนาว ราคากิโลกรัมละ70บาทขณะที่ราคาน้ำมันปาล์ม 1 ลิตรอยู่ที่ราคา 70 บาท
 
ทั้งนี้ จากการสอบถามร้านค้า บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หากเปรียบเทียบราคาสินค้าแล้วถือว่าคงที่เทียบกับสัปดาห์ก่อนและเทียบกับเมื่อวานที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสิ่งที่ร้านค้าหลายร้านต้องพบเจอปัญหาคือยอดขายลดลงเนื่องจากราคาต้นทุนของสินค้าแพงทำให้ขายได้กำไรน้อยลงรายได้ก็ลดลงตามไปด้วย ส่วนประชาชนมีการจำกัดการซื้อมากขึ้นและซื้อน้อยลง เนื่องจากของแพงและรายได้ไม่เพียงพอทำให้หลายคนมีการระมัดระวังการใช้จ่าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่