ไม่ได้ตั้งกวนโอ้ยนะครับ
แต่รู้สึกว่า ในขณะที่คนอื่นเปลี่ยนงาน ย้ายงาน ย้ายที่ทำงานใหม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
พบว่า เรายังอยู่ที่เดิม อย่างของผมอยู่ที่บริษัทปัจจุบันมาไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้วนะ
สิ่งที่เห็นตลอดเวลาที่ทำงานที่ปัจจุบันคือ มีคนพนักงานใหม่เข้ามา แล้วก็ลาออก แล้วก็มาใหม่ แล้วก็ออก
อยู่นานสุดแค่ปีเดียว แล้วก็ลาออก บางคนไม่ถึงสองเดือนก็ออก
ผมกล้าพูดเลยนะว่าบริษัทผม ดูแลพนักงานทุกๆคนดีมาก เจ้านายไม่ได้เป็นคนบ้าขนาดที่จะไม่ฟังเหตุผลของใคร
ก็เป็นความโชคดีของพนักงานทุกๆคนที่นายดี ทุกคนก็พร้อมทำงานให้อย่างไม่คิดเล็กคิดน้อย
ทำงานเกินก็จ่ายโอที จ่ายตามจริง บางทีใครลางานเกินกำหนด เจ้านายก็ไม่ได้หักเงินอะไร แค่พูดให้เกรงใจบริษัทอะไรก็ว่ากันไป
ซึ่งพอ... ผมในฐานะที่เรียกได้ว่า ก็เป็นคนเก่าแก่ของบริษัท ออกมายืนมองภาพรวม
ผมก็ว่าบริษัทไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก มีข้อดีหลายๆอย่าง สวัสดิการดี หยุดตามกฎหมาย ลาพักร้อน เที่ยวประจำปี กินเลี้ยงประจำปี แต่ว่า 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้กินเลี้ยงอะไรเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดอย่างที่เราเจอกันอยู่ ที่ยังไม่มีแววจะจบสิ้นเมื่อไหร่
ผมเลยคิดว่า คนเขามีทางเลือกมากกว่าเรา เขาเก่ง เขาเลยไม่ลังเลที่จะลาออกจากงาน
เขายึดความสุข ในการทำงาน มากกว่าการที่จะมีเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายมากกว่า
พอพูดถึงตรงนี้ ผมคิดว่า บางทีความจำเป็นของคนไม่เท่ากัน ทุกคนเลือกได้
แต่สำหรับตัวผม ผมเลือกที่จะยอมเป็นพนักงานกินเงินเดือน อดออมเอา เพื่อพอปลดเกษียณ จะได้พอมีเงินเลี้ยงตัวเองได้
แถมตอนนี้เริ่มที่จะลองทำอะไรสักอย่าง เป็นอาชีพเสริม (ของกิน) ลองทำกินเองในวันหยุด และให้เพื่อนข้างๆบ้าน ชิม ให้เพื่อนชิม
ผมเริ่มมองเห็นอนาคตตัวเอง แล้วว่า เราต้องไม่ลำบากตอนแก่เด็ดขาด
ทุกวันนี้ผมไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มเหล้า (มีบางครั้งตอนวันเกิดเพื่อน กินพอเป็นพิธีเพื่อเข้าสังคม)
ทำงาน เลิกงานก็เวท ออกกำลังกาย คุมอาหาร คุมน้ำหนัก เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม ยกเว้นงานด่วน นั่งทำงานถึงเที่ยงคืนก็มี
แต่น้อยมากๆๆๆๆ คือแบบ น้อยจริงๆครับ
ตั้งแต่ผมทำงานที่บริษัทปัจจุบันมา วันที่ต้องทำงานดึกๆ ปีนึงจะหนักแบบนี้แค่ 1-2 วันเท่านั้น
ส่วนใหญ่เป็นงานแก้ระบบภายใน ที่มันเสียหายและเออเร่อ เพราะผมทำแก้คนเดียว ลืมบอก ผมตำแหน่งโปรแกรมเมอร์คนเดียวในบริษัท
คิดอะไรไม่บอกก็ไม่รู้จะถามใคร แต่ก็ผ่านมาด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอด จนเจ้านายไม่หาพนักงานมาช่วยแล้วเพราะผมผิดเองที่ไม่ร้องขอ คือมากี่คนก็อยู่ไม่นาน ก็มีเหตุต้องลาออกกันไป ผมก็เลยเบื่อที่จะฝากความหวังไว้กับคนอื่น ฮ่าๆ
ช่วงนี้ก็เรื่อยๆครับ ทำงาน ชินแล้ว
ทำงานที่บ้านตั้งแต่โควิดระบาดมา 2 ปีกว่า มันให้ความรู้สึกว่าเรายังมีไฟในการทำงาน ยังอยากเรียนรู้ในสายงานอยู่ตลอด
แต่ถ้าถามว่า ทำไมยังไม่ลาออกไปเป็นนายตัวเอง ไปเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ
ผมมองว่า ตัวผมตอนนี้ยังไม่พร้อม และยังสนุกกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนในสายงานเฉพาะอยู่
เงินเดือนก็คงที่ ไม่เคยถูกลดเงินเดือนแม้แต่สตางค์เดียว แค่นี้ก็ถือว่าผมยังรักในความปลอดภัยและมั่นคงนี้อยู่ อย่างน้อยไม่ต้องกังวลว่าเดือนนี้จะหาเงินจากไหนจ่ายใช้กินครับ
ลูกจ้าง มนุษย์เงินเดือน ไม่เหมาะกับทุกคน
เจ้าของกิจการ ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนเช่นกัน
ตอนนี้เพื่อนๆเป็นอย่างไรกันบ้างครับ
บริษัทที่เพื่อนๆทำงานอยู่นี้เป็นเหมือนของผมมั้ย ตั้งแต่เข้ามาทำงานมีแต่คนเข้าคนออกไปหลายชุดมาก แต่เรายังอยู่ไม่ไปไหน
แต่รู้สึกว่า ในขณะที่คนอื่นเปลี่ยนงาน ย้ายงาน ย้ายที่ทำงานใหม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
พบว่า เรายังอยู่ที่เดิม อย่างของผมอยู่ที่บริษัทปัจจุบันมาไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้วนะ
สิ่งที่เห็นตลอดเวลาที่ทำงานที่ปัจจุบันคือ มีคนพนักงานใหม่เข้ามา แล้วก็ลาออก แล้วก็มาใหม่ แล้วก็ออก
อยู่นานสุดแค่ปีเดียว แล้วก็ลาออก บางคนไม่ถึงสองเดือนก็ออก
ผมกล้าพูดเลยนะว่าบริษัทผม ดูแลพนักงานทุกๆคนดีมาก เจ้านายไม่ได้เป็นคนบ้าขนาดที่จะไม่ฟังเหตุผลของใคร
ก็เป็นความโชคดีของพนักงานทุกๆคนที่นายดี ทุกคนก็พร้อมทำงานให้อย่างไม่คิดเล็กคิดน้อย
ทำงานเกินก็จ่ายโอที จ่ายตามจริง บางทีใครลางานเกินกำหนด เจ้านายก็ไม่ได้หักเงินอะไร แค่พูดให้เกรงใจบริษัทอะไรก็ว่ากันไป
ซึ่งพอ... ผมในฐานะที่เรียกได้ว่า ก็เป็นคนเก่าแก่ของบริษัท ออกมายืนมองภาพรวม
ผมก็ว่าบริษัทไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก มีข้อดีหลายๆอย่าง สวัสดิการดี หยุดตามกฎหมาย ลาพักร้อน เที่ยวประจำปี กินเลี้ยงประจำปี แต่ว่า 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้กินเลี้ยงอะไรเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดอย่างที่เราเจอกันอยู่ ที่ยังไม่มีแววจะจบสิ้นเมื่อไหร่
ผมเลยคิดว่า คนเขามีทางเลือกมากกว่าเรา เขาเก่ง เขาเลยไม่ลังเลที่จะลาออกจากงาน
เขายึดความสุข ในการทำงาน มากกว่าการที่จะมีเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายมากกว่า
พอพูดถึงตรงนี้ ผมคิดว่า บางทีความจำเป็นของคนไม่เท่ากัน ทุกคนเลือกได้
แต่สำหรับตัวผม ผมเลือกที่จะยอมเป็นพนักงานกินเงินเดือน อดออมเอา เพื่อพอปลดเกษียณ จะได้พอมีเงินเลี้ยงตัวเองได้
แถมตอนนี้เริ่มที่จะลองทำอะไรสักอย่าง เป็นอาชีพเสริม (ของกิน) ลองทำกินเองในวันหยุด และให้เพื่อนข้างๆบ้าน ชิม ให้เพื่อนชิม
ผมเริ่มมองเห็นอนาคตตัวเอง แล้วว่า เราต้องไม่ลำบากตอนแก่เด็ดขาด
ทุกวันนี้ผมไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มเหล้า (มีบางครั้งตอนวันเกิดเพื่อน กินพอเป็นพิธีเพื่อเข้าสังคม)
ทำงาน เลิกงานก็เวท ออกกำลังกาย คุมอาหาร คุมน้ำหนัก เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม ยกเว้นงานด่วน นั่งทำงานถึงเที่ยงคืนก็มี
แต่น้อยมากๆๆๆๆ คือแบบ น้อยจริงๆครับ
ตั้งแต่ผมทำงานที่บริษัทปัจจุบันมา วันที่ต้องทำงานดึกๆ ปีนึงจะหนักแบบนี้แค่ 1-2 วันเท่านั้น
ส่วนใหญ่เป็นงานแก้ระบบภายใน ที่มันเสียหายและเออเร่อ เพราะผมทำแก้คนเดียว ลืมบอก ผมตำแหน่งโปรแกรมเมอร์คนเดียวในบริษัท
คิดอะไรไม่บอกก็ไม่รู้จะถามใคร แต่ก็ผ่านมาด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอด จนเจ้านายไม่หาพนักงานมาช่วยแล้วเพราะผมผิดเองที่ไม่ร้องขอ คือมากี่คนก็อยู่ไม่นาน ก็มีเหตุต้องลาออกกันไป ผมก็เลยเบื่อที่จะฝากความหวังไว้กับคนอื่น ฮ่าๆ
ช่วงนี้ก็เรื่อยๆครับ ทำงาน ชินแล้ว
ทำงานที่บ้านตั้งแต่โควิดระบาดมา 2 ปีกว่า มันให้ความรู้สึกว่าเรายังมีไฟในการทำงาน ยังอยากเรียนรู้ในสายงานอยู่ตลอด
แต่ถ้าถามว่า ทำไมยังไม่ลาออกไปเป็นนายตัวเอง ไปเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ
ผมมองว่า ตัวผมตอนนี้ยังไม่พร้อม และยังสนุกกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนในสายงานเฉพาะอยู่
เงินเดือนก็คงที่ ไม่เคยถูกลดเงินเดือนแม้แต่สตางค์เดียว แค่นี้ก็ถือว่าผมยังรักในความปลอดภัยและมั่นคงนี้อยู่ อย่างน้อยไม่ต้องกังวลว่าเดือนนี้จะหาเงินจากไหนจ่ายใช้กินครับ
ลูกจ้าง มนุษย์เงินเดือน ไม่เหมาะกับทุกคน
เจ้าของกิจการ ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนเช่นกัน
ตอนนี้เพื่อนๆเป็นอย่างไรกันบ้างครับ