ตำนานผีพื้นบ้าน_ ผีโพง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เมื่อ 2 ปีก่อน ที่ผมจะไปทำงานต่างประเทศ 
ช่วงที่ยังทบทวนทิศทางของชีวิตจะไปทำมาหากินอะไรนั้น 
เพราะผมพึ่งออกจากงานที่ทำมานับสิบปี แฟนก็พบรักกันในที่ทำงาน 
เมื่อต้องออกทำให้รู้สึกเคว้งไปพักใหญ่ ใจหายคิดถึงเพื่อน ๆ คิดถึงวิถีชีวิตเดิม ๆ 
ก่อนที่เพื่อนนั่นเองจะมาชักชวนผมให้ไปทำงานต่างประเทศดังที่กล่าวไว้  

ในวันนั้นฝนเริ่มตั้งเค้ามาแต่หัววัน  แล้วฝนก็เริ่มลงเม็ด และกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา 
ผมได้มาพักอยู่บ้านพ่อแม่ของแฟน ถึงต่างถิ่นไม่คุ้นเคยผู้คน และสถานที่ 
ผมก็เป็นคนบ้านนอกคุ้นเคยอยู่แล้ว ปรับตัวได้ไม่ยาก 

สิ่งที่ผมชอบทำอย่างหนึ่งก็คือเวลามีฝน พอตกกลางคืนจะชอบออกไปหาจับกบ 
ส่วนแฟนเธอไม่ชอบฝนเอาเสียเลย ฝนตกทำให้ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว 
ไปไหนมาไหนก็ยาก อ้อ ผมลืมบอกไปครับ เธอพึ่งคลอดลูก จึงเลือกกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่

คนข้างบ้านก็ชอบออกไปหาจับกบเช่นกัน แกชื่อตาบัว พอค่ำหน่อยเห็นออกไป 
ผมเห็นแสงไฟหากบของแกบ่อย แม้ผมจะขอติดตามไปด้วย  
แต่แกไม่เคยรอผมสักครั้ง พ่อกับแม่แฟนก็ห้าม บอกตาบัวไม่สุงสิงกับใคร 
อย่าไปยุ่งกับแก ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น 
แต่พ่อกับแม่แฟนเลือกจะยุติข้อสงสัยของผมด้วยการเงียบ

ถึงไม่มีใครไปด้วย ผมไม่ติดขัดอะไร คนลูกทุ่งมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยมันชินแล้ว 
ตั้งแต่เห็นฝนตั้งเค้ามันรู้สึกตื่นเต้นยินดี จะรีบเตรียมอุปกรณ์ส่องกบทันที 
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก็มี ข้อง หม้อแบตฯ ซึ่งผมจะชาร์จไฟไว้เต็มเสมอ 
แล้วฝนก็ตกตามนั้น ที่เหลือก็คือรอให้มืดค่ำ เพื่อจะออกไปส่องกบตามที่ตั้งใจไว้ 
พอฝนซาเม็ดก็ค่ำมืดพอดี ลมโชยพัดฉ่ำหอบเอาบางสิ่งมาด้วย 
จมูกมันได้กลิ่นสารพัด บรรดาซากสัตว์เล็กสัตว์น้อย วัชพืชเน่า 
สิ่งปฏิกูลทั้งหมดทั้งมวลนี้ฝนทำหน้าที่ชำระล้าง ฝนเป็นตัวการเร่งการเน่าสลาย 

ผมจัดอุปกรณ์ส่องกบเสร็จจะได้เวลาออกจากบ้าน เงยหน้ามองฟ้าใต้ฐานเมฆแปรปรวน 
ฟ้าแลบแปลบปลาบ ฝนฟ้าแบบนี้เสี่ยงฟ้าผ่าเอามาก 
คนหากบส่วนใหญ่จะกลัวกัน สังเกตผืนนายามนี้ยังไม่เห็นมีใครออกมา 
แต่กับผมไม่กลัวหรอก ขอเพียงรู้หลักให้ระมัดระวัง แล้วโชคชัยจะเป็นของผม 
แฟนอุ้มลูกเดินออกมาส่ง สีหน้าของเธอดูกังวลไม่น้อย

“อย่าไปไกลนะอ้าย  อ้ายไม่รู้จักแถวนี้ดีพอ 
กลางคืนไม่มีใครออกไปไหนกันหรอก”

“หือ ไม่มีอะไรหรอกน่า ไม่เกินสี่ทุ่ม อ้ายก็จะกลับมาแล้ว”

ผมเปิดแสงไฟที่คาดไว้บนหน้าผาก สายฝนเบาบางกระเซ็นสายลงมา 
เมฆฝนดำทะมึนฟ้าคำรณดึงกึกก้อง ไม่ทันไรฝนจะตกลงมาไม่ลืมหูลืมตา 
พอผมหันไปมองแฟนเห็นอุ้มลูกเข้าบ้าน ไม่มีอะไรน่าห่วง 
เรื่องฝนผมมีพลาสติกเอาไว้คลุมตัวติดย่ามไปด้วย 
สวมรองเท้าบูทป้องกันเหยียบสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงู  

สิ่งเดียวที่ป้องกันได้ยากคือฟ้าแลบฟ้าร้อง หลักป้องกันต้องหลบเข้าร่มไม้ 
เลือกต้นขนาดเล็ก อย่าหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ ให้นอนราบกับพื้น 
เห็นไหมครับว่าผมระมัดระวังป้องกันตัวเองดีแค่ไหน 
ไม่มีอะไรให้น่าห่วงสักนิด

ฟ้าแลบฟ้าร้องดังห่างออกไป และไกลออกไป โชคชัยเป็นของผมอีกแล้ว 
ฝนตกหนักครู่เดียว เมฆย้ายศูนย์กลางไปตกอีกฟากของเทือกเขาอันไกลลิบ 
เหลือเพียงลมพัดแรงดัง วู่วว หวิวว... ดังกรีดแก้วหูเพิ่มความวังเวงไม่ได้วายเว้น  
ทุ่งนากว้างใหญ่เวลานี้ มีผมยืนอยู่เพียงลำพัง ไม่มีคนออกมาหาจับกบเลย 
มันก็น่าแปลกใจอยู่ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเอามาใส่ใจนัก

ไม่นานผมตรงดิ่งออกทุ่งนา ด้วยใจมุ่งมั่น พอส่องออกไปก็เห็นตากบเต็มไปหมด 
คงเป็นเพราะฝนแรกของฤดูกบจึงเยอะ ในใจนึกกระหยิ่มยิ้มย่องว่า 
กบเยอะขนาดนี้คงได้หลายกิโล 
พรุ่งนี้เช้าจะให้แฟนผัดเผ็ดให้กินซะให้หายอยากไปเลย 

พอคิดได้ดังนั้น ผมจึงรีบจับกบใส่ข้องอย่างมันมือ พอได้กบจนเกือบเต็มแล้ว 
โดยคิดว่าถ้าได้เต็มข้องแล้วก็จะรีบกลับ 
สักพักก็หันไปเห็นแสงไฟกำลังก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนกำลังจับกบอยู่  
ในตอนนั้นไม่คิดอะไร  เข้าใจว่าเป็นคนมาหาส่องกบเหมือนกับเรา กำลังจะเลิกสนใจแล้ว 
เผอิญเกิดอยากบุหรี่  พอควักบุหรี่ออกมามวนสูบ 
ปรากฏว่าไฟแช็กหาย ผมควักเข้าควักออกทำให้ทำหล่นไปไม่รู้ตัว  

เรื่องไฟต่อบุหรี่ไม่มีปัญหา ผมจะไปขอต่อบุหรี่จากคนส่องกบคนนั้น  
ด้วยความที่อยากบุหรี่มาก จึงเดินเข้าไปหาอย่างไว 
แม้คนส่องกบจะเดินทิ้งห่างออกไปอีก คราวนี้วิ่งตามเลย 
มันไม่น่าเกลียดอะไรแค่วิ่งเหยาะ ๆ ชายหากบเหมือนรู้ถูกผมตาม
จึงหยุดแล้วหันหลังก้มไปคว้าเอาบางสิ่งบนพื้น 
แน่นอนต้องเป็นกบตัวใหญ่แน่ ผมได้ยินเสียงมาถึงทางนี้ 

พอเข้าไปใกล้พี่จึงสาดไฟที่อยู่บนหัว เพื่อจะดูหน้าว่าเป็นใคร 
แต่พอสาดไฟไปโดนหน้าคนส่องกบคนนั้น เขาก็หันหน้ามาประจันหน้ากับผมทันทีเหมือนกัน 
ทำเอาผมถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง ขนลุกทุกเส้นในร่างกาย 
รวมทั้งผมทุกเส้นบนหัวก็สามัคคีกันลุกชันทันที 
ก็เพราะแสงไฟที่เห็นน่ะมันไม่ใช่แสงไฟจากหม้อแบตฯ 

แต่มันเป็นแสงไฟจากจมูก หน้าตางี้เหี่ยวย่น เบ้าตาลึกโหล แก้มตอบ 
มีแต่หนังหุ้มกระดูก สภาพไม่ต่างอะไรกับโครงกระดูกเดินได้เลย 
เท่านั้นยังไม่พอนะ ที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่นั้น เขาไม่ได้จับกบใส่ข้อง 
แต่เขาจับกบใส่ปาก ผมเห็นหลักฐานคาตาเลย เพราะกบยังอยู่ที่ปากดิ้นกระแด่ว ๆ 
เลือดยางสด ๆ ไหลย้อยเต็มปาก น่าขยะแขยงมาก

ผมตกใจกลัวมาก ทิ้งข้องวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน มุ่งหน้ากลับบ้าน ตกคันนาหลายครั้ง 
ผมพาร่างกายเลอะไปด้วยโคลนกับเศษหญ้าติดหัวหูมาถึงบ้าน 
ทุบประตูอย่างร้อนรน ร้องเสียงดังโวยวายขอให้คนข้างในช่วยเปิดที 

ก่อนที่จะเป็นลมไปตรงนั้นเอง เพราะวิ่งมารวดเดียวไม่หยุดพัก 
นานเท่าไหร่ไม่ทราบ มารู้สึกตัวอีกที แฟนกับพ่อแม่แฟนมาเขย่าตัวให้ตื่น 
เอาสารเคมีฉุนแรงมาไกวใกล้กับจมูก ผมถึงค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ ร้องโวยวายต่อ

“อ้ายไปทำอะไรมา ทำไมเนื้อตัวถึงได้มอมแมมเปื้อนโคลนขนาดนี้ 
แล้วอ้ายร้องเอะอะโวยวายทำไม”

“ก็..ก็..อ้าย..อ้าย..โดน..ผี..ผี..ผีหลอก”

ผมหายใจแทบไม่ทัน เลยพูดจาตะกุกตะกักไปหมด จากความหวาดกลัวสุดขีด 
แล้วผมก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้แฟนกับพ่อแม่แฟนฟังว่า 
หลังจากที่ออกจากบ้านไปแล้ว 
ก็ตรงดิ่งไปที่ทุ่งนาหาส่องกบทันที ได้กบเยอะมาก 
แต่ที่แปลกใจก็คือไม่พบเห็นคนออกมาหาส่องกบเลย 
แต่ไม่ได้ใส่ใจ ดีเสียอีกจะได้ไม่มีใครแย่งจับกบ 

พอได้เต็มข้องแล้วก็จะกลับ ในตอนนั้นเกิดหิวบุหรี่ขึ้นมา 
โชคไม่ดีเกิดทำไฟแช็กหาย จะอดอยู่แล้ว เผอิญไปเจอคนหากบ 
คนแรกที่เจอในคืนนี้ ก็เลยเข้าไปหาเพื่อขอต่อไฟ 

“หลังจากนั้น อ้ายก็เจอใช่มั้ย” แฟนตัดบทพูดของผม 

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีแล้วเอ๋ย  ผัวอีแตน” แม่พูดขึ้นบ้าง 

แฟน และก็พ่อกับแม่เวลานี้เหมือนกันเลย 
เหมือนกับจะรู้อะไรที่ผมไม่รู้แต่เลือกจะเงียบไว้

“พ่อกับแม่ จะไม่ถามอะไรบ้างรึครับ ผมไปเจออะไรมา”

“แล้วตกลง  อ้ายไปเจออะไรมา”

ในตอนนั้นผมรวบรวมสติได้แล้ว รู้ว่าไปเจออะไรมา

“อ้ายไปเจอผีโพง!” 

ผมมือชี้ไปข้างบ้าน กำลังจะเรียกชื่อตาบัวออกมาดัง ๆ

แฟนเอามืออุบปากผมไว้ พ่อกับแม่แฟนก็รีบเข้ามาช่วยห้าม

“ผัวอีแตนเอ๋ย ถ้าเห็นหน้าเขาแล้ว ห้ามพูดว่าเป็นใคร 
เพราะถ้าพูดผีโพงคนนั้นก็จะตายทันที ถึงเขาจะเป็นผีโพง แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร 
ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เป็นกรรมมากแล้ว  คงเพราะผิดของอะไรซักอย่างนั่นแหละ”

หลังจากผมเล่าเรื่องสยองจบ  แฟนก็ชวนเข้านอน 
ผมอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว ไหว้พระสวดมนต์ก่อนจะข่มตาหลับลงได้ 
ถึงตอนนี้ผมพึ่งเข้าใจ ตาบัวคนข้างบ้านเป็นญาติ 
คนในหมู่บ้านก็ล้วนเครือญาติกัน จึงไม่อยากซ้ำเติม หรือทำท่าเกลียดกลัวตาบัว 
ปล่อยให้แกใช้ชีวิตไปลำพังเช่นนั้น แต่กับผมแล้ว 

หลังจากนี้ขอเลิกส่องกบอย่างเด็ดขาด ถ้าใครเขาถามก็จะบอกว่า

“เข็ดแล้ว...เลิกเด็ดขาดเลย ไม่อยากไปเจอผีโพงตนนั้นอีก คิดถึงทีไรยังสยองไม่หายเลย”

จบ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่