เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 ตามซิตี้อยู่ 11 แต้มแข่งน้อยกว่า 1 นัด
ตอนนั้นก็คิดว่าคงไล่ไม่ทันแน่ๆแล้ว จนกระทั่งเดือนเมษายนแมนซิตี้สะดุดรัวๆ ทำให้ลิเวอร์พูลตามจี้มาติดๆ บางครั้งก็ได้ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราวบ้าง
และมา 3 แมทช์ก่อนหน้านี้ซิตี้ไม่แผ่วเลย อัดลีดส์ 4: 0 ,นิวคาสเซิล 5:0 และวูล์ฟ 5:1 แต่พอซิตี้แพ้เรอัลมาดริดตกรอบ UCL เป๊บเหลือแค่ถ้วยนี้ถ้วยเดียวก็คิดว่าคงใส่ไม่ยั้ง
ส่วนลิเวอร์พูลหลังจากทำได้แค่เสมอกับสเปอร์ในแอนฟิลด์ แถมยังต้องมีโปรแกรมเตะชิงขนะเลิศถ้วย FA cup กับเชลซีอยู่ ความหวังถ้วยพรีเมียร์จึงได้กลับไปริบหรี่อีกครั้ง ไหนจะต้องเตรียมตัวชิงถ้วย UCL กับเรอัลมาดริดในวันที่ 28-29 พ.ค. นี้อีก
แต่เมื่อคืนซิตี้ดันสะดุดทำได้แค่เสมอกับเวสต์แฮมไป 2:2 แข่งมากกว่าลิเวอร์พูลอยู่ 1 นัด ตอนนี้ซิตี้มีคะแนนอยู่ที่ 90 คะแนนเหลือเตะนัดสุดท้ายกับแอสตัล วิลล่าทีมของเจอร์ราด ส่วนลิเวอร์พูลมี 86 คะแนน เหลือ 2 แมทช์ ไปเยือนเซาท์แฮมตันและแมทช์สุดท้ายเปิดบ้านรับการมาเยือนทีมวูล์ฟแฮมตัน
แมทช์ไปเยือนเซาท์คิดว่าจะได้พักตัวหลักบ้าง(กรอบหมดแล้ว) เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดที่จะไปปารีสชิงถ้วย UCL กับเรอัลมาดริด
กลายเป็นว่าต้องเอาชนะเซ้าท์ให้ได้(ยิงให้ได้มากที่สุดด้วย) แมทช์นี้ถ้าลิเวอร์พูลขนะได้คะแนนจะตามซิตี้เหลือแค่แต้มเดียว
แมทช์สุดท้ายทั้งสองทีมก็คงใส่กันไม่ยั้งแหละ
แต่ทำไม...ทำไมต้องให้ความหวังกันอีก เมื่อคืนก็คิดว่าถ้าซิตี้จะชนะ ลิเวอร์พูลอาจจะถอนคันเร่งแล้ว แต่นี่อะไร ยั่วกันอยู่ได้...ฮ่าๆๆ
ปล.แอบเสียดายถ้าอันโตนิโอกระดกลูกนั้นตรงประตูนะ ครึ่งแรกจะนำแมนซิ 3:0 เวสต์แฮมมีลุ้นเอาชนะได้เลย
แต่ซิตี้ก็มาได้ประตูตีไข่แตกเร็ว(นาทีที่ 49) ส่วนแมนซิตี้มาได้ลูกโทษที่จุดโทษช่วงท้านเกมแต่มาเรซยิงไม่เข้า (ตอนนั้นเสมอ 2:2)
จบเกมจึงเสมอกันไป ก็ยังดีหน่อยที่เวสต์แฮมก็ยังไม่แพ้
พุธนี้จะเป็นแมทช์ชี้ชะตาลิเวอร์พูลหล่ะว่า แมทช์สุดท้าย (22 พ.ค) จะไปต่อหรือพักตัวหลักเพื่อรอเจอเรอัลมาดริด
(แต่ขอชนะไว้ก่อน แมทช์สุดท้ายแล้วแต่วาสนาหล่ะ)
แมทช์สุดท้ายถ้าแมนซิเสมออีกเราก็มีลุ้นเลย ไม่ต้องดูลูกได้เสียด้วย (คล็อปต้องติวพี่เจิดด้วยนะครับ..ฮ่า)
ทำไมต้องยั่วกันด้วย ให้ความหวังกันอีกแล้ว (ลิเวอร์พูล)
ตอนนั้นก็คิดว่าคงไล่ไม่ทันแน่ๆแล้ว จนกระทั่งเดือนเมษายนแมนซิตี้สะดุดรัวๆ ทำให้ลิเวอร์พูลตามจี้มาติดๆ บางครั้งก็ได้ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราวบ้าง
และมา 3 แมทช์ก่อนหน้านี้ซิตี้ไม่แผ่วเลย อัดลีดส์ 4: 0 ,นิวคาสเซิล 5:0 และวูล์ฟ 5:1 แต่พอซิตี้แพ้เรอัลมาดริดตกรอบ UCL เป๊บเหลือแค่ถ้วยนี้ถ้วยเดียวก็คิดว่าคงใส่ไม่ยั้ง
ส่วนลิเวอร์พูลหลังจากทำได้แค่เสมอกับสเปอร์ในแอนฟิลด์ แถมยังต้องมีโปรแกรมเตะชิงขนะเลิศถ้วย FA cup กับเชลซีอยู่ ความหวังถ้วยพรีเมียร์จึงได้กลับไปริบหรี่อีกครั้ง ไหนจะต้องเตรียมตัวชิงถ้วย UCL กับเรอัลมาดริดในวันที่ 28-29 พ.ค. นี้อีก
แต่เมื่อคืนซิตี้ดันสะดุดทำได้แค่เสมอกับเวสต์แฮมไป 2:2 แข่งมากกว่าลิเวอร์พูลอยู่ 1 นัด ตอนนี้ซิตี้มีคะแนนอยู่ที่ 90 คะแนนเหลือเตะนัดสุดท้ายกับแอสตัล วิลล่าทีมของเจอร์ราด ส่วนลิเวอร์พูลมี 86 คะแนน เหลือ 2 แมทช์ ไปเยือนเซาท์แฮมตันและแมทช์สุดท้ายเปิดบ้านรับการมาเยือนทีมวูล์ฟแฮมตัน
แมทช์ไปเยือนเซาท์คิดว่าจะได้พักตัวหลักบ้าง(กรอบหมดแล้ว) เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดที่จะไปปารีสชิงถ้วย UCL กับเรอัลมาดริด
กลายเป็นว่าต้องเอาชนะเซ้าท์ให้ได้(ยิงให้ได้มากที่สุดด้วย) แมทช์นี้ถ้าลิเวอร์พูลขนะได้คะแนนจะตามซิตี้เหลือแค่แต้มเดียว
แมทช์สุดท้ายทั้งสองทีมก็คงใส่กันไม่ยั้งแหละ
แต่ทำไม...ทำไมต้องให้ความหวังกันอีก เมื่อคืนก็คิดว่าถ้าซิตี้จะชนะ ลิเวอร์พูลอาจจะถอนคันเร่งแล้ว แต่นี่อะไร ยั่วกันอยู่ได้...ฮ่าๆๆ
ปล.แอบเสียดายถ้าอันโตนิโอกระดกลูกนั้นตรงประตูนะ ครึ่งแรกจะนำแมนซิ 3:0 เวสต์แฮมมีลุ้นเอาชนะได้เลย
แต่ซิตี้ก็มาได้ประตูตีไข่แตกเร็ว(นาทีที่ 49) ส่วนแมนซิตี้มาได้ลูกโทษที่จุดโทษช่วงท้านเกมแต่มาเรซยิงไม่เข้า (ตอนนั้นเสมอ 2:2)
จบเกมจึงเสมอกันไป ก็ยังดีหน่อยที่เวสต์แฮมก็ยังไม่แพ้
พุธนี้จะเป็นแมทช์ชี้ชะตาลิเวอร์พูลหล่ะว่า แมทช์สุดท้าย (22 พ.ค) จะไปต่อหรือพักตัวหลักเพื่อรอเจอเรอัลมาดริด
(แต่ขอชนะไว้ก่อน แมทช์สุดท้ายแล้วแต่วาสนาหล่ะ)
แมทช์สุดท้ายถ้าแมนซิเสมออีกเราก็มีลุ้นเลย ไม่ต้องดูลูกได้เสียด้วย (คล็อปต้องติวพี่เจิดด้วยนะครับ..ฮ่า)