เมื่อวานเจอโรม พาวเวลล์ บอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.5 ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า และจะขึ้นดอกจนกว่าจะมั่นใจว่าสถานการณ์เงินเฟ้อลดลงจนควบคุมได้
ดูเผินๆ ผมว่านี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย แต่ทำไมตลาดตอบรับในเชิงบวก?
เหตุผลก็ง่ายๆ ว่าราคากำหนดข่าวสาร ไม่ใช่ข่าวสารกำหนดราคา
ในเวลาที่หุ้นกำลังหา bottom แล้วกองทุนหรือผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดได้เข้าไปซื้อในจุดลุ้นเด้งด้วยเหตุผลบางประการไว้แล้ว
เช่น ณ จุดนี้ s&p ลงมาประมาณ 20% (เลย 20% แล้วกลับมาไม่ได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่า ภาวะ recession) มันมีเหตุผลมากพอที่จะลุ้นเด้งในจุดที่เสี่ยงที่สุด
ณ ราคาจุดนี้ จะมีรายย่อยเข้าร่วมซื้อน้อยมาก เพราะเหตุผลทางจิตวิทยาของรายย่อยที่เม็ดเงินไม่มี impact ต่อตลาด ดังนั้นสถาบัน และผู้เล่นรายใหญ่จะเข้าเก็บหุ้นได้ปริมาณมาก และสามารถทำราคาขึ้นได้เร็วและแรง (เพราะเมื่อรายย่อยเก็บหุ้นไม่ได้มาก การเก็งกำไรระยะสั้นก็จะน้อยลง และไม่มีแรงขาย)
เมื่อผู้เส่นรายใหญ่เก็บหุ้นได้มากพอ ไม่ว่าข่าวสารที่ออกมาจะร้ายแค่ไหน แต่ถ้าพอมีมุมดีอยู่บ้าง ตลาดก็ยังจะเลือกแต่เสนอมุมดีๆต่อไป โดยมองข้ามข่าวร้ายไป
เพราะผู้เล่นรายใหญ่มีทั้งเม็ดเงินอัดลงมาในตลาดและเม็ดเงินอัดการนำเสนอข่าวสาร
ผมยังพูดเหมือนเดิม ตลาดทำ bottom ไปแล้ว หรือกำลังจะทำในเร็ววันนี้ เพราะหุ้นส่วนใหญ่กำลังเปลี่ยนถ่ายมาอยู่ในมือรายใหญ่แล้ว
https://ppantip.com/topic/41408116
https://ppantip.com/topic/41427504
รอแค่ข่าวดี จุดประกายจริงจังเท่านั้น
ซึ่งสิ่งนั้น คือ ตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลง
ซึ่งเรากำลังจะได้เห็นในไม่เกิน กลางปีนี้
แล้วตอนนั้นตลาดหุ้นก็จะกลับตัวขึ้นไปยาวๆ มี higher high higher low และ new high ต่อๆไป
ตัวนำตลาดก็ยังเป็นหุ้นกลุ่มเดิมๆ คือกลุ่มเทค และ high growth ที่กลับไปอยู่ในมือ smart money เรื่อยๆแล้ว
และเมื่อนั้นข่าวสารจะกลับมาดีอีกครั้ง อย่างที่คุณต้องกลับมาฉงน สงสัยใหม่ ว่าเมื่อต้นปีนี้ทำไมมันมีแต่ข่าวร้าย และทำไมเราไม่มีหุ้นทั้งๆที่มันถูกแสนจะถูก
แล้วก็วนเวียนอยู่ในวังวนแห่งความสับสนของตลาดหุ้นต่อไปด้วยความฉงนงงงวยเหมือนเดิม
ราคากำหนดข่าวสาร ไม่ใช่ข่าวสารกำหนดราคา ตลาดอยู่ในช่วง bottom fishing ไม่ใช่ dead cat bounce
ดูเผินๆ ผมว่านี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย แต่ทำไมตลาดตอบรับในเชิงบวก?
เหตุผลก็ง่ายๆ ว่าราคากำหนดข่าวสาร ไม่ใช่ข่าวสารกำหนดราคา
ในเวลาที่หุ้นกำลังหา bottom แล้วกองทุนหรือผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดได้เข้าไปซื้อในจุดลุ้นเด้งด้วยเหตุผลบางประการไว้แล้ว
เช่น ณ จุดนี้ s&p ลงมาประมาณ 20% (เลย 20% แล้วกลับมาไม่ได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่า ภาวะ recession) มันมีเหตุผลมากพอที่จะลุ้นเด้งในจุดที่เสี่ยงที่สุด
ณ ราคาจุดนี้ จะมีรายย่อยเข้าร่วมซื้อน้อยมาก เพราะเหตุผลทางจิตวิทยาของรายย่อยที่เม็ดเงินไม่มี impact ต่อตลาด ดังนั้นสถาบัน และผู้เล่นรายใหญ่จะเข้าเก็บหุ้นได้ปริมาณมาก และสามารถทำราคาขึ้นได้เร็วและแรง (เพราะเมื่อรายย่อยเก็บหุ้นไม่ได้มาก การเก็งกำไรระยะสั้นก็จะน้อยลง และไม่มีแรงขาย)
เมื่อผู้เส่นรายใหญ่เก็บหุ้นได้มากพอ ไม่ว่าข่าวสารที่ออกมาจะร้ายแค่ไหน แต่ถ้าพอมีมุมดีอยู่บ้าง ตลาดก็ยังจะเลือกแต่เสนอมุมดีๆต่อไป โดยมองข้ามข่าวร้ายไป
เพราะผู้เล่นรายใหญ่มีทั้งเม็ดเงินอัดลงมาในตลาดและเม็ดเงินอัดการนำเสนอข่าวสาร
ผมยังพูดเหมือนเดิม ตลาดทำ bottom ไปแล้ว หรือกำลังจะทำในเร็ววันนี้ เพราะหุ้นส่วนใหญ่กำลังเปลี่ยนถ่ายมาอยู่ในมือรายใหญ่แล้ว
https://ppantip.com/topic/41408116
https://ppantip.com/topic/41427504
รอแค่ข่าวดี จุดประกายจริงจังเท่านั้น
ซึ่งสิ่งนั้น คือ ตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลง
ซึ่งเรากำลังจะได้เห็นในไม่เกิน กลางปีนี้
แล้วตอนนั้นตลาดหุ้นก็จะกลับตัวขึ้นไปยาวๆ มี higher high higher low และ new high ต่อๆไป
ตัวนำตลาดก็ยังเป็นหุ้นกลุ่มเดิมๆ คือกลุ่มเทค และ high growth ที่กลับไปอยู่ในมือ smart money เรื่อยๆแล้ว
และเมื่อนั้นข่าวสารจะกลับมาดีอีกครั้ง อย่างที่คุณต้องกลับมาฉงน สงสัยใหม่ ว่าเมื่อต้นปีนี้ทำไมมันมีแต่ข่าวร้าย และทำไมเราไม่มีหุ้นทั้งๆที่มันถูกแสนจะถูก
แล้วก็วนเวียนอยู่ในวังวนแห่งความสับสนของตลาดหุ้นต่อไปด้วยความฉงนงงงวยเหมือนเดิม