สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ในฐานะคนอ่าน ที่ได้อ่านทั้ง 2 กระทู้ ทั้งความคิดน้องและความเห็นพี่
เห็นความอวดเก่ง และความคิดน้อยของน้องตั้งแต่กระทู้ก่อนแล้ว สิ่งที่น้องเขียนมา ก็เห็นแต่ความห่วงของพี่ ไม่ได้เห็นความอิจฉาของพี่ตามที่น้องเขียนมาเลย
... เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่น่ารอด...
พอมาอ่านกระทู้พี่ ยิ่งเห็นความสอดคล้องในความคิดชัดเจน ... คือ พี่ห่วงน้อง เตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง ถือดี อวดเก่ง
ฝากไว้สำหรับ น้อง เผื่อมาอ่านกระทู้
พี่นั้นมีแต่ความห่วง เตือนเพราะประเมินจากความเป็นจริงแล้ว เห็นว่าควรเตือน
ซื้อบ้าน ... ต้องซื้อเมื่อพร้อม ซื้อเมื่อคำนวณดูแล้วว่า ผ่อนได้สำเร็จ โดยต้องไม่มีเหตุฉุกเฉินใดๆ ถ้าเงินเดือนยังน้อยนิด ต้องใช้กำลังของทั้งสองคนทุ่มผ่อนบ้าน โดยไม่มีเงินเหลือสำรองเลย ไม่น่าจะเป็นทางที่ดี มันไม่ใช่สินทรัพย์ มีเป็นแค่หนี้สิน (อ่านรู้เรื่องมั้ย น่าจะเข้าใจได้นะ)
เห็นความอวดเก่ง และความคิดน้อยของน้องตั้งแต่กระทู้ก่อนแล้ว สิ่งที่น้องเขียนมา ก็เห็นแต่ความห่วงของพี่ ไม่ได้เห็นความอิจฉาของพี่ตามที่น้องเขียนมาเลย
... เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่น่ารอด...
พอมาอ่านกระทู้พี่ ยิ่งเห็นความสอดคล้องในความคิดชัดเจน ... คือ พี่ห่วงน้อง เตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง ถือดี อวดเก่ง
ฝากไว้สำหรับ น้อง เผื่อมาอ่านกระทู้
พี่นั้นมีแต่ความห่วง เตือนเพราะประเมินจากความเป็นจริงแล้ว เห็นว่าควรเตือน
ซื้อบ้าน ... ต้องซื้อเมื่อพร้อม ซื้อเมื่อคำนวณดูแล้วว่า ผ่อนได้สำเร็จ โดยต้องไม่มีเหตุฉุกเฉินใดๆ ถ้าเงินเดือนยังน้อยนิด ต้องใช้กำลังของทั้งสองคนทุ่มผ่อนบ้าน โดยไม่มีเงินเหลือสำรองเลย ไม่น่าจะเป็นทางที่ดี มันไม่ใช่สินทรัพย์ มีเป็นแค่หนี้สิน (อ่านรู้เรื่องมั้ย น่าจะเข้าใจได้นะ)
ความคิดเห็นที่ 6
ความจริงคือ สุดท้ายเขวี้ยงงูไม่พ้นคอครับ แต่บางอย่างพอเลยวัยแล้วก็จะสอนไม่ได้ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ คุณจะได้แค่ดูอยู่ห่างๆและเตรียมการช่วยเหลือ
เคสหนักสุดคือน้องโดนฟ้องยึดบ้านตามด้วยอายัดทรัพย์สินอื่นๆ คุณแค่ป้องกันอย่าให้โดนยึดมาถึงทรัพย์สินที่บ้าน และเมื่อน้องไม่มีทางไป คุณก็เตรียมช่วยเหลือให้ที่อยู่ที่กินตามสภาพ
ผมว่าคุณน่าจะเห็นอนาคตอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้น้องลองสู้ดูสักครั้ง แล้วคอยดูอยู่ห่างๆ แค่อย่าไปช่วยเรื่องเงิน แต่ถ้าไม่มีข้าวกินหรือไม่มีที่นอนถ้าคุณไม่ช่วย พ่อแม่ก็ต้องช่วยอยู่ดีครับ
เคสหนักสุดคือน้องโดนฟ้องยึดบ้านตามด้วยอายัดทรัพย์สินอื่นๆ คุณแค่ป้องกันอย่าให้โดนยึดมาถึงทรัพย์สินที่บ้าน และเมื่อน้องไม่มีทางไป คุณก็เตรียมช่วยเหลือให้ที่อยู่ที่กินตามสภาพ
ผมว่าคุณน่าจะเห็นอนาคตอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้น้องลองสู้ดูสักครั้ง แล้วคอยดูอยู่ห่างๆ แค่อย่าไปช่วยเรื่องเงิน แต่ถ้าไม่มีข้าวกินหรือไม่มีที่นอนถ้าคุณไม่ช่วย พ่อแม่ก็ต้องช่วยอยู่ดีครับ
แสดงความคิดเห็น
จากใจพี่สาว กระทู้ที่กู้บ้านอายุยังน้อย(ถ้าใช่น้องตัวเอง)
ในฐานะพี่สาว เรารักครอบครัวและรักน้อง ไม่เคยคิดที่จะอิจฉาหรืออะไร แต่ที่ค้านคือ ข้อแบ่งเป็นข้อๆนะคะ
1.ตัวน้องสาว จบ ม.6 แล้วขึ้นมาทำงาน เนื่องจากพ่อแม่ไม่ได้มีฐานะอะไร ตอนแรกน้องก็ลงเรียน กู้ กยศ เรียน สุดท้ายเรียนไม่จบ แต่โอเคทำงานรับผิดชอบตัวเองเองได้เราก็เลยปล่อย ถึงจะมียืมเงินบ้างก็ตามแต่ไม่บ่อยมาก เราพูดแล้วเตือนแล้วเห็นแก่เงินงั้นโอเคก็แล้วแต่
2.ตัวน้องสาวยื่นกู้เกือบทุกธนาคาร ยื่นกู้ถ้าเราตีๆ สมมติยื่น 6 ไม่ผ่าน 5 ส่วนที่ผ่านนั้นยื่นผลกู้บ้านถึงสามเดือนกว่า ถ้าคนมันเครดิตดีจริง มันผ่านไปนานแล้ว หรือธนาคารอื่นให้ไปแล้ว ที่ให้เพราะอะไร ทำประกันคุ้มครองสินเชื่อไว้เค้าถึงยอมปล่อย (ใครพอรู้เกี่ยวกับประกันคุ้มครองช่วยอธิบายทีนะคะ อันนี้เราสงสัยว่าถ้าตายบ้านจะหมดหนี้ไหม)
3.บริษัทที่น้องทำงานไม่ได้มีความมั่นคงอะไร และบริษัทแฟนน้องก็ไม่ได้มีความมั่นคง ช่วงโควิดบริษัทลดนั้นลดนี่ไปเยอะ ถึงตัวน้องจะได้เงินเดือนปกติอยู่ แต่บริษัทที่อยู่มันเป็นแบบครอบครัว ลาทียังลาลำบากเลยเพราะไม่มีคนช่วย เป็นบริษัทเกี่ยวกับร้านขายอะไหล่รถยนต์เล็กๆเองด้วยซ้ำ เกิดปิดมาหรือเศรษฐกิจพังอีกทำยังไง ที่เรามอง
4.เรื่องลูก ตัวน้องคลอดเสร็จเอาลูกมาฝากไว้ที่บ้านแม่ บ้านไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนะคะ อยู่แบบ จะเข้าไปหาเซเว่นต้องขับไปเถอะ 20 โล อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตามคนชนบทคือเลี้ยงตามมีตามเกิดกันจริงๆ ตอนลูกน้องสาวป่วยเป็น RSV เด็กเล็ก วิ่งเข้า รพ รัฐรอคิวนานเลยพาไปเอกชน สุดท้ายจะแอดมิดก็ไม่ได้ เพราะไม่มีเงินพอส่งให้ลูกนอน ต้องกลับมานอนรัฐบาล ทั้งๆที่พี่ก็เคยบอกแล้วให้ทำประกันลูก แต่ก็ไม่เคยฟัง ตอนนั้นยังโชคดีนะหลานไม่ได้เป็นหนัก ถ้าเกิดเป็นหนักคงตายไปแล้ว ตายเพราะพ่อแม่มันไม่มีความรับผิดชอบ ซื้อทุกอย่างได้ เว้นความปลอดภัยของลูกตัวเอง มีเงินไปเที่ยว ซื้อเสื้อผ้า ประกันลูกผ่อนจ่ายถ้าตอนนั้นฟังเดือนสองพันกว่าก็ดีไปแล้ว ตอนนี้ประกันเด็กเล็กก็ขึ้นอีก
5.ความมั่นคงกับความคิดของน้อง การมีบ้านตราบใดที่เรายังผ่อนไม่หมดมันก็คือหนี้ดีๆเนี่ยแหละ ถึงจะบอกว่าถ้าคนใดตายประกันช่วย แล้วยังไง ตายไปคนอีกคนก็รวยล้นฟ้าเลยหรือไงหรือไม่มีภาระ ไม่มีลูกต้องเลี้ยงดูแล้ว เคยถามนะที่ไหวไหมๆ เพราะตรงนี้ เงินเดือนตัวเองคนเดียวยังไม่รอด จะหวังพึ่งใคร ถ้าเกิดใช้เงินตัวเองผ่อนแล้วมีกินมีเหลือจะไม่ห้ามเลย แต่นี่ใช้สองคน แล้วเอาหัวเป็นประกันว่ายังไงต้องมีการรูดบัตรเครดิตแน่ๆ อย่าบอกว่าเพื่อลูก ทั้งๆที่ตัวน้องไม่คิดจะเอาลูกมาเลี้ยงเลยด้วยซ้ำ
6.ส่วนเรื่องเรียนพิเศษพี่ที่ให้เรียนเพราะอะไร ตัวเด็กมีความชอบ นี่ถามลูกก่อนว่าอยากเรียนไหมถ้าอยากโอเคส่ง เรื่องการศึกษาใครจะว่ายังไงนี่เน้นไว้ก่อน จะพูดจะด่าว่าบังคับยังไง ผลสุดท้ายผลดีมันอยู่ที่ตัวเด็กเอง ขึ้นอยู่กับเด็ก
7.เรื่องญาติ ก็เป็นปัญหาคลาสสิคมากที่ญาติชอบโอ้อวดกัน กลับกี่รอบพูดทุกรอบ แล้วมันมีดีกี่คน เอาแต่นั่นนี่มาอวดกู้อย่างนั้นอย่างนี้ ซื้อรถราคาแพงๆแล้วเค้าได้บอกไหมยืมเงินคนอื่นมาดาวน์ ถ้าคนมันแน่จริงทำอะไรก็ทำให้ด้วยตัวเอง ถ้าไปยืมคนอื่นมาสำหรับนี่ไม่ได้แน่จริง ใครจะพูดอะไรก็พูดไปความเป็นจริงเรารู้ดีที่สุด ถ้าต้องมีบ้านคนสุดท้ายแต่ปลอดภาระหนี้ก็ยอม ดีกว่ามานั่งโอ้อวดแล้วต้องผ่อนกันยาวจนเกือบค่อนชีวิต มีความสุขแค่ตอนนั่งคุยโม้เท่านั้นแหละว่ามีอะไร ชีวิตจริงหลังจากนั้นจะเป็นยังไงก็รู้อยู่แก่ใจ
8.เรื่องราคาบ้าน ถ้าไปซื้อหลังเล็กๆที่ตอนแรกบอกพี่จะไม่ห้าม ที่1.2 ล้าน แต่ที่ไม่ซื้อเพราะอะไรหลังมันเล็กบ้านติดๆกัน ส่วนหลังนี้บ้านเดี่ยวหลังมันใหญ่มันสวยกว่า อยากได้หน้าได้ตา มีบ้านหลังใหญ่ๆมันดูโอเค ก็แล้วแต่ตัวน้องเลย พี่เงินเดือนกับแฟนรวมกัน 8 หมื่น พี่ยังไม่คิดจะกู้เลย ยอมปลูกบ้านเอาไว้ตามกำลัง แก่ไปมีเงินใช้ดีกว่า บ้านขอแค่ให้มันซุกหัวนอนก็พอแล้ว
***สุดท้าย ถ้าคิดว่าการที่ผ่อนบ้านได้บ้านอายุยังน้อยตัวเองเก่ง ตัวเองเท่ งั้นทำไปเลย แล้วจำไว้นะ เอาตัวเองให้รอด เอาให้มีกิน เอาให้มีความสามารถส่งลูกเรียนสูงๆ อยู่ให้รอดหล่ะ ตอนนี้อยากมีบ้าน มีนั้น คิดแค่ถ้าไม่อยู่ก็ขาย ขายมันจะขายได้ไหม ในเมื่อสมัยนี้บ้านผุดขี้นเยอะแยะ สวนกลับความต้องการของคนที่จะซื้อ ตอนนี้มีปต่คนเกาะงาน เกาะเงิน เซฟตัวเอง ถ้าคิดว่าทำดีแล้วก็ทำไป เกิดอะไรสุดท้ายมามาปรึกษาไม่ว่านะ แต่ขอด่าก่อน อายุแค่นี้คิดอะไรตื้นๆ ***
ป.ล. คือจริงๆน้องมันคงไม่คิดว่าเราจะมาเจอหรอกค่ะ โดยส่วนตัวไม่ค่อยเล่นโซเชียล ไม่สนใจอยู่แล้ว ขนาดเฟสยังแทบร้าง แต่พอดีจะมีเพื่อนสนิทที่เราจะเล่าทุกอย่าง เอามาให้อ่าน เราเลยคิดว่าคงใช่ เพราะจะคล้ายไปหมด บ้านแม่ ที่ทำงานน้อง