ลดลง! โควิดวันนี้ ดับ53ศพ ป่วยใหม่กว่า6พัน เข้าข่าย ATK 3.4พัน
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_7040906
ศบค. รายงานสถานการณ์ โควิดวันนี้ พบผู้ป่วยใหม่ลดลงต่อเนื่อง ปอดอักเสบกว่า 1.4 พันราย เสียชีวิตเพิ่ม 53 ราย เผย ติดเชื้อเข้าข่าย ATK 3,424 ราย
วันที่ 10 พ.ค.2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ว่า เบื้องต้นมีผู้ป่วยใหม่ 6,230 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 6,226 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,114,133 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 11,132 ราย หายป่วยสะสม 2,059,876 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) เสียชีวิตเพิ่ม 53 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 80,002 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,481 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 19 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 18.5 ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ATK จำนวน 3,424 ราย และผู้ป่วยใช้ท่อช่วยหายใจ 715 ราย
“พรายพล” ห่วงเงินเฟ้อฉุดศก.ไทยโตไม่ถึง 3 %
https://www.innnews.co.th/news/news_336396/
“พรายพล” นักวิชาการอิสระ ห่วงเงินเฟ้อเร่งตัวฉุดเศรษฐกิจไทยโตไม่ถึง 3%หวังส่งออกท่องเที่ยวดี
นาย
พรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ เปิดเผยกับทางสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ปัญหาอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว ในขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากส่งผลกระทบทั่วโลกจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบไม่แตกต่างจากชาติอื่นๆ
ทั่วโลกที่ต้องมีการนำเข้าทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ในราคาที่สูงขึ้นจากปัญหาภาวะสงคราม ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น นอกจากราคาน้ำมันที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น ยังมีเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวเช่นกันอาจทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงมากยิ่งขึ้นจึงถือเป็นเรื่องที่น่าจับตาและน่ากังวลในปีนี้
อย่างไรก็ตามมองว่าปัญหาดังกล่าวนั้นเห็นใจรัฐบาลเพราะถือเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากเหนือการควบคุมทางนี้คงหวังว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่จะกลับมาหนุนเศรษฐกิจแต่จากปัญหาเงินเฟ้อดังกล่าวเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจขยายตัวไม่ถึงร้อยละ 3
พิษน้ำมันแพง! ขนส่งสาธารณะจ่อพาเหรดขึ้นค่าโดยสาร
https://www.dailynews.co.th/news/1033069/
ขนส่งสาธารณะจ่อพาเหรดขึ้นค่าโดยสาร! หลังเจอพิษราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง เรือโดยสารขึ้นแน่ 1 บาท “คมนาคม” นัดถก 12 พ.ค.นี้ ยันต้องวินวิน ทั้งประชาชน-ผู้ประกอบการ ขณะที่ จยย.รับจ้าง ชี้รัฐช่วย 250 บาทต่อเดือน ยังน้อย ไม่สอดคล้องกับต้นทุน คนขับสูงอายุเข้าแอพฯ ไม่สะดวก
นาย
จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะหลายรายขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนเดินรถ และแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งในวันที่ 12 พ.ค.65 สมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย และผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะที่เป็นรถร่วมบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่ยังมีรถโดยสารที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในการเดินทางจะมาเข้าพบ เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่างๆ
นาย
จิรุตม์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้น ขบ. จะหารือกับผู้ประกอบการรถโดยสารก่อน เพื่อหาแนวทางลดค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการเดินรถ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ และบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้น รวมทั้งการขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ขบ. จะเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางภายในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้พิจารณามาตรการให้การเยียวยาผู้ประกอบการต่อไป สำหรับรถโดยสารที่ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือที่เป็นรถร่วมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันมีเพียงแค่รถเมล์ ขสมก. บางส่วนที่ยังใช้น้ำมันดีเซลอยู่ส่วนรถเมล์ร่วม ขสมก. หากเป็นรถเก่าได้ปรับไปใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ขณะที่รถเมล์ใหม่เปลี่ยนมาใช้รถเมล์ไฟฟ้าให้บริการแทนแล้ว
ด้านนาย
สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า วันที่ 12 พ.ค.นี้ กระทรวงคมนาคม จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เช่น บขส. ขสมก. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป ทั้งนี้ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อ บขส. รัฐบาลควรเข้ามาช่วยเหลือดูแล และสนับสนุน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการรถโดยสารในช่วงที่ปล่อยให้ราคาน้ำมันลอยตัว ตามความเหมาะสมที่จะกระทำได้ เช่น บัตรคูปองส่วนลดราคาน้ำมันดีเซล และเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation: PSO) เพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไป และตรึงราคาค่าโดยสารได้ มิฉะนั้นจะทำให้ผู้ประกอบการรถโดยสารเจ๊งทั้งระบบ
ขณะที่นาย
กิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก. ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเช่นเดียวกัน ปัจจุบัน ขสมก. มีรถรถเมล์ให้บริการ 2,885 คัน แบ่งเป็น รถเมล์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ประมาณ 2,000 คัน ส่วนที่เหลืออีก 885 คัน ใช้เอ็นจีวี นอกจากนี้ ขสมก. พบว่า มีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล 1,600 ล้านบาทต่อปี ขณะที่จำนวนประชาชนที่ใช้บริการวันธรรมดา 5-6 แสนคนต่อวัน ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 3-4 แสนคนต่อวัน อย่างไรก็ตามแม้ราคาน้ำมันดีเซลจะสูงขึ้น แต่ ขสมก. ยังจัดรถเมล์ให้บริการประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างจัดหารถเมล์อีวี 400 คัน ที่ใช้พลังงานสะอาดในการขับเคลื่อน อนาคตช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องเชื้อเพลิงได้
นาย
อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างพิจารณาปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเรือทุกชนิด ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา เรือโดยสารในคลองแสนแสบ และเรือข้ามฝากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการเรือโดยสาร ได้ขอปรับขึ้นค่าโดยสารมายังกรมเจ้าท่าหลายครั้ง เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับตัวสูงขึ้น แต่ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม ขอให้ผู้ประกอบการตรึงราคาไปก่อน และได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่เมื่อล่าสุดราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอีก กระทรวงคมนาคมจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง ยืนยันว่าจะพิจารณาโดยให้อยู่ได้ทั้งประชาชนผู้ใช้บริการ และผู้ประกอบการ โดยในส่วนของเรือด่วนเจ้าพระยาได้เสนอปรับขึ้นค่าโดยสารเรือ 1 บาทต่อคนต่อเที่ยว
ด้านนายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเดินเรือโดยสารคลองแสนแสบ เส้นทางวัดศรีบุญเรือง-สะพานผ่านฟ้าลีลาศ กล่าวว่า บริษัทฯ และกรมเจ้าท่า ได้เสนอขอปรับขึ้นค่าโดยสารให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่31.94 บาทอต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนในการเดินเรือเพิ่มขึ้น โดยได้ขอปรับขึ้นแบบเป็นขั้นบันได เริ่มที่ 1 บาทก่อน ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ เก็บค่าโดยสารอยู่ที่ราคา 9-19 บาทตามระยะ ขอปรับขึ้นเป็น 10-20 บาทตามระยะ และหากราคาดีเซลปรับเพิ่มขึ้นอีก บริษัทฯ จะปรับขึ้นอีก 1 บาท เป็น 11-21 บาทตามระยะ ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารจะได้ปรับขึ้นกี่บาท และเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่วันที่เท่าใด ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณา คาดว่าภายในสัปดาห์นี้กระทรวงคมนาคมจะได้ข้อสรุป ซึ่งจะรีบประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบทันที
ขณะที่นาย
เฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย (สจท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะรับจ้าง ที่มีใบอนุญาตขับรถ จยย. สาธารณะจาก ขบ. 106,655 คน โดยได้รับสิทธิช่วยเหลือค่าน้ำมันไม่เกิน 50 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 250 บาทต่อคนต่อเดือน รวม 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.-ก.ค.65 นั้น เป็นสิ่งที่ดี ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงน้ำมันแพง แต่ถือว่ายังน้อย และไม่สอดคล้องกับต้นทุนในการเดินรถ อีกทั้งมีผู้ขับขี่ จยย. หลายรายไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะบางส่วนไม่ทราบว่ามีโครงการนี้ และมีการดำเนินการที่ยุ่งยาก ต้องใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งผู้ขับขี่ จยย. หลายคนมีอายุมากแล้ว จึงไม่สะดวก
นาย
เฉลิม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้ขับขี่รถ จยย. มีค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันเบนซินเฉลี่ยที่ 150-170 บาทต่อคันต่อวัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเที่ยววิ่งให้บริการ หากให้บริการจำนวนมาก รถจะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่ปรับขึ้นราคาเบนซินช่วงเดือน เม.ย.65 มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 100-120 บาทต่อคันต่อวัน ดังนั้นการที่รัฐช่วยเหลือ 250 บาทต่อคนต่อเดือน ถือว่าได้รับการช่วยเหลือค่าน้ำมันประมาณ 8 บาทต่อคนต่อวันเท่านั้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ 50 เขต มีผู้ขับขี่รถ จยย. ประมาณ 9 หมื่นกว่าคันจากจำนวนรถ จยย. ที่มีอยู่ในระบบประมาณ 1.3 แสนกว่าคัน มีรายได้ประมาณ 300-400 บาทต่อคันต่อวัน ขณะที่ก่อนเกิดโควิด-19 มีรายได้อยู่ที่ 700-800 บาทต่อคันต่อวัน
JJNY : ดับ53ศพ ป่วยใหม่กว่า6พัน│“พรายพล”ห่วงเงินเฟ้อ│ขนส่งสาธารณะจ่อพาเหรดขึ้นค่าโดยสาร│ชลน่านมองยุบสภาที่อาจขวางกม.ลูก
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_7040906
ศบค. รายงานสถานการณ์ โควิดวันนี้ พบผู้ป่วยใหม่ลดลงต่อเนื่อง ปอดอักเสบกว่า 1.4 พันราย เสียชีวิตเพิ่ม 53 ราย เผย ติดเชื้อเข้าข่าย ATK 3,424 ราย
วันที่ 10 พ.ค.2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ว่า เบื้องต้นมีผู้ป่วยใหม่ 6,230 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 6,226 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,114,133 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 11,132 ราย หายป่วยสะสม 2,059,876 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) เสียชีวิตเพิ่ม 53 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 80,002 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,481 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 19 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 18.5 ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ATK จำนวน 3,424 ราย และผู้ป่วยใช้ท่อช่วยหายใจ 715 ราย
“พรายพล” ห่วงเงินเฟ้อฉุดศก.ไทยโตไม่ถึง 3 %
https://www.innnews.co.th/news/news_336396/
“พรายพล” นักวิชาการอิสระ ห่วงเงินเฟ้อเร่งตัวฉุดเศรษฐกิจไทยโตไม่ถึง 3%หวังส่งออกท่องเที่ยวดี
นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ เปิดเผยกับทางสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ปัญหาอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว ในขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากส่งผลกระทบทั่วโลกจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบไม่แตกต่างจากชาติอื่นๆ
ทั่วโลกที่ต้องมีการนำเข้าทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ในราคาที่สูงขึ้นจากปัญหาภาวะสงคราม ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น นอกจากราคาน้ำมันที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น ยังมีเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวเช่นกันอาจทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงมากยิ่งขึ้นจึงถือเป็นเรื่องที่น่าจับตาและน่ากังวลในปีนี้
อย่างไรก็ตามมองว่าปัญหาดังกล่าวนั้นเห็นใจรัฐบาลเพราะถือเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากเหนือการควบคุมทางนี้คงหวังว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่จะกลับมาหนุนเศรษฐกิจแต่จากปัญหาเงินเฟ้อดังกล่าวเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจขยายตัวไม่ถึงร้อยละ 3
พิษน้ำมันแพง! ขนส่งสาธารณะจ่อพาเหรดขึ้นค่าโดยสาร
https://www.dailynews.co.th/news/1033069/
ขนส่งสาธารณะจ่อพาเหรดขึ้นค่าโดยสาร! หลังเจอพิษราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง เรือโดยสารขึ้นแน่ 1 บาท “คมนาคม” นัดถก 12 พ.ค.นี้ ยันต้องวินวิน ทั้งประชาชน-ผู้ประกอบการ ขณะที่ จยย.รับจ้าง ชี้รัฐช่วย 250 บาทต่อเดือน ยังน้อย ไม่สอดคล้องกับต้นทุน คนขับสูงอายุเข้าแอพฯ ไม่สะดวก
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะหลายรายขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนเดินรถ และแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งในวันที่ 12 พ.ค.65 สมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย และผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะที่เป็นรถร่วมบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่ยังมีรถโดยสารที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในการเดินทางจะมาเข้าพบ เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่างๆ
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้น ขบ. จะหารือกับผู้ประกอบการรถโดยสารก่อน เพื่อหาแนวทางลดค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการเดินรถ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ และบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้น รวมทั้งการขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ขบ. จะเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางภายในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้พิจารณามาตรการให้การเยียวยาผู้ประกอบการต่อไป สำหรับรถโดยสารที่ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือที่เป็นรถร่วมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันมีเพียงแค่รถเมล์ ขสมก. บางส่วนที่ยังใช้น้ำมันดีเซลอยู่ส่วนรถเมล์ร่วม ขสมก. หากเป็นรถเก่าได้ปรับไปใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ขณะที่รถเมล์ใหม่เปลี่ยนมาใช้รถเมล์ไฟฟ้าให้บริการแทนแล้ว
ด้านนายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า วันที่ 12 พ.ค.นี้ กระทรวงคมนาคม จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เช่น บขส. ขสมก. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป ทั้งนี้ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อ บขส. รัฐบาลควรเข้ามาช่วยเหลือดูแล และสนับสนุน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการรถโดยสารในช่วงที่ปล่อยให้ราคาน้ำมันลอยตัว ตามความเหมาะสมที่จะกระทำได้ เช่น บัตรคูปองส่วนลดราคาน้ำมันดีเซล และเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation: PSO) เพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไป และตรึงราคาค่าโดยสารได้ มิฉะนั้นจะทำให้ผู้ประกอบการรถโดยสารเจ๊งทั้งระบบ
ขณะที่นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก. ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเช่นเดียวกัน ปัจจุบัน ขสมก. มีรถรถเมล์ให้บริการ 2,885 คัน แบ่งเป็น รถเมล์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ประมาณ 2,000 คัน ส่วนที่เหลืออีก 885 คัน ใช้เอ็นจีวี นอกจากนี้ ขสมก. พบว่า มีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล 1,600 ล้านบาทต่อปี ขณะที่จำนวนประชาชนที่ใช้บริการวันธรรมดา 5-6 แสนคนต่อวัน ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 3-4 แสนคนต่อวัน อย่างไรก็ตามแม้ราคาน้ำมันดีเซลจะสูงขึ้น แต่ ขสมก. ยังจัดรถเมล์ให้บริการประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างจัดหารถเมล์อีวี 400 คัน ที่ใช้พลังงานสะอาดในการขับเคลื่อน อนาคตช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องเชื้อเพลิงได้
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างพิจารณาปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเรือทุกชนิด ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา เรือโดยสารในคลองแสนแสบ และเรือข้ามฝากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการเรือโดยสาร ได้ขอปรับขึ้นค่าโดยสารมายังกรมเจ้าท่าหลายครั้ง เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับตัวสูงขึ้น แต่ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม ขอให้ผู้ประกอบการตรึงราคาไปก่อน และได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่เมื่อล่าสุดราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอีก กระทรวงคมนาคมจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง ยืนยันว่าจะพิจารณาโดยให้อยู่ได้ทั้งประชาชนผู้ใช้บริการ และผู้ประกอบการ โดยในส่วนของเรือด่วนเจ้าพระยาได้เสนอปรับขึ้นค่าโดยสารเรือ 1 บาทต่อคนต่อเที่ยว
ด้านนายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเดินเรือโดยสารคลองแสนแสบ เส้นทางวัดศรีบุญเรือง-สะพานผ่านฟ้าลีลาศ กล่าวว่า บริษัทฯ และกรมเจ้าท่า ได้เสนอขอปรับขึ้นค่าโดยสารให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่31.94 บาทอต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนในการเดินเรือเพิ่มขึ้น โดยได้ขอปรับขึ้นแบบเป็นขั้นบันได เริ่มที่ 1 บาทก่อน ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ เก็บค่าโดยสารอยู่ที่ราคา 9-19 บาทตามระยะ ขอปรับขึ้นเป็น 10-20 บาทตามระยะ และหากราคาดีเซลปรับเพิ่มขึ้นอีก บริษัทฯ จะปรับขึ้นอีก 1 บาท เป็น 11-21 บาทตามระยะ ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารจะได้ปรับขึ้นกี่บาท และเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่วันที่เท่าใด ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณา คาดว่าภายในสัปดาห์นี้กระทรวงคมนาคมจะได้ข้อสรุป ซึ่งจะรีบประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบทันที
ขณะที่นายเฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย (สจท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะรับจ้าง ที่มีใบอนุญาตขับรถ จยย. สาธารณะจาก ขบ. 106,655 คน โดยได้รับสิทธิช่วยเหลือค่าน้ำมันไม่เกิน 50 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 250 บาทต่อคนต่อเดือน รวม 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.-ก.ค.65 นั้น เป็นสิ่งที่ดี ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงน้ำมันแพง แต่ถือว่ายังน้อย และไม่สอดคล้องกับต้นทุนในการเดินรถ อีกทั้งมีผู้ขับขี่ จยย. หลายรายไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะบางส่วนไม่ทราบว่ามีโครงการนี้ และมีการดำเนินการที่ยุ่งยาก ต้องใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งผู้ขับขี่ จยย. หลายคนมีอายุมากแล้ว จึงไม่สะดวก
นายเฉลิม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้ขับขี่รถ จยย. มีค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันเบนซินเฉลี่ยที่ 150-170 บาทต่อคันต่อวัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเที่ยววิ่งให้บริการ หากให้บริการจำนวนมาก รถจะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่ปรับขึ้นราคาเบนซินช่วงเดือน เม.ย.65 มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 100-120 บาทต่อคันต่อวัน ดังนั้นการที่รัฐช่วยเหลือ 250 บาทต่อคนต่อเดือน ถือว่าได้รับการช่วยเหลือค่าน้ำมันประมาณ 8 บาทต่อคนต่อวันเท่านั้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ 50 เขต มีผู้ขับขี่รถ จยย. ประมาณ 9 หมื่นกว่าคันจากจำนวนรถ จยย. ที่มีอยู่ในระบบประมาณ 1.3 แสนกว่าคัน มีรายได้ประมาณ 300-400 บาทต่อคันต่อวัน ขณะที่ก่อนเกิดโควิด-19 มีรายได้อยู่ที่ 700-800 บาทต่อคันต่อวัน