เราจะแต่งงานดีไหม กับสถานการณ์แบบนี้

สวัสดีค่ะ กระทู้นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ที่มาตั้งกระทู้เพราะเกิดความสับสนกับการตัดสินใจอยากขอคำแนะนำ ขอเล่ารายละเอียดดังนี้ค่ะ
เราอายุ 30 ปี แฟนเราอายุ 45 ปี เรากับแฟนคบกันมา 6 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้แฟนขอเราแต่งงานแต่เรากำลังสับสนว่าจะแต่งงานดีหรือไม่ หรือถ้าตกลงแต่งจะจัดการปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างไร
1. แฟนเรามีบ้าน 1 หลังกู้ซื้อมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ในบ้านของแฟนมีแม่แฟนเรา น้าแฟนเรา(น้องแม่) พี่ชายของแฟนเรา ภรรยาของพี่ชายแฟน และลูกของพี่ชายแฟน 2 คน  รวมแฟนเราด้วยทั้งหมด 7 คน ซึ่งบ้านมีเพียง 4 ห้องนอน (ห้องที่ 1 เป็นของแม่และน้า ห้องที่ 2 เป็นของแฟนเรา ห้องที่ 3 เป็นของพี่ชายแฟนและภรรยาของเขา และห้องที่ 4 ใช้เป็นห้องของลูกพี่ชายทั้ง 2 คน) 
2. บ้านหลังนี้แฟนเราเป็นเจ้าของบ้าน กู้เองและผ่อนเอง 100% โดยแฟนเล่าให้เราฟังว่าพี่ชายและภรรยาของเขาเข้ามาขออยู่ด้วยตั้งแต่เริ่มกู้บ้าน โดยระยะแรก แฟนเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านเองทั้งหมดทั้งค่าบ้าน ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ต่างๆ ครอบครัวของพี่ชายแฟนมาอยู่ฟรีๆแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และแฟนตกลงให้อยู่เนื่องจากตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีครอบครัว (มีแฟนแต่ไม่ได้แต่งงาน) แต่ตั้งแต่เราคบกับแฟนมา 6 ปี ช่วงนี้พี่ชายของแฟนเป็นคนจ่ายค่าน้ำและค่าไฟ 
3. เมื่อ 5 ปีก่อน ธุรกิจที่แฟนเราทำอยู่มีปัญหาต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง แต่แฟนไม่มีสมบัติอะไรที่จะเปลี่ยนเป็นเงินได้ มีแค่รถยนต์ 1 คันถ้าเอาไปเข้าไฟแนนซ์ก็ได้เงินไม่พอกับที่ต้องการจะใช้ บ้านที่อยู่ก็ยังผ่อนไม่หมดแต่เหลือยอดไม่ถึงล้าน แฟนจึงตัดสินใจขายบ้าน โดยที่ผู้กู้ซื้อต่อเป็นพี่ชายของเขาเอง เพื่อจะนำเงินส่วนต่างไปใช้ในธุรกิจ (ราคาขายบ้านต่ำกว่าราคาตลาดมาก เพราะเหมือนขายแค่ให้ได้เงินมาตามที่ต้องการจะใช้ ณ ตอนนั้น) โดยมีข้อตกลงกันระหว่างแฟนและพี่ชายของเขาว่าจะใช้ชื่อพี่ชายเป็นคนกู้ซื้อไปก่อน 3-4 ปีหากธุรกิจกลับมาแล้วจะมาซื้อคืน แต่ค่าผ่อนบ้านหลังจากเปลี่ยนผู้กู้นั้นแฟนเราจะเป็นคนผ่อนเองตามเดิมทุกอย่าง เปรียบเสมือนแค่เปลี่ยนชื่อผู้กู้แต่แฟนยังคงเป็นผู้รับผิดชอบผ่อนเหมือนเดิม 100% (ณ ตอนนั้นเรายังคบกันได้แค่ปีนิดๆ แฟนจึงยังไม่ได้ปรึกษาเรา เราคุยกันแค่ธุรกิจมีปัญหานะ แต่เขาก็ไม่ได้บอกเราว่าแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ เรามารู้หลังจากนั้นประมาณเกือบๆปี)
4. ผ่านไป 2 ปีธุรกิจของแฟนเราไม่ได้ดีขึ้น (ช่วงนี้เราคบกันได้ประมาณปีที่ 3 หรือปีที่ 4เนี่ยแหละ) สุดท้ายต้องปิดตัวลงไปเงินที่ได้จากขายบ้านมาตอนนั้นก็เหลืออยู่แสนกว่าบาท แฟนจึงกลับไปทำงานเป็นพนักงานบริษัทแต่ก็เป็นผู้บริหารระดับกลาง มีรายได้ต่อเดือนระดับนึง แต่ยังไม่ได้กู้ซื้อบ้านคืนมา (เราพึ่งมารู้ว่าเขาตั้งใจเก็บเงินให้ได้ก้อนหนึ่งเพื่อที่จะขอเราแต่งงาน และนำส่วนที่เหลือไปเป็นค่าดาวน์บ้านหลังเดิม) ปัจจุบันบ้านจึงยังเป็นชื่อของพี่ชายแฟน
5. ในช่วงปีหลังๆนี้แฟนเริ่มพูดเรื่องแต่งงานกับเราบ่อยขึ้น แต่เรายืนยันมาตลอดมายังไม่พร้อม เหตุผลหลักๆของเราคือเราอึดอัดที่จะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีคนเยอะมากมายขนาดนั้นและบ้านไม่มีพื้นที่ว่างรองรับลูกเราในอนาคตเลย บวกกับเราต้องการให้แฟนซื้อบ้านกลับมาเป็นชื่อตัวเองก่อน จึงยื่นข้อเสนอไปว่าหากจะแต่งงานต้องอยู่กันแค่ครอบครัวเราเท่านั้นต้องไม่มีคนอื่น โดยมีทางเลือกให้เขาไปว่า
1) กู้ซื้อบ้านคืนมาและบอกให้ครอบครัวพี่ชายย้ายออกไปแต่แม่ของเขาและน้าของเขายังอยู่บ้านนี้เหมือนเดิมเพราะเราเข้าใจได้
2) ซื้อบ้านใหม่ โดยต้องให้พี่ชายของเขาขายบ้านหลังนี้และนำเงินที่ได้มาให้แฟนเราเพราะเขาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้าน 100% เราตั้งใจว่าเขาจะได้นำเงินส่วนนั้นไปเป็นเงินดาวน์เพื่อซื้อบ้านใหม่ ซึ่งทางเลือกนี้เรายังคงโอเคที่เขาจะรับแม่และน้าของเขามาอยู่ด้วยเพราะท่านก็อายุเยอะแล้ว
6. เมื่อเรายื่นข้อเสนอไปแฟนก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้สักพักใหญ่ แต่แล้วก็กลับมาพร้อมข้อเสนอให้เราว่า "เราไปซื้อบ้านใหม่กันดีกว่า บ้านหลังนี้อายุสิบกว่าปีแล้วก็ยกให้พี่ชายไปผ่อนต่อละกันยังไงตอนนี้ก็ชื่อคนกู้เป็นชื่อเขาอยู่แล้ว" นั้นทำให้เราฟิวขาดมาก เพราะแม้ว่าเงินเดือนของเขาจะมากพอที่จะกู้ซื้อบ้านใหม่และผ่อนได้ แต่มันจำเป็นถึงขั้นที่จะยอมเสียเงินเสียบ้านให้กับพี่ชายของเขาที่ไม่ได้มีส่วนในการผ่อน ไม่ได้มีส่วนในการซ่อมหรือบำรุงรักษาแม้แต่บาทเดียวด้วยหรือ (แถวที่เราอยู่แม้จะเป็นบ้านมือสองก็ราคาขั้นต่ำประมาณ 3.3 ล้าน บ้านใหม่แพงกว่านี้ บ่านแฝดยังราคา 2 ปลายๆ )
7. ในตอนที่ขายบ้านกันตอนนั้นก็ขายไปต่ำกว่าราคาตลาดมากเพราะแค่ต้องการเงินส่วนหนึ่งไม่ได้ต้องการจะขายจริงๆ พอมาตอนนี้บอกจะยกให้เขาฟรีๆไปผ่อนต่อ แต่ตัวแฟนเราเองจะกู้ซื้อบ้านใหม่ ซึ่งนั่นหมายความว่าชีวิตครอบครัวเราที่กำลังจะเริ่มต้องรับภาระหนี้ใหม่ที่มากขึ้น เพียงเพราะลำบากใจที่จะพูดกับพี่ของเขาและเป็นห่วงว่าพี่ชายเขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัวของเขาเองไม่ได้ โดยข้อเสนอที่เขาให้เรามาว่าจะซื้อบ้านใหม่นั้นเขายังคงขอว่าให้แม่และน้าของเขามาอยู่กับเราด้วย เรายิ่งชอคคูณสองเพราะนั้นหมายถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุจะเพิ่มเข้ามาในชีวิตของเราด้วยเช่นกัน ในขณะที่พี่ชายของเราได้บ้านไปผ่อนต่อซึ่งเหลือภาระหนี้อีกเพียงล้านนิดๆ และไม่ต้องมารับผิดชอบเลี้ยงดูแม่และน้าผู้มีบุญคุณของเขาด้วย มีแต่ได้กับได้
8. เราเห็นและเรามั่นใจว่าแฟนเราเป็นคนดีมาก เขาไม่ติดเที่ยวสังสรรค์ จะมีไปกับเพื่อนร่วมงานบ้างนานๆครั้ง ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ เป็นคนใจเย็น ใจดีและรักครอบครัวมากๆ เรื่องที่เขาจะดูแลแม่และน้าของเขาเราพอเข้าใจได้ แต่เราไม่โอเคมากในประเด็นเรื่องบ้านนี้ และเราไม่เข้าใจว่าเขายอมเสียสละทุกอย่างให้พี่ชายของเขาเพื่ออะไร เรามองว่าเขาก็อายุค่อนข้างมากแล้วอีกสิบกว่าปีเขาก็เป็นวัยเกษียณ ถ้าเราแต่งงานมีลูกกันค่าใช้จ่ายในอนาคตทั้งค่าผ่อนบ้านหลังใหม่ที่จะเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายของเรา 2 คน ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุ และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งนั้นจะเพียงพอและจะสามารถดูแลลูกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีพอได้หรือไม่ และหากเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับเขาในสถานการณ์และเงื่อนไขตามข้างบนนั้น แม่ของเราเราจะสามารถดูแลท่านได้เต็มที่หรือไม่ เราอดคิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ 
9. ตัวเราเองมีบ้านที่แม่สร้างไว้อยู่แล้วบ้านปลอดหนี้และเป็นลูกคนเดียว แต่ไม่สามารถแต่งงานแล้วไปอยู่บ้านเราได้เพราะบ้านเราอยู่คนละจังหวัดกับที่ทำงานไม่สามารถไป-กลับได้ ประเด็นของเราคือเราไม่อยากให้เราและเขาเป็นหนี้หรือมีค่าใช้จ่ายมากมาย แม้ว่าตอนนี้เราจะจ่ายไหว แต่ต้องยอมรับว่าเขาอายุเยอะกว่าเราเป็นสิบปี สิ่งที่เรากลัวคือสุขภาพของเขา หากวันข้างหน้าเขาเกิดเจ็บป่วย หรือแม่เราเจ็บป่วย ลำพังเราคนเดียวจะรับมือไม่ไหวเพราะเราก็เป็นลูกคนเดียวที่ไม่สามารถพึ่งพาใครได้
10. ด้วยชีวิตเราที่ผ่านมาเป็นคนชอบวางแผนและคิดเผื่ออนาคตเพื่อให้มั่นใจว่าแม้จะเจอทางที่แย่ที่สุดเราก็จะผ่านมันไปได้ แต่ตอนนี้เราคิดไม่ตกว่าจะตัดสินใจหรือหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร เรารักเขาแต่ในหัวเราก็มีแต่ Worst case เต็มไปหมดทำให้เรากลัวในการจะตัดสินใจครั้งนี้ เราไม่อยากใช้ชีวิตของเราเพื่อลองผิดลองถูกแล้ว จึงอยากขอความเห็นจากหลายๆคนที่ผ่านมาอ่านเจอ ว่าเราควรทำยังไง เผื่อว่าเราจะได้คำแนะนำที่ช่วยเราได้บ้าง

ยาวหน่อย แต่ขอบคุณทุกคนที่ผ่านมาอ่านเจอนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
จากที่อ่านมา ถ้าเป็นเรา เราไม่แต่งค่ะ
เพราะเรามีเป้าหมายว่า … หากเราจะมีคู่ชีวิต จะต้องมีปัญหาให้น้อยที่สุด

ถ้าตั้งแต่เริ่ม ก็มีเรื่องราวรุงรังขนาดนี้ _ ไม่มีเลยดีกว่า  
อายุเขา (เมื่อเทียบกับคุณ)
มากเกินไปแล้วสำหรับการเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ จากศูนย์

แต่ทว่า …
ชีวิตมันไม่ได้มีสูตรตายตัว

คุณมั่นใจ ว่าคุณเจอคนที่ดี เขารักคุณ และคุณก็รักเขาตอบ
หกปีที่ผ่านมา ปัญหาเขามีแค่ข้อเดียว ก็คือ เป็นคนมีน้ำใจกับพี่ชาย ใช่ไหมคะ ?

การจะไม่ไปต่อกับใคร เพียงเพราะเขาเป็นคนใจดี
มันไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะหากนับความผูกพัน หกปีที่ผ่านมารวมไปด้วย

แนะนำว่า …
หากคุณชั่งน้ำหนักในใจคุณแล้ว “เลือก” ที่จะอยู่กับเขา
เพราะเขามี “ความดี” มากพอที่จะซื้อใจคุณ

ปล่อยบ้านหลังนั้นให้พี่ชายไปค่ะ

อย่าไปคิดเล็กคิดน้อย ว่า ทำไม … ทำไม … ทำไม …
เขาพี่น้องกัน
ตรงนี้ ขอให้คุณ เคารพการตัดสินใจ ของ ว่าที่สามีคุณเถิด
อย่าบีบให้เขาต้องทำอะไรที่อึดอัดใจเลย

จะให้เขาไปบอกพี่เป็นอย่างอื่น จะให้ไล่พี่ไป จะให้ขายบ้าน มันจะสร้างความทุกข์ให้เขาทั้งสิ้น

หากเลือกเขา จงรับข้อแม้นี้ให้ได้
เขาจะซาบซึ้งใจ และอุทิศชีวิตทั้งหมดที่เหลือ เพื่อสร้างครอบครัวกับคุณค่ะ

ถือซะว่า ให้ของขวัญแต่งงาน เป็นความสบายใจให้เขานะคะ

แต่ หากตรองดูดีๆ แล้ว ทำใจเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา
กังวลตลอดเวลา

ให้บอกเขาไปตรงๆ และคงความสัมพันธ์ไว้เพียงเพื่อนกันนะคะ

จากนั้นคุณใช้ชีวิตโสดไปสักพัก ค่อยๆเปิดโอกาสให้ตัวเอง
สิ่งที่คุณจะเจอ ก็อาจจะมีคนที่ดีกว่า พร้อมกว่า หรือ อาจจะมีเพียงคนที่จะทำให้คุณคิดถึงเขามากขึ้น
ในอนาคต เรื่องราวต่างๆ มันคือความไม่แน่นอนทั้งสิ้นค่ะ

เราเพียงต้อง วางแผนดีๆ แล้วเลือกอนาคต ที่เราพร้อมยอมรับ ได้ง่ายที่สุด
หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดมันจะเกิดขึ้น แค่นั้นเอง

คุณคิดว่า … คุณรับมือเรื่องแบบใดได้ดีกว่ากัน นั่นคือ คำตอบสำหรับคุณในวันนี้ค่ะ

เทียน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้ายกบ้านให้พี่ชายแล้วให้พี่ชายดูแลแม่กับน้าด้วยก็ยังโอเค แต่นี่จะมากู้บ้านใหม่กับคุณแล้วยังเอาแม่กับน้ามาอีกเราก็รู้สึกไม่แฟร์
ความคิดเห็นที่ 4
คนเคยได้ จะไม่ยอมเสีย
ส่วนคนที่ยอมเสีย จะเสียตลอด และไม่เรียกร้องอะไร ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ถ้าหากจะให้คนที่เคยยอมเสีย ลุกขึ้นมาเรียกร้อง เราว่า เขาทำใจได้ยากแล้วล่ะ
...ถ้าคุณคิดว่าคุณรับไม่ได้แน่ๆ ควรจบแต่เนิ่นๆ เพราะยังไงแฟนคุณก็เปลี่ยนได้ยาก ชุดความคิดของเขาเป็นบุคคลผู้เสียสละไปซะแล้ว อย่าคิดเองว่าอนาคตเขาจะเปลี่ยน เรามั่นใจว่า ไม่มีทาง...
ความคิดเห็นที่ 24
เรามอบว่าณ.ตอนนี้คุณเป็นคนนอกค่ะ บ้านเค้าเค้าได้มาก่อนแต่งงานกับคุณ ณ.ตอนนั้นคุณยังไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกับเค้า เค้าจะยกให้ใคร หรือรายได้เค้าจะใช้ไปในการดูแลใคร ก็เรื่องของเค้าค่ะ คุณไม่เกี่ยว

เราอยากให้คุณมองแค่วันนี้ คุณจะแต่งงานกัน ผู้ชายคนนี้เค้าไม่ได้มีทรัพย์สินจากครอบครัวเดิมติดมา คุณยังรักเค้าไหม  ยังอยากใช้ชีวิตกับเค้าไหม

เรามีน้องสาวค่ะ โตมาด้วยกันเป็นสิบๆปี ผ่านมาแล้วทุกอย่างไม่เคยทิ้งกันไปไหนค่ะ (ในขณะที่แฟน ก็ทิ้งไปหลายคน) เราพอเข้าใจแฟนคุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าคิดมาก​ กังวลมากขนาดนี้​
ไม่ได้แต่งแน่ครับ

ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน

ขนาดพวกดาราที่ดูฉลาด​ ทันคน​ พูดเก่ง
เลือก​แต่งกับ Hiso​ นามสกุลดัง
เลือกแต่งกับคนรวย​ ขับรถหรูคันหลายสิบล้าน

หลังแต่งเพิ่งรู้ว่า​ Hiso​ หนี้เยอะ​
ช่วยใช้หนี้ยังไงก็ไม่หมด​ จะหย่าก็เสียหน้า
คนรวยขับรถหรู​ ที่แท้ค้ายา​ ทำธุรกิจสีเทา

แฟนคุณไม่มีหนี้​หมกเม็ด​ ไม่ได้ค้ายา
มีงานทำ​ ไม่มาเกาะคุณกินแน่นอน
อยู่ด้วยแล้วมีความสุข​

หรือจะรอให้เจอหนุ่ม​ 30+ งานดี​ ฐานะดี
ซึ่งคงจะเที่ยวเก่ง​ เจ้าชู้นิดๆ​
ถ้าคุณไม่ขี้หึงมากก็น่าจะไปกันได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่