ภาพหมู่ทีมลิเวอร์พูล ฤดูกาล 1976/77 (จากนิตยสารสตาร์ซอคเก้อร์ ฉบับที่ 5 , พ.ศ.2519)
ปีนี้ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คั่ว 3 แชมป์ โดยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว 1 รายการ , รอชิงถ้วยเอฟเอคัพ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากนั้นค่อยไปชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ (กับอินเตอร์ มิลาน) ...ซึ่งไปคล้ายคลึงกับทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1976/77 ปีนั้นลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกสูงสุด ดิวิชั่น1 (รองแชมป์ก็แมนฯซิตี้ นี่แหละ) จากนั้นก็ไปชิงถ้วยเอฟเอคัพ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามด้วยชิงถ้วยใหญ่ยุโรป ยูโรเปี้ยนคัพ กับทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ....น่าเสียดายที่ปีนั้นลิเวอร์พูลแพ้ในนัดชิงเอฟเอคัพ แต่ชนะนัดชิงยูโรเปี้ยนคัพ ได้แค่2แชมป์ มิเช่นนั้นก็จะได้ชื่อว่าคว้า3แชมป์ใหญ่ก่อนใคร (ลิเวอร์พูลมาได้3แชมป์ในปี1984 แชมป์ดิวิชั่น1 แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ และแชมป์ลีกคัพ ไม่ได้เอฟเอคัพ ... และมาได้3แชมป์บอลถ้วยปี 2001 เอฟเอคัพ,ลีกคัพ,ยูฟ่าคัพ)
....ความแตกต่างในเกมการแข่งขันของลิเวอร์พูล 1976/77 กับแมนฯซิตี้ 2022/23 คือในตอนนั้นลีกสูงสุดมี 22 ทีม ใน1 ฤดูกาลต้องเล่น 42 นัด , ทีมชนะได้ 2 คะแนน , ผู้เล่นในทีมจำกัดโควต้านักเตะนอกเกาะอังกฤษ ไม่เกินทีมละ 3 คน , รายชื่อผู้เล่นสำรอง ส่งได้นัดละ3 คน แต่ให้เปลี่ยนตัวลงสนามได้คนเดียวในแต่ละเกม
....นอกจากนั้นในช่วงท้ายของฤดูกาล ทีมลิเวอร์พูลในปีนั้นต้องแข่งขัน 8 เกมสุดท้าย (6เกมในลีก + นัดชิงบอลถ้วย2นัด) ในเวลา 26 วัน ประมาณว่า 3 วันเตะที และแชมป์ลีก ก็ต้องลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายเลยทีเดียว เฉือนที่2 แต้มเดียว
...โปรแกรมหฤโหดมีดังนี้ (ลอกมาจากวิกิพีเดีย)
1.วันที่ 30เม.ย (เหย้า)ชนะอิปสวิช2-1
2.วันที่ 3 พค.(เหย้า)ชนะแมนฯยูฯ 1-0
3.วันที่ 7 พค.(เยือน) เสมอควีนส์ปาร์ค 1-1
4.วันที่ 10 พค.(เยือน) เสมอโคเวนตรี้ 0-0
5.วันที่ 14 พค.(เหย้า) เสมอเวสต์แฮม 0-0
6.วันที่ 16 พค.(เยือน) ชนะบริสตอล ซิตี้ 2-1 [ได้แชมป์ดิวิชั่น1 มีคะแนนเหนือที่สอง แมนฯซิตี้ 1 คะแนน]
นัดที่ 7.วันที่ 21 พค. ชิงถ้วยเอฟเอคัพที่สนามเวมบลีย์ ลอนดอน แพ้แมนฯยู 1-2
นัดที่ 8.วันที่ 25 พค.ถักมา 4 วัน ชิงถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ ที่สนามโอลิปิกสเตเดี้ยม โรม อิตาลี ..ชนะโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 3-1
ปล.ขออภัย ไม่มีภาพแมนฯซิตี้ , และเขียนจากความทรงจำวัยเด็กอาจมีอะไรคลาดเคลื่อน แต่โปรแกรมหฤโหดเปิดดูจากวิกิฯ
ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 1976/77 กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2022/23
ปีนี้ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คั่ว 3 แชมป์ โดยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว 1 รายการ , รอชิงถ้วยเอฟเอคัพ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากนั้นค่อยไปชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ (กับอินเตอร์ มิลาน) ...ซึ่งไปคล้ายคลึงกับทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1976/77 ปีนั้นลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกสูงสุด ดิวิชั่น1 (รองแชมป์ก็แมนฯซิตี้ นี่แหละ) จากนั้นก็ไปชิงถ้วยเอฟเอคัพ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามด้วยชิงถ้วยใหญ่ยุโรป ยูโรเปี้ยนคัพ กับทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ....น่าเสียดายที่ปีนั้นลิเวอร์พูลแพ้ในนัดชิงเอฟเอคัพ แต่ชนะนัดชิงยูโรเปี้ยนคัพ ได้แค่2แชมป์ มิเช่นนั้นก็จะได้ชื่อว่าคว้า3แชมป์ใหญ่ก่อนใคร (ลิเวอร์พูลมาได้3แชมป์ในปี1984 แชมป์ดิวิชั่น1 แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ และแชมป์ลีกคัพ ไม่ได้เอฟเอคัพ ... และมาได้3แชมป์บอลถ้วยปี 2001 เอฟเอคัพ,ลีกคัพ,ยูฟ่าคัพ)
....ความแตกต่างในเกมการแข่งขันของลิเวอร์พูล 1976/77 กับแมนฯซิตี้ 2022/23 คือในตอนนั้นลีกสูงสุดมี 22 ทีม ใน1 ฤดูกาลต้องเล่น 42 นัด , ทีมชนะได้ 2 คะแนน , ผู้เล่นในทีมจำกัดโควต้านักเตะนอกเกาะอังกฤษ ไม่เกินทีมละ 3 คน , รายชื่อผู้เล่นสำรอง ส่งได้นัดละ3 คน แต่ให้เปลี่ยนตัวลงสนามได้คนเดียวในแต่ละเกม
....นอกจากนั้นในช่วงท้ายของฤดูกาล ทีมลิเวอร์พูลในปีนั้นต้องแข่งขัน 8 เกมสุดท้าย (6เกมในลีก + นัดชิงบอลถ้วย2นัด) ในเวลา 26 วัน ประมาณว่า 3 วันเตะที และแชมป์ลีก ก็ต้องลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายเลยทีเดียว เฉือนที่2 แต้มเดียว
...โปรแกรมหฤโหดมีดังนี้ (ลอกมาจากวิกิพีเดีย)
1.วันที่ 30เม.ย (เหย้า)ชนะอิปสวิช2-1
2.วันที่ 3 พค.(เหย้า)ชนะแมนฯยูฯ 1-0
3.วันที่ 7 พค.(เยือน) เสมอควีนส์ปาร์ค 1-1
4.วันที่ 10 พค.(เยือน) เสมอโคเวนตรี้ 0-0
5.วันที่ 14 พค.(เหย้า) เสมอเวสต์แฮม 0-0
6.วันที่ 16 พค.(เยือน) ชนะบริสตอล ซิตี้ 2-1 [ได้แชมป์ดิวิชั่น1 มีคะแนนเหนือที่สอง แมนฯซิตี้ 1 คะแนน]
นัดที่ 7.วันที่ 21 พค. ชิงถ้วยเอฟเอคัพที่สนามเวมบลีย์ ลอนดอน แพ้แมนฯยู 1-2
นัดที่ 8.วันที่ 25 พค.ถักมา 4 วัน ชิงถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ ที่สนามโอลิปิกสเตเดี้ยม โรม อิตาลี ..ชนะโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 3-1
ปล.ขออภัย ไม่มีภาพแมนฯซิตี้ , และเขียนจากความทรงจำวัยเด็กอาจมีอะไรคลาดเคลื่อน แต่โปรแกรมหฤโหดเปิดดูจากวิกิฯ