ตำนานของเรือเพียรุน

เรื่องราวของเราไม่ได้เริ่มต้นจากพระเอกแต่เริ่มจากตัวร้ายของเรื่องนั่นคือเรือประจัญบานบิสมาร์ค หรือเรียกง่ายๆว่าสิ่งที่ถ่มน้ำลายใส่กองทัพเรือของฝรั่งเศส สหราชอาณาจักรและสนธิสัญญานาวิกวอชิงตันและสนธิสัญญาอีกหลายฉบับที่หลายคนไม่รู้จักแต่โดยสรุปคือเป็นการห้ามไม่ให้สร้างเรือรบมีระวางขับน้ำมากเกิน 3 หมื่นตันแต่แน่นอนเรือประจัญบานบิสมาร์คนั้นมีระวางขับน้ำมากถึง 5 หมื่นตันซึ่งก็ยังครองอันดับเรือรบที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆของโลกจนถึงทุกวันนี้โดยมีการกล่าวถึงความเร็ว อำนาจการยิงและคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมซึ่งอาจจะเกินความเป็นจริงในเวลานั้นแต่เราก็ต้องยอมรับว่าปืนใหญ่ 15 นิ้วที่ยังไม่รวมปืนใหญ่ 5.9 นิ้วอีก 12 กระบอกนั้นมีอำนาจการยิงสูงมากถึงขนาดจมเรือลาดตระเวณประจัญบานฮูดในการปะทะกันเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้นซึ่งในความเป็นจริงมาจากโชคเกือบทั้งหมดแต่แน่นอนนั่นก็ส่งผลเสียต่อกำลังใจของสหราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก   

ตัดมาที่พระเอกของเรื่องเรือพิฆาตเพียรุนที่เป็นเรือลำเล็กๆที่ระวางขับน้ำมีเพียง 1,800 ตันหรือให้พูดง่ายๆเรือลำนี้มีขนาดเล็กกว่าเรือหลวงธนบุรีของไทยในเวลาเดียวกันด้วยซ้ำและมีเพียงแค่ปืนใหญ่ 4.7 นิ้ว 6 กระบอกปืนใหญ่ 4 นิ้ว 1 กระบอกและปืนกล 20 มม. 4 กระบอกเท่านั้นรวมถึงเกราะที่มีความหนามากพอให้ปลาว่ายมาชนแล้วไม่บุบเท่านั้นโดยแรกเริ่มเรือลำนี้เป็นของสกอตแลนด์และต่อมาได้ถูกส่งมอบให้โปแลนด์หลังจากโปแลนด์ถูกยึดโดยมีลูกเรือและนายเรือชาวโปแลนด์ทั้งหมดเรือลำนี้ได้สร้างวีรกรรมความกล้าหาญมากมายเช่นในการมีส่วนร่วมในยุทธการที่บริเตนโดยเรือลำนี้ถูกระเบิดจนเสียหายแต่ก็ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่เรื่อยๆแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่ยังมีอนุสาวรีย์สดุดีเรือพิฆาตเพียรุนในไคลด์แบงค์จนถึงทุกวันนี้  

แต่แน่นอนนี่ไม่ใช่วีรกรรมเพียงอันเดียวของเรือลำนี้วีรกรรมที่หลายคนไม่ได้กล่าวถึงที่แสดงให้เห็นว่าโปแลนด์นั้นล้มลงแต่ยังไม่พ่ายแพ้และในเดือนพฤษภาคมปี 1941 เรือเพียรุนจะได้โอกาสแสดงให้เห็นว่าคำพูดนี้เป็นจริง  

หลังจากการจมลงของเรือลาดตระเวณประจัญบานฮูดที่ถูกจมโดยเรือประจัญบานบิสมาร์คความภาคภูมิใจของสหราชอาณาจักรถูกทำลาย และคนทั้งประเทศต้องการที่จะแก้แค้นนายกรัฐมนตรีอังกฤษวินสตัน เชอร์ชิลได้ออกคำสั่งให้เรือทุกลำของสหราชอาณาจักรไม่เว้นแม้แต่เรือหาปลาออกตามล่าเรือประจัญบานบิสมาร์คแน่นอนแม้บิสมาร์คจะเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่มากแต่ถ้าหากเทียบกับขนาดของทะเลเหนือถ้าใช้เทียบในสเกลที่เข้าใจได้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหาปิ๊กกีตาร์สีแดงกลางสนามฟุตบอลและ ณ ตอนนี้เรือที่ออกตามล่าก็มีเรือประจัญบาน 3 ลำเรือสำเภา 1 ลำเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำเรือลาดตระเวนประจัญบาน 2 ลำเรือลาดตระเวน 13 ลำเรือพิฆาต 21 ลำเครื่องบินเกือบทั้งหมดของสหราชอาณาจักรและยังไม่รวมเรือประมงกับเรือสำราญจำนวนหนึ่งที่ร่วมออกล่าด้วย  

แน่นอนว่าจากสารคดีที่เราได้ยินนั่นคือเรือถูกถล่มยิงด้วยตอปิโดจากเครื่องบินและเรือรบของสหราชอาณาจักรแต่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้นได้เกิดการปะทะซึ่งไม่ค่อยมีคนสนใจมากนักเกิดขึ้นโดยเรือเพียรุนและเรืออีก 3 ลำในกองเรือได้ตรวจพบบิสมาร์คก่อนสมรภูมิสุดท้ายหลังจากรายงานตำแหน่งให้ราชนาวีทราบกองเรือก็ได้รับคำสั่งให้ถอนตัวแต่ก็เกิดสิ่งที่น่าประหลาดใจขึ้นเรือเพียรุนนั้นไม่ยอมถอนตัวและพุ่งเข้าหาบิสมาร์คกัปตันเรือตัดการเชื่อมต่อกับกองเรือทั้งหมดแน่นอนว่าลูกเรือของบิสมาร์คนั้นตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมีเพียงเรือลำเล็กๆพุ่งตรงเข้าหาแล้วทำการหันกราบเรือเข้าหาบิสมาร์คและได้ต่อวิทยุมายังบิสมาร์คโดยได้กล่าวออกมาว่า “กูคือชาวโปแลนด์” หลังจากนั้นจึงเปิดฉากยิง บิสมาร์คนั้นแทบจะยิงเพียรุนไม่โดนเนื่องจากการขับเรือที่ฉวัดเฉวียนมากของกัปตันเรือเพียรุน อีกทั้งยังส่งข้อความวิทยุมายังบิสมาร์คเรื่อยๆว่า “กูคือชาวโปแลนด์” “3 ซัลโวเป็นเกียรติแก่สาธารณรัฐโปแลนด์“ และยิ่งต่อไปอีกซัลโวแล้วซัลโวเล่า 

แล้วที่ผมอธิบายว่ายิงออกมาเป็นซัลโว ผมหมายถึงเขายิงทุกๆอย่างที่มีอยู่บนเรือจริงๆ ทั้งปืนใหญ่ 4.7 นิ้วปืนต่อสู้อากาศยานและปืนกลทั้งหมดถึงขนาดมีคำกล่าวอ้างว่าลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่การรบออกมาอยู่ตรงกราบเรือยิงปืนพกและตะโกนด่าโยนถังขยะและรองเท้าใส่เรือบิสมาร์คหรือขนาดว่าลูกเรือนั้นนำเครื่องดนตรีมาบรรเลงเพลงชาติของโปแลนด์ทีเดียว ขนาดว่าเรือลำนี้ยิงจนไม่มีกระสุนบนเรือและถอนตัวเพราะมีน้ำมันเหลือพอแค่กลับฐานเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่