รู้สึกไม่ยากทำอะไรเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ เราแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ค่ะ เมื่อก่อนเราคิดว่าไม่เป็นไร คิดว่าถ้าต่างคน ต่างอยู่ด้วยกันอย่างมีเหตุผล รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ก็คงไม่มีปัญหาอะไร  ตอนนั้นเรายังเด็กมาก ถึงจะรู้สึกตั้งตัวไม่ค่อยทันบ้างแต่ก็คิดว่า พ่อแม่คงเลือกทางที่ดีที่สุดให้เราแล้ว  ตอนนั้นเรากับแฟน ต่างก็ยังไม่มีงานทำ แต่ที่บ้านยังพอมีสวนอยู่บ้าง ก็คิดว่าค่อยๆสร้าง ช่วยๆกันทำเดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง  แต่เราก็ยังไม่ได้ให้ใจไปหมดค่ะ ก็ยังไม่ได้มั้นใจในตัวเค้าเต็มร้อยเท่าไร  เราแต่งได้ประมาณ 2 ปีจึงตัดสินใจมีน้อง ตอนนั้นเราก็เริ่มมั้นใจในตัวเค้า พอมีน้องเราก็ให้ใจไปหมดเลยค่ะ ความคิดลบๆ ความกังวลต่างๆไม่มีอยู่เลยค่ะ หลังจากมีน้องพี่สาวเรากลับมาอยู่บ้านพักหนึ่ง (ยังอยู่บ้านเดิมกับแม่ค่ะ เพราะไม่มีใครที่บ้าน) เขาติดหลานมาก ดูแลทุกอย่าง แต่พี่สาวเราไม่ค่อยชอบแฟนเราเท่าไหร (พี่สาวคงยากให้เราแต่งกับคนที่มั้นคง ดูเหมือนจะดูแลเราได้มากกว่านี้ ) แต่พอมีน้องพี่สาวก็ลดอคติลง เพราะติดหลานมาก 
#แต่ในวันที่เรารู้สึกมีความสุขมาก ครอบครัวดูเหมือนจะดีขึ้น อะไรๆหลายๆอย่างก็ดูเหมือนจะดีขึ้น 
#แฟนเราก็ทำในสิ่งที่ ทำให้เราเสียใจที่สุด 
#คืนนั้นเราปลุกแฟนให้ไปหยิบวิกนอกห้องให้หน่อย เพราะเราให้นมลูกอยู่แล้วลูกเหมือนจะคัดจมูก แต่ผ่านไปสักพักในตอนที่เราเหมือนจะเคลิ้มหลับไป เราก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของพี่สาว ตอนนั้นเราตกใจมาก หันไปด้านข้างจะใช่แฟนไปช่วยดูให้หน่อย เพราะลูกยังกินนมเราอยู่ แต่พอหันไปใจเราหล่นวูบเลย มันมีความรู้แปลกๆแทรกเข้ามา แต่เราบอกตัวเองว่าเป็นไปไม่ได้ เราจะคิดอย่างนั้นไม่ได้ (เราได้ยินเสียงแม่ไปดูแล้วก็เลย รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ลูกไม่ยอมปล่อยนมเราเลย ไม่ว่าจะพยายามดึงเท่าไหร เหมือนเขาไม่ยากให้เราไปเลย )
ผ่านมาสักพัก แฟนเรากลับมา ลูกก็ปล่อยนมเรา เราถามแฟนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาว เขาตอบว่า ไม่รู้ เมื่อได้ยินคำตอบ ใจเราหล่นวูบเลย มันเป็นไปไม่ได้ที่คนในบ้านเกิดเหตุการณ์ แล้วจะไม่รู้อะไรเลยทั้งๆที่ตัวเองอยู่ข้างนอก เราเลยรีบออกไปดู เราเคาะประตูห้องพี่สาว แม่มาเปิดแล้วบอกเราว่า พี่สาวแค่เห็นโจรทางหน้าต่างหลังบ้าน 
#เราเหมือนคนโง่ที่พยายามเชื่อสิ่งที่แม่บอก แต่สุดท้ายเราก็รู้ความจริงในวันถัดมา
#หลังจากเกิดเหตุการณ์ แรกๆเราก็เงียบรับฟังเหตุผลทุกฝ่าย สุดท้ายเราก็แพ้แม่ แม่ขอให้ลองเริ่มใหม่กับแฟนอีกครั้ง เรามองหน้าลูก ลึกๆเราเองก็ไม่ยากให้ลูกขาดพ่อ 
#สุดท้ายเราก็พยายามใหม่อีกครั้ง แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่ดีขึ้นเลย  เรา แม่ พี่สาว ทะเลาะกันบ่อยมาก พี่สาวไม่กลับบ้าน ไม่ติดต่อมา ทุกอย่างมันแย่มาก
#แล้วเวลาก็ผ่านมาเรื่อยๆ เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า ในแต่ละวันเราภาวนาให้ผ่านไปไวๆ ให้ลูกเราโตขึ้น เราจะได้ออกจากบ้านไปหางานทำ 
เราเครียดมาก งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี แฟนเราถ้าเขามี เขาก็ให้ แต่ในนเวลาที่เค้าไม่มี ลูกก็ยังต้องกินต้องใช่ เราจำได้ ก้นลูกเราได้ถูกแพมเพิส ไม่ถึง สิบครั้งมั้งโตมา อะไรประหยัดได้ ประหยัดหมด 
#เราบอกแม่เราไม่ไหวแล้ว เราอยากเลิก หรือไม่ก็ ให้เขาไปอยู่ข้างนอกหรือกลับบ้านเขาไปก่อน ไปอยู่ด้วยตนเองให้ได้ก่อน เพราะอยู่ที่นี้ แม่คอยซัพพอตตลอด แต่พอเราพูดจบ  เราไล่เขาก็ไม่ไป 
#ขอข้ามมา เราก็จำไม่ได้ว่าตอนไหน แต่พี่สาวเรามีคำสั้งย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้บ้าน เลยต้องกลับมาพักบ้านโดยแม่ให้แฟนเราไปอยู่บ้านเล็กในสวน และเวลาพี่สาวอยู่ห้ามออกมา
#ตอนนั้นพอถึงเวลาเลิกงาน เราก็ต้องมาค่อยไล่ให้แฟนกลับไปบ้านในสวน เป็นแบบนั้นนานเข้า เราเองก็เหนื่อย ต้องรับหน้าทั้งแฟน ทั้งพี่สาว  เราเหนื่อยมาก จนเราไม่ไหว เราก็เลยเลิกไม่ยุ่ง เราไม่ไหวแล้ว  สุดท้ายพอไม่มีเราคอยกัน เขาก็คงเจอกัน พี่สาวก็ทะเลาะกับแม่อีก 
#ตอนนี้เรารู้สึกเหมือนตัวเองใช้ ความอดทน ความพยายามของตัวเองจนหมดแล้ว 
#เมือก่อนเราคิดว่าไม่เป็นไร เรายังไหว เพื่อลูก แต่อยู่ๆเราก็มารู้ตอนที่ มันหมดแล้ว 
#ตอนนี้ แหม้แต่เสียงของเขา ก็ยังได้ยินไม่ได้เลย บางครั้งเรารู้สึกกลัวเขาด้วยซ้ำ เราหนีหน้าเขาทุกครั้ง เราอยู่แต่ในห้อง อารมณ์เราดิ่งมาก 
#ไม่มีแรงจะทำอะไรเลย ในสมองมันตื่อคิดอะไรไม่ออกเลย ทั้งๆที่รู้ว่า เราลูกต้องกินต้องใช้ ลูกโตขึ้นยิ่งมีค่าใช่จ่าย เราเหมือนคนล้มเหลวที่ไม่มีแรงลุก 
#เราไม่ยากออกนอกบ้านเจอผู้คนที่รู้จัก เพราะเรื่องเหล่านี้เราไม่ได้บอกใคร  เราไม่ยากปั้นหน้ายิ้ม เราเหนื่อยมาก
# เรายากไปไกลๆแต่เราก็ทิ่งลูกไปไม่ได้  แต่ถ้าให้พาลูกไปด้วยเราก็กลัว เพราะเราเองก็ไม่มีงาน ไม่มีเงิน
#แต่ถ้าหากให้อยู่บ้านต่อไปเราว่าเราเอง ก็ไม่ไหว เราทะเลาะกับแม่ กับพี่สาว กับแฟน ตลอด 
#เราว่า เรากลายเป็นโรคซึมเศร้า เราอยากหายยไป แต่เราก็เป็นห่วงลูก 
# เราไม่ยากให้ลูกโตมา รับรู้ หรือเห็นสภาพของเราในปัจจุบันเลย
#ถ้าหย่ากันเราก็ตอบลูกได้แบบเต็มปากเต็มคำ มีเหตุผลดีมากมายให้ลูกรับฟัง แต่การที่เป็นอยู่แบบนี้เราไม่รู้จะตอบคำถามลูกยังไงเลย ว่าตอนกลางคืนพ่อเข้าไปไหนนทุกวัน ว่าทำไมเราถึงไม่คุยกัน เราเป็นคนบอกรักลูกก่อนนอนตลอด แล้วลูกก็ตอบ หนูรักแม่ หนูรักพ่อค่ะ แล้วคุณแม่รักคุณพ่อไหม?  แต่เราตอบคำถามนี้ของลูกไม่ได้  จนตอนนี้แค่เราได้ยินลูกหรือใครพูดถึงเขา เราก็รู้สึกเหมือนจะอ้วกเลยค่ะ 
#ตอนนี้เรากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ บางครั้งยังขึ้นเสียงกับลูกเลยค่ะ นับวันเรายิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้เลย 
#เราไม่ยากเป็นอย่างนี้ ขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่