ข่าวดี
สั่งลดค่าโดยสารรถทัวร์ ชาวบ้านเฮ ประจิน สั่ง รถทัวร์ลดค่าโดยสารกม.ละ 2-3 สต.มีผล 20 ส.ค.นี้ “
สั่งลดค่าโดยสารรถทัวร์ | เดลินิวส์
„ที่กรมการขนส่งทางบก พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดอัตราค่าโดยสารสาธารณะที่ใช้น้ำมันดีเซล เป็นเชื้อเพลิงแล้ว โดยจะลดค่าโดยสารรถของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ทั้งรถบขส. รถร่วมบขส. รถตู้บขส. และรถตู้ร่วม บขส.ลง กม.ละ 2-3 สตางค์ หลังจากราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนถึง 35-40% ปรับลดลงจากลิตรละ 29 บาท เหลือลิตรละ 22.89 บาท จากนี้จะนำข้อมูลเสนอให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ให้ความเห็นชอบในการประชุมวันที่ 13 ส.ค. นี้ และจะปรับลดค่าโดยสารเป็นทางการวันที่ 20 ส.ค.เป็นต้นไป ส่วนรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ทั้งรถ ขสมก.และรถร่วม ขสมก.นั้น จากการพิจารณาพบว่ารถ ขสมก. ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล แต่ รถร่วมขสมก.ส่วนใหญ่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซเอ็นจีวี ดังนั้นจะต้องกลับไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่าจะปรับลดส่วนใดได้บ้างใน อัตราเท่าไร โดยให้นำข้อสรุปมาเสนอโดยเร็วเพื่อพิจารณาลดค่าโดยสารในรอบต่อไป แต่การปรับลดค่าโดยสารครั้งนี้กระทรวงจะมุ่งเน้นปรับลดราคาเฉพาะระบบขนส่ง ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลเท่านั้น “กระทรวงฯ ได้ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานว่า ปริมาณพลังงานจะมีเพียงพอให้บริการขนส่งสาธารณะของในประเทศอย่างต่อเนื่องและราคาคงไม่สูงไปกว่านี้ หากการซื้อหรือขายในตลาดต่างประเทศ ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงตัดสินใจปรับลดค่าโดยสาร โดยใช้ราคาน้ำมันขณะนี้ เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาค่าโดยสารใหม่ที่จะใช้ช่วงเดือนส.ค.-ธ.ค.นี้” ส่วนกรณีกระทรวงพลังงานเตรียมปล่อยลอยตัวก๊าซเอ็นจีช่วงเดือน ต.ค.นี้ หากลอยตัวเอ็นจีวีจริง จะกระทบต่อรถโดยสารสาธารณะบางส่วนแน่นอน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และอาจต้องหารือกับ รมว.พลังงานอีกครั้งเพื่อขอมาตรการเยียวยามเพิ่มเติม เช่น ขอใช้สิทธิเอ็นจีวีราคาพิเศษสำหรับรถโดยสารสาธารณะ เพื่อตรึงค่าโดยสารสาธารณะไม่ให้ขึ้นราคาจนกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ในส่วนของรถเมล์ ขสมก. และรถร่วม ขสมก.นั้นจะยังไม่ลดราคาค่าโดยสารลง เนื่องจากเมื่อพิจารณาต้นทุนร่วมกันแล้วแล้ว พบว่า ภาพรวมต้นทุนรถเมล์จะใช้ก๊าซเอ็นจีวี กว่า 60% ซึ่งมากกว่าการใช้น้ำมันดีเซล ดังนั้นจึงจะยังไม่ลดราคาค่าโดยสาร ส่วนรถโดยสารหมวด 4 ประเภทรถสองแถว ซึ่งเป็นรถที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลัก ค่าโดยสารปัจจุบันที่ 7 บาทตลอดสาย ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการศึกษาวิเคราะห์แล้วเป็น ค่าโดยสารที่เหมาะสมกับราคาน้ำมันขณะนี้จึงไม่ต้องปรับราคา นางปราณี ศุกระศร รักษาการ ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า การปรับลดค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. ขึ้นอยู่กับนโยบายของ รมว.คมนาคม แต่ปัจจุบัน ขสมก.ก็คิดค่าโดยสารต่ำกว่าทุนอยู่แล้ว โดยต้นทุนรถเมล์ร้อน เฉลี่ยคนละ 15 บาท แต่เก็บจริง 6.50 บาท และรถเมล์ปรับอากาศต้นทุนเฉลี่ยคนละ 30 บาท แต่เก็บค่าโดยสาร 12-22 บาท หรือขาดทุนอยู่วันละ 2 ล้านบาท หรือปีละ 720 ล้านบาท ที่สำคัญที่ผ่านมาในช่วงที่รถเมล์ร่วมเอกชนขึ้นค่าโดยสาร รถเมล์ ขสมก.ก็ไม่ได้ปรับราคาขึ้นมา “ปัจจุบัน ขสมก.มีรถวิ่งให้บริการ 2,700 คัน หากลดราคาน้ำมันดีเซลลงอีก 50 สต. จะทำให้รายได้ของ ขสก.หายไปเดือนละ 6-7 ล้านบาท จากปกติที่มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 240 ล้านบาท จากปัจจุบัน ขสมก.มีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1.9 ล้านคน”“
อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/economic/340998?utm_source=twitterfeed&utm_medium=facebook
อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/economic/340998?utm_source=twitterfeed&utm_medium=facebook
ข่าวดี สั่งลดค่าโดยสาร รถทัวร์ / ชาวบ้านเฮ ประจิน สั่ง รถทัวร์ลดค่าโดยสาร กม.ละ 2-3 สต. มีผล 20 ส.ค.นี้
สั่งลดค่าโดยสารรถทัวร์ ชาวบ้านเฮ ประจิน สั่ง รถทัวร์ลดค่าโดยสารกม.ละ 2-3 สต.มีผล 20 ส.ค.นี้ “
สั่งลดค่าโดยสารรถทัวร์ | เดลินิวส์
„ที่กรมการขนส่งทางบก พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดอัตราค่าโดยสารสาธารณะที่ใช้น้ำมันดีเซล เป็นเชื้อเพลิงแล้ว โดยจะลดค่าโดยสารรถของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ทั้งรถบขส. รถร่วมบขส. รถตู้บขส. และรถตู้ร่วม บขส.ลง กม.ละ 2-3 สตางค์ หลังจากราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนถึง 35-40% ปรับลดลงจากลิตรละ 29 บาท เหลือลิตรละ 22.89 บาท จากนี้จะนำข้อมูลเสนอให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ให้ความเห็นชอบในการประชุมวันที่ 13 ส.ค. นี้ และจะปรับลดค่าโดยสารเป็นทางการวันที่ 20 ส.ค.เป็นต้นไป ส่วนรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ทั้งรถ ขสมก.และรถร่วม ขสมก.นั้น จากการพิจารณาพบว่ารถ ขสมก. ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล แต่ รถร่วมขสมก.ส่วนใหญ่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซเอ็นจีวี ดังนั้นจะต้องกลับไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่าจะปรับลดส่วนใดได้บ้างใน อัตราเท่าไร โดยให้นำข้อสรุปมาเสนอโดยเร็วเพื่อพิจารณาลดค่าโดยสารในรอบต่อไป แต่การปรับลดค่าโดยสารครั้งนี้กระทรวงจะมุ่งเน้นปรับลดราคาเฉพาะระบบขนส่ง ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลเท่านั้น “กระทรวงฯ ได้ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานว่า ปริมาณพลังงานจะมีเพียงพอให้บริการขนส่งสาธารณะของในประเทศอย่างต่อเนื่องและราคาคงไม่สูงไปกว่านี้ หากการซื้อหรือขายในตลาดต่างประเทศ ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงตัดสินใจปรับลดค่าโดยสาร โดยใช้ราคาน้ำมันขณะนี้ เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาค่าโดยสารใหม่ที่จะใช้ช่วงเดือนส.ค.-ธ.ค.นี้” ส่วนกรณีกระทรวงพลังงานเตรียมปล่อยลอยตัวก๊าซเอ็นจีช่วงเดือน ต.ค.นี้ หากลอยตัวเอ็นจีวีจริง จะกระทบต่อรถโดยสารสาธารณะบางส่วนแน่นอน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และอาจต้องหารือกับ รมว.พลังงานอีกครั้งเพื่อขอมาตรการเยียวยามเพิ่มเติม เช่น ขอใช้สิทธิเอ็นจีวีราคาพิเศษสำหรับรถโดยสารสาธารณะ เพื่อตรึงค่าโดยสารสาธารณะไม่ให้ขึ้นราคาจนกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ในส่วนของรถเมล์ ขสมก. และรถร่วม ขสมก.นั้นจะยังไม่ลดราคาค่าโดยสารลง เนื่องจากเมื่อพิจารณาต้นทุนร่วมกันแล้วแล้ว พบว่า ภาพรวมต้นทุนรถเมล์จะใช้ก๊าซเอ็นจีวี กว่า 60% ซึ่งมากกว่าการใช้น้ำมันดีเซล ดังนั้นจึงจะยังไม่ลดราคาค่าโดยสาร ส่วนรถโดยสารหมวด 4 ประเภทรถสองแถว ซึ่งเป็นรถที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลัก ค่าโดยสารปัจจุบันที่ 7 บาทตลอดสาย ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการศึกษาวิเคราะห์แล้วเป็น ค่าโดยสารที่เหมาะสมกับราคาน้ำมันขณะนี้จึงไม่ต้องปรับราคา นางปราณี ศุกระศร รักษาการ ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า การปรับลดค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. ขึ้นอยู่กับนโยบายของ รมว.คมนาคม แต่ปัจจุบัน ขสมก.ก็คิดค่าโดยสารต่ำกว่าทุนอยู่แล้ว โดยต้นทุนรถเมล์ร้อน เฉลี่ยคนละ 15 บาท แต่เก็บจริง 6.50 บาท และรถเมล์ปรับอากาศต้นทุนเฉลี่ยคนละ 30 บาท แต่เก็บค่าโดยสาร 12-22 บาท หรือขาดทุนอยู่วันละ 2 ล้านบาท หรือปีละ 720 ล้านบาท ที่สำคัญที่ผ่านมาในช่วงที่รถเมล์ร่วมเอกชนขึ้นค่าโดยสาร รถเมล์ ขสมก.ก็ไม่ได้ปรับราคาขึ้นมา “ปัจจุบัน ขสมก.มีรถวิ่งให้บริการ 2,700 คัน หากลดราคาน้ำมันดีเซลลงอีก 50 สต. จะทำให้รายได้ของ ขสก.หายไปเดือนละ 6-7 ล้านบาท จากปกติที่มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 240 ล้านบาท จากปัจจุบัน ขสมก.มีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1.9 ล้านคน”“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/economic/340998?utm_source=twitterfeed&utm_medium=facebook
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/economic/340998?utm_source=twitterfeed&utm_medium=facebook