ถ้าหนังเรื่องนี้ออกตัวเป็นหนังอาร์ตสุดแนวอย่าง Moulin Rouge คงไม่มีคำถามถึงความสมจริงและคนดูคงไหลไปตามจินตนาการที่หนังพาไป
แต่หนังลดความอาร์ตลงครึ่งหนึ่งแต่ยังเจอกับฉากต่อไปนี้
- ภาพสวยเกือบทุกฉากจนบางทีเหมือนฝัน หาความสกปรกไม่มี
- นางเอกจิกตาคมๆหวานๆใส่กล้องจนคนดูระทวย บางทีไม่แน่ใจว่ามันปกติไหม
- นางเอกเล่นเกมส์กับชายคนรักและจัดการคู่แข่งทางการเมืองเหมือนกำลังโลดแล่นบนละครเวที
- บางฉากนางเอกมีบุคลิกเท่ๆ ทำให้อดนึถถึงแคแรกเตอร์ใน The Matrix ไม่ได้
- นางเอกเข้าถึงบุคคลสำคัญอย่างนายกรัฐมนตรี เจ้าพ่อมาเฟีย ผู้อำนวยการโรงเรียน ประหนึ่งกำลังร่ายรำมนต์สะกด
- ฉากเต้นระบำในหนังมันควรมีในหนังดราม่าสมจริงหรือเปล่า หากสมมติว่านี่ไม่ใช่หนังอินเดียจะได้ไม่มีข้ออ้างว่าต้องมี
ถ้าดูเพียงครึ่งเรื่องแล้วลุกออกเพราะมันดูแปร่งๆในที หลายอย่างดูหลวมจนหาความสมจริงไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นหนังเอเชียอีกเรื่องที่ลุ้นเอาใจช่วยแต่สุดท้ายก็ออกทะเลไปอีกรายหรือเปล่า
แต่...หากดูจนจบแล้วคิดใหม่ มันอาจไม่ใช่อย่างนั้น
นี่ไม่ใช่หนังสารคดี นี่ไม่ใช่หนังดราม่าสมจริงชนิดที่ต้องเข้าไปค้นห้องสมุดเพื่อหาชีวประวัติแบบเป๊ะๆแล้วสร้างตามแบบช็อตต่อช็อต
***สิ่งที่ผู้กำกับทำคือพาคนดูไปหาที่นังที่ไหนสักแห่ง ชวนหลับตาแล้วหวนรำลึกถึงประวัติของใครบางคน ภาพไหนที่อยากเห็นก็จะเด่นชัดสีสันสดใสรื่นเริงบันเทิงใจ ภาพไหนไม่อยากเห็นก็เหมือนหมอกจางๆเลื่อนลอยไปมา หมดสองชั่วโมงถึงเวลาออกจาก...ห้วงคำนึงที่รำพึงรำพัน...นั้น ต่างคนก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตปกติ***
ทำเอาต้องหันมามองอุตสาหกรรมภาพยนต์และผู้กำกับของอินเดียเลยว่า...ไม่ธรรมดาจริงๆ
******************
สิ่งเดียวในหนังที่รู้สึกหดหู่ คือ เหล่าบรรดาโสเภณีไม่ได้มาทำด้วยความเต็มใจแต่ถูกล่อลวง หลอกลวง บังคับขืนใจให้มาทำ ทั้งที่ยังเป็นด.ญ.ที่ควรไปกระโดดโลดเต้นตามประสาเด็ก
น่าเศร้าใจ
Gangubai ดูผิวเผินเหมือนหนังทำไม่ถึง แต่สุดท้ายกลับถึงซะงั้น
แต่หนังลดความอาร์ตลงครึ่งหนึ่งแต่ยังเจอกับฉากต่อไปนี้
- ภาพสวยเกือบทุกฉากจนบางทีเหมือนฝัน หาความสกปรกไม่มี
- นางเอกจิกตาคมๆหวานๆใส่กล้องจนคนดูระทวย บางทีไม่แน่ใจว่ามันปกติไหม
- นางเอกเล่นเกมส์กับชายคนรักและจัดการคู่แข่งทางการเมืองเหมือนกำลังโลดแล่นบนละครเวที
- บางฉากนางเอกมีบุคลิกเท่ๆ ทำให้อดนึถถึงแคแรกเตอร์ใน The Matrix ไม่ได้
- นางเอกเข้าถึงบุคคลสำคัญอย่างนายกรัฐมนตรี เจ้าพ่อมาเฟีย ผู้อำนวยการโรงเรียน ประหนึ่งกำลังร่ายรำมนต์สะกด
- ฉากเต้นระบำในหนังมันควรมีในหนังดราม่าสมจริงหรือเปล่า หากสมมติว่านี่ไม่ใช่หนังอินเดียจะได้ไม่มีข้ออ้างว่าต้องมี
ถ้าดูเพียงครึ่งเรื่องแล้วลุกออกเพราะมันดูแปร่งๆในที หลายอย่างดูหลวมจนหาความสมจริงไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นหนังเอเชียอีกเรื่องที่ลุ้นเอาใจช่วยแต่สุดท้ายก็ออกทะเลไปอีกรายหรือเปล่า
แต่...หากดูจนจบแล้วคิดใหม่ มันอาจไม่ใช่อย่างนั้น
นี่ไม่ใช่หนังสารคดี นี่ไม่ใช่หนังดราม่าสมจริงชนิดที่ต้องเข้าไปค้นห้องสมุดเพื่อหาชีวประวัติแบบเป๊ะๆแล้วสร้างตามแบบช็อตต่อช็อต
***สิ่งที่ผู้กำกับทำคือพาคนดูไปหาที่นังที่ไหนสักแห่ง ชวนหลับตาแล้วหวนรำลึกถึงประวัติของใครบางคน ภาพไหนที่อยากเห็นก็จะเด่นชัดสีสันสดใสรื่นเริงบันเทิงใจ ภาพไหนไม่อยากเห็นก็เหมือนหมอกจางๆเลื่อนลอยไปมา หมดสองชั่วโมงถึงเวลาออกจาก...ห้วงคำนึงที่รำพึงรำพัน...นั้น ต่างคนก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตปกติ***
ทำเอาต้องหันมามองอุตสาหกรรมภาพยนต์และผู้กำกับของอินเดียเลยว่า...ไม่ธรรมดาจริงๆ
******************
สิ่งเดียวในหนังที่รู้สึกหดหู่ คือ เหล่าบรรดาโสเภณีไม่ได้มาทำด้วยความเต็มใจแต่ถูกล่อลวง หลอกลวง บังคับขืนใจให้มาทำ ทั้งที่ยังเป็นด.ญ.ที่ควรไปกระโดดโลดเต้นตามประสาเด็ก
น่าเศร้าใจ