นายกสมาคมค้าหวยฯ ฉะรัฐบาล ยิ่งแก้ยิ่งแพง ลูกค้าแฉจ่าย 400 ตร.ไม่จับ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7038050
นายกสมาคมผู้ค้าสลากคนพิการจ.เชียงใหม่ สับรัฐบาล-กองสลาก ยิ่งแก้ยิ่งแพง ควรปล่อยไปตามกลไกการตลาด ด้านลูกค้าแฉ แผงจ่าย 400 ตำรวจไม่จับ
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2565 นาย
ชาตรี ขุนอินทร์ นายกสมาคมผู้ค้าสลากคนพิการจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องการแก้ราคาหวยแพงของรัฐบาลและกองสลาก มาคราวนี้คงยากแน่ เพราะกองสลากเอาชื่อคนยากคนจน คนพิการ ตาสีตาสา และบุคคลที่มีรายได้ต่ำ ไปตัดสิทธิ์ยึดหวยเสรีหมดแล้วเอาไปให้พรรคพวกของตนเองซึ่งไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กองสลากและรัฐบาล ทำหวยออนไลน์เหมือนมังกรฟ้า กองสลากพลัส ผ่านแอพฯ เป๋าตัง ได้หรือไม่ นายชาตรี กล่าวว่า ทำได้อย่างไร ในเมื่อกองสลากเป็นต้นแบบในการออกหวย เป็นต้นสังกัดแล้วมาทำเสียเอง จะว่าผิดกฏหมายก็ไม่ผิด แต่ดูแล้วไม่ถูกต้อง
การแก้หวยราคาแพงนั้น ทางกองสลากกับรัฐบาล ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดกลไกของลอตเตอรี่ถึงจะถูก ช่วงนี้เศรษฐกิจตกต่ำคนก็หันมาขายลอตเตอรี่ แล้วรัฐบาลกับกองสลาก มาแก้เรื่องหวยแพง ยิ่งแก้หวยยิ่งแพง เหมือนกับ “
ลิงแก้แห”
“ไปบุกจับมังกรฟ้า บุกจับกองสลากพลัส และจ่อจับอีกหลายที่ เพื่อหวังจะแก้หวยแพง อีรุงตุงนังไปหมดเลยตอนนี้ ลอตเตอรี่ของรัฐบาลสมัยก่อนนั้นจัดทำขึ้นมาเพื่อให้คนยากคนจน คนเฒ่าคนแก่ ให้ทหารผ่านศึก คนที่ไม่มีอันจะกิน ได้ขาย ปัจจุบันตอนนี้ใครก็อยากจะจับลอตเตอรี่ นายทุนใหญ่ก็ลงมา เมื่อเป็นอย่างนี้รัฐบาล กองสลาก ควรปล่อยหวยราคาเป็นไปตามกลไกตลาดถึงจะถูก”
สำหรับหวยเสรีที่ทางกองสลากยึดไป 7-9 พันราย อ้างว่าเพราะนำไปขายต่อให้กับมังกรฟ้า มีบางรายที่ไม่รู้ถูกมากวาดซื้อไปจากนายทุน และกองสลากก็มาเหมาตัดสิทธิ ประชาชนมีปัญญาที่ไหน เขาไม่รู้เรื่องกฏหมาย เรื่องการต่อสู้ในชั้นศาล ยิ่งกองสลากออกโครงการขายผ่านแอพฯ เป๋าตัง ยิ่งยุ่งเหยิงไปใหญ่
ทางด้านแม่ค้าพ่อค้าขายสลาก ที่ยังคงมีสิทธิ์ เปิดเผยว่า พวกตนลองไปขอตั้งโต๊ะขายบริเวณถนนมหิดล อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นจุดรวมของพ่อค้าแม่ค้าหวยจำนวนมาก ก็ขายเกินราคาทุกแผง เมื่อเราไปตั้งขายราคา 80 บาท ก็ถูกต่อว่าถูกไล่ให้ไปขายที่อื่น ลำบากมาก หากนำหวยมาขายในราคา 80 บาท คล้ายกับว่าเป็นแกะดำ ในหมู่ผู้ค้าไปเลย
ทางด้านประชาชนผู้ซื้อหวย เปิดเผยว่า ที่ย่านในเคหะหอนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ แผงลอตเตอรี่ ใหญ่ เจ้าหนึ่ง ประทับตราคาหวย 80 บาท แต่แท้จริงแล้วขายใบละ 100 บาท สอบถามไปก็ได้คำตอบว่า เพื่อตบตากองสลาก ประทับตรา 80 บาทที่หวย แล้วถ่ายภาพลงโซเซียล ให้กองสลากดู บางเจ้าก็ติดราคาเลยไม่สนใจ หวยชุด 5 ใบ 750 บาท ใบเดียว 100 บาท
ส่วนที่ไม่ถูกจับนั้นจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าหวยที่ขายเกินราคาบอกว่า จ่ายให้กับตำรวจท้องที่แล้วแพงละ 400 บาท ต่องวด ตำรวจไม่จับ ใครที่ไม่หวังดี โทรแจ้งตำรวจให้มาจับพ่อค้าแม่ค้าขายหวยแพง เชื่อเถอะตำรวจไม่มา
ราคาน้ำมันพุ่ง กระทบรถโดยสาร ‘สามล้อ-ตู้-รถแดง’ โอด ควักเงินจ่ายเพิ่มวันละ 100-1,000 บาท
https://www.matichon.co.th/region/news_3331836
ราคาน้ำมันพุ่ง กระทบรถโดยสาร ‘สามล้อ-ตู้-รถแดง’ โอด ควักเงินจ่ายเพิ่มวันละ 100-1,000 บาท
วันที่ 8 พ.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามกลุ่มผู้ประกอบการขับรถโดยสารสาธารณะต่างๆ ในพื้นที่จ.อุทัยธานี หลังราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้านี้ราคาน้ำมันต่างๆ ซุปเปอร์พาวเวอร์ Diesel B7 อยู่ที่ราคาลิตรละ 39.61 บาท ซุปเปอร์พาวเวอร์ Gasohol 95 ราคาลิตรละ 47.59 บาท คลีนเอ็กซ์ Diesel B20 ราคาลิตรละ 32.19 บาท คลีนเอ็กซ์ Diesel B7 ราคาลิตรละ 32.19 บาท คลีนเอ็กซ์เบนซินแก๊สโซฮอล์ E85 ราคาลิตรละ 34.99 บาท คลีนเอ็กซ์เบนซินแก๊สโซฮอล์ E20 ราคาลิตรละ 40.99 บาท คลีนเอ็กซ์เบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ราคาลิตรละ 41.83 บาท คลีนเอ็กซ์ เบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 42.10 บาท และคลีนเอ็กซ์เบนซิน อยู่ที่ราคาลิตรละ 49.51 บาท
ส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการขับรถโดยสารสาธารณะ ทั้งรถสองแถว รถสามล้อ และรถตู้โดยสารประจำทาง ต่างได้รับผลกระทบแบกรับต้นทุนค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ยังคงต้องตรึงราคา ค่าโดยสารกันไว้เท่าเดิม เพื่อลดผลกระทบการใช้บริการที่อาจจะตามมา
โดยนายประเทือง ช้อยบัวงาม อายุ 60 ปี คนขับรถสองแถวสายอุทัยธานี – หนองฉาง เล่าว่า ช่วงนี้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงเก็บค่าโดยสารลูกค้าที่คนละ 25 บาท เท่าเดิม บางเที่ยวก็มีลูกค้า 2 คนบ้าง เต็มคันบ้าง ก็ต้องพยายามถัวเฉลี่ยกันไป สถานการณ์ตอนนี้เน้นอาศัยได้เงินเพิ่มมาตรงที่ของฝาก หากไม่ได้ค่าของฝากก็จะหยุดวิ่งไวกว่าปกติเพราะสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว
ตอนนี้ค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายอย่างน้อยอยู่ที่ 2 วัน 500 บาท เฉลี่ยเติมวันละ 200 บ้าง 300 บ้าง เพราะถ้าเติมทีเดียวก็จะไม่เหลือเงินไปซื้อกับข้าวกินเลย ซึ่งถ้าเทียบกับระยะทางอุทัยธานี – หนองฉาง แล้วไปกลับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 44 กิโลเมตร ถือว่าแบกรับภาระค่าน้ำมันที่ค่อนข้างมากพอสมควร ไหวไม่ไหวก็ยังต้องทนวิ่งไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะยังดีกว่าต้องไปเป็นลูกจ้างเขาเพราะอายุเยอะ ทำงานหนักไม่ไหวแล้ว ตอนนี้อาศัยแค่ยืดเวลาจากปกติจะต้องตัดรอบออกเที่ยวทุกๆ 30 นาที ช่วงเช้าออกรถทุกๆ 15 นาที ช่วงนี้หากยังไม่มีรถมาสลับเที่ยวก็จะพยายามร่นเวลาออกไปอีกหน่อย เพื่อให้ได้ยอดคนนั่งเพิ่มขึ้น ถ้าช่วงเปิดเทอมก็จะอาศัยได้เงินเพิ่มจากเด็กนักเรียน คนละ 5 บาท พอได้ค่ากับข้าวก่อนเลิกเที่ยวกลับบ้าน
“ตอนนี้คิดแค่วันต่อวันเท่านั้น ไม่อยากไปรวมกับค่าภาษี ค่าซ่อมบำรุงต่างๆ อีก เพราะบางวันก็ได้ บางวันก็ไม่ได้ มันเหมือนน้ำซึมบ่อทราย” นาย
ประเทือง กล่าว
นาย
วันเพ็ง โกฎเกตุ อายุ 57 ปี คนขับรถสามล้อ สกายแล็ป เล่าว่า ตอนนี้แบกรับต้นทุนค่าน้ำมันค่อนข้างหนักเช่นกัน แม้ทางภาครัฐจะมีการช่วยค่าน้ำมันผ่านการลงทะเบียนแต่ตนนั้นทำไม่เป็น เลยต้องรอให้ทางขนส่งดำเนินการให้ ตอนนี้ต้องจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิมปกติเติมน้ำมัน 100 บาท ตอนนี้ต้องเติม 200 บาท เมื่อก่อนน้ำมันแค่ลิตรละ 20 กว่าบาท แต่ตอนนี้น้ำมันราคาลิตรละ 42 บาทไปแล้ว
ซึ่งก็ต้องอดทนไปก่อน ยังคงเก็บค่าบริการลูกค้าเท่าเดิม เพราะเห็นใจผู้โดยสารก็ต้องมีภาระรายจ่ายเพิ่มเหมือนกัน ส่วนเราก็มีภาระเหมือนกันแต่ก็ต้องทนไปก่อน ซึ่งก็อยากให้ทางรัฐบาลช่วยเรื่องสวัสดิการค่าน้ำมันตรงนี้ เพราะเราแบกรับค่าน้ำมันจะไม่ไหว เราก็มีรายจ่ายให้ลูกเมีย ให้ค่าเช่าบ้าน ค่ากินใช้ต่างๆ และมาบวกค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก รายได้มันก็ลดลงไปอีกด้วย
ด้านนาย
เวสสุวรรณ ยิ้มเจริญ นายท่าขนส่ง บขส.อุทัยธานี เล่าว่า ตอนนี้ทางรถตู้ที่สถานียังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสารด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องรอดูคำสั่งจากทางขนส่งว่าจะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่ เพราะเราทำอะไรไม่ได้ ต้องรอทางขนส่งแจ้งอย่างเดียว ซึ่งหากเป็นได้ถ้าราคาน้ำมันยังคงอยู่ที่ราคานี้ ก็อยากให้มีการปรับราคาขึ้นให้เราอีกสักนิดเพื่อให้ได้ค่าน้ำมัน เพราะเศรษฐกิจอย่างนี้คนก็เดือดร้อนกันเยอะมาก และช่วงนี้คนก็เงียบมาก จะเน้นปล่อยรถแค่เต็มคัน เพราะถ้าให้ปล่อยเป็นเวลาเหมือนเดิมก็ไม่ไหว ถ้าปล่อยแบบเต็มคัน ก็ยังพอไปได้ เพราะตอนนี้ต้องจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอีกเที่ยวละ 100 บาท ไปกลับก็ 200 บาท รวมแล้วจากเติมน้ำมันรอบละ 600 กว่าบาท ตอนนี้เป็น 900 บาท แล้ว รวมแล้วถ้า 1 วัน วิ่ง 6 รอบ ก็ต้องจ่ายเพิ่มไปอีกวันละ 1,000 กว่าบาท
WHO จับตาโอมิครอน 3 สายพันธุ์ย่อย ติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงเหมือน เดลตา
https://www.amarintv.com/news/detail/133275
องค์การอนามัยโลก (WHO) จับตา โอมิครอน 3 สายพันธุ์ย่อย อาจติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมทำให้ปอดอักเสบเหมือน เดลตา
วันนี้ (8 พ.ค.65) เพจศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อมูลประกาศการเฝ้าระวัง เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย ซึ่งเป็นสายพันที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กระกาศเฝ้าระวัง โดยระบุว่า การกลายพันธุ์บนสายจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 บริเวณยีนที่สร้างหนาม (Spike gene) ณ. ตำแหน่ง “452” อาจเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ “โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, และ BA.2.12.1” มีความสามารถที่จะแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น (high transmissibility) อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อผนังเซลล์(ปอด)จากหลายเซลล์เข้ามาเป็นเซลล์เดียว (multinucleated syncytial pneumocytes) ก่อให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อปอดได้เช่นเดียวกับการติดเชื้อสายพันธุ์ “เดลตา” ที่ระบาดในอดีต
จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจีโนมพบการเปลี่ยนแปลงบริเวณส่วนหนามตำแหน่งที่ "452” จากกรดอะมิโน "ลิวซีน (L)” เปลี่ยนมาเป็น "อาร์จีนีน (R)” หรือ "กลูตามีน (Q)” (ภาพ 1) ทำให้ส่วนหนามมีคุณสมบัติที่สามารถเชื่อมต่อผนังเซลล์ที่อยู่ใกล้เคียง หลอมรวมเป็นเซลล์เดียว (cell fusion หรือ syncytia formation) ส่งผลให้ไวรัสสามารถแพร่ไประหว่างเซลล์ต่อเซลล์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องออกมานอกเซลล์ที่สุ่มเสี่ยงถูกจับและทำลายด้วยแอนติบอดีที่ถูกสร้างในร่างกายผู้เคยติดเชื้อตามธรรมชาติและจากการฉีดวัคซีน บรรดาเซลล์ปอดติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่หลอมหลวมรวมเป็นเซลล์เดียว(infected multinucleated syncytial pneumocytes) จะเป็นเซลล์ขนาดใหญ่ภายในเซลล์มีหลายนิวเคลียส ดีเอ็นเอภายในเซลล์ดังกล่าวถูกทำลายแตกหัก ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ติดเชื้อมองเป็นสิ่งแปลกปลอมและเข้ามาทำลายเซลล์ที่มีหลายนิวเคลียส(syncytial pneumocytes) เหล่านั้น เกิดการอักเสบลุกลามเกิดเป็นปอดบวมอันอาจทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้
สายพันธุ์ “เดลตา” มีการกลายพันธุ์ของหนามเป็น “R452” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบแดง) ก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง (high pathogenicity) อันเนื่องมาจากเกิดอาการปอดอักเสบจากการหลอมหลวมของเซลล์ติดเชื้อหลายเซลล์เข้ามาหลอมรวมเป็นเซลล์เดียวกัน (syncytial pneumocytes)
ตรงกันข้ามกับสายพันธุ์โอไมครอนดั้งเดิม (B.1.1529) เช่น BA.1, BA.1.1 และ BA.2 ไม่มีการกลายพันธุ์ กรดอะมิโนยังคงเป็น “L452” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบเขียว) ซึ่งสอดคล้องกับอาการทางคลินิกของโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมที่อาการไม่รุนแรง สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่เกิด syncytial pneumocytes ในเซลล์ปอดที่ติดเชื้อ
แต่ที่น่ากังวลคือทั้งไวรัส “BA.4” และ “BA.5” ที่ WHO ประกาศให้เฝ้าระวังเพราะกำลังมีการระบาดในประเทศแอฟริกาใต้กลับมีการกลายพันธุ์เป็น R452 (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบฟ้า) ส่วนไวรัส BA.2.12.1 ที่ระบาดในสหรัฐอเมริกาก็มีการกลายพันธุ์เป็น “Q452” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบเหลือง) กลับไปเหมือนกับสายพันธุ์ “เดลตา” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบแดง) คือสามารถก่อให้เกิดเซลล์ติดเชื้อหลายเซลล์เข้ามาหลอมรวมเป็นเซลล์เดียวกัน (syncytial pneumocytes)
ดังนั้นมีแนวโน้มที่โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, BA.2.12.1 อาจจะมีการติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่ง WHO และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังเฝ้าติดตามอาการทางคลินิกจากการติดเชื้อ BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 จากประเทศแอฟริกาใต้และสหรัฐอเมริกาใน 2-4 สัปดาห์จากนี้ โดยข้อมูลอัปเดตล่าสุดพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของสองประเทศเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว แต่อัตราผู้เสียชีวิตยังคงเดิม
https://www.facebook.com/CMGrama/posts/5036379706469769
JJNY : 5in1 นายกส.ค้าหวยฯฉะรบ.│‘สามล้อ-ตู้-รถแดง’โอด│จับตา3สายพันธุ์ย่อย│‘สมคิด’ปัดพท.‘ล้มตู่ชูป้อม’ │รัสเซียบอมบ์รร.
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7038050
นายกสมาคมผู้ค้าสลากคนพิการจ.เชียงใหม่ สับรัฐบาล-กองสลาก ยิ่งแก้ยิ่งแพง ควรปล่อยไปตามกลไกการตลาด ด้านลูกค้าแฉ แผงจ่าย 400 ตำรวจไม่จับ
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2565 นายชาตรี ขุนอินทร์ นายกสมาคมผู้ค้าสลากคนพิการจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องการแก้ราคาหวยแพงของรัฐบาลและกองสลาก มาคราวนี้คงยากแน่ เพราะกองสลากเอาชื่อคนยากคนจน คนพิการ ตาสีตาสา และบุคคลที่มีรายได้ต่ำ ไปตัดสิทธิ์ยึดหวยเสรีหมดแล้วเอาไปให้พรรคพวกของตนเองซึ่งไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กองสลากและรัฐบาล ทำหวยออนไลน์เหมือนมังกรฟ้า กองสลากพลัส ผ่านแอพฯ เป๋าตัง ได้หรือไม่ นายชาตรี กล่าวว่า ทำได้อย่างไร ในเมื่อกองสลากเป็นต้นแบบในการออกหวย เป็นต้นสังกัดแล้วมาทำเสียเอง จะว่าผิดกฏหมายก็ไม่ผิด แต่ดูแล้วไม่ถูกต้อง
การแก้หวยราคาแพงนั้น ทางกองสลากกับรัฐบาล ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดกลไกของลอตเตอรี่ถึงจะถูก ช่วงนี้เศรษฐกิจตกต่ำคนก็หันมาขายลอตเตอรี่ แล้วรัฐบาลกับกองสลาก มาแก้เรื่องหวยแพง ยิ่งแก้หวยยิ่งแพง เหมือนกับ “ลิงแก้แห”
“ไปบุกจับมังกรฟ้า บุกจับกองสลากพลัส และจ่อจับอีกหลายที่ เพื่อหวังจะแก้หวยแพง อีรุงตุงนังไปหมดเลยตอนนี้ ลอตเตอรี่ของรัฐบาลสมัยก่อนนั้นจัดทำขึ้นมาเพื่อให้คนยากคนจน คนเฒ่าคนแก่ ให้ทหารผ่านศึก คนที่ไม่มีอันจะกิน ได้ขาย ปัจจุบันตอนนี้ใครก็อยากจะจับลอตเตอรี่ นายทุนใหญ่ก็ลงมา เมื่อเป็นอย่างนี้รัฐบาล กองสลาก ควรปล่อยหวยราคาเป็นไปตามกลไกตลาดถึงจะถูก”
สำหรับหวยเสรีที่ทางกองสลากยึดไป 7-9 พันราย อ้างว่าเพราะนำไปขายต่อให้กับมังกรฟ้า มีบางรายที่ไม่รู้ถูกมากวาดซื้อไปจากนายทุน และกองสลากก็มาเหมาตัดสิทธิ ประชาชนมีปัญญาที่ไหน เขาไม่รู้เรื่องกฏหมาย เรื่องการต่อสู้ในชั้นศาล ยิ่งกองสลากออกโครงการขายผ่านแอพฯ เป๋าตัง ยิ่งยุ่งเหยิงไปใหญ่
ทางด้านแม่ค้าพ่อค้าขายสลาก ที่ยังคงมีสิทธิ์ เปิดเผยว่า พวกตนลองไปขอตั้งโต๊ะขายบริเวณถนนมหิดล อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นจุดรวมของพ่อค้าแม่ค้าหวยจำนวนมาก ก็ขายเกินราคาทุกแผง เมื่อเราไปตั้งขายราคา 80 บาท ก็ถูกต่อว่าถูกไล่ให้ไปขายที่อื่น ลำบากมาก หากนำหวยมาขายในราคา 80 บาท คล้ายกับว่าเป็นแกะดำ ในหมู่ผู้ค้าไปเลย
ทางด้านประชาชนผู้ซื้อหวย เปิดเผยว่า ที่ย่านในเคหะหอนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ แผงลอตเตอรี่ ใหญ่ เจ้าหนึ่ง ประทับตราคาหวย 80 บาท แต่แท้จริงแล้วขายใบละ 100 บาท สอบถามไปก็ได้คำตอบว่า เพื่อตบตากองสลาก ประทับตรา 80 บาทที่หวย แล้วถ่ายภาพลงโซเซียล ให้กองสลากดู บางเจ้าก็ติดราคาเลยไม่สนใจ หวยชุด 5 ใบ 750 บาท ใบเดียว 100 บาท
ส่วนที่ไม่ถูกจับนั้นจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าหวยที่ขายเกินราคาบอกว่า จ่ายให้กับตำรวจท้องที่แล้วแพงละ 400 บาท ต่องวด ตำรวจไม่จับ ใครที่ไม่หวังดี โทรแจ้งตำรวจให้มาจับพ่อค้าแม่ค้าขายหวยแพง เชื่อเถอะตำรวจไม่มา
ราคาน้ำมันพุ่ง กระทบรถโดยสาร ‘สามล้อ-ตู้-รถแดง’ โอด ควักเงินจ่ายเพิ่มวันละ 100-1,000 บาท
https://www.matichon.co.th/region/news_3331836
ราคาน้ำมันพุ่ง กระทบรถโดยสาร ‘สามล้อ-ตู้-รถแดง’ โอด ควักเงินจ่ายเพิ่มวันละ 100-1,000 บาท
วันที่ 8 พ.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามกลุ่มผู้ประกอบการขับรถโดยสารสาธารณะต่างๆ ในพื้นที่จ.อุทัยธานี หลังราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้านี้ราคาน้ำมันต่างๆ ซุปเปอร์พาวเวอร์ Diesel B7 อยู่ที่ราคาลิตรละ 39.61 บาท ซุปเปอร์พาวเวอร์ Gasohol 95 ราคาลิตรละ 47.59 บาท คลีนเอ็กซ์ Diesel B20 ราคาลิตรละ 32.19 บาท คลีนเอ็กซ์ Diesel B7 ราคาลิตรละ 32.19 บาท คลีนเอ็กซ์เบนซินแก๊สโซฮอล์ E85 ราคาลิตรละ 34.99 บาท คลีนเอ็กซ์เบนซินแก๊สโซฮอล์ E20 ราคาลิตรละ 40.99 บาท คลีนเอ็กซ์เบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ราคาลิตรละ 41.83 บาท คลีนเอ็กซ์ เบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 42.10 บาท และคลีนเอ็กซ์เบนซิน อยู่ที่ราคาลิตรละ 49.51 บาท
ส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการขับรถโดยสารสาธารณะ ทั้งรถสองแถว รถสามล้อ และรถตู้โดยสารประจำทาง ต่างได้รับผลกระทบแบกรับต้นทุนค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ยังคงต้องตรึงราคา ค่าโดยสารกันไว้เท่าเดิม เพื่อลดผลกระทบการใช้บริการที่อาจจะตามมา
โดยนายประเทือง ช้อยบัวงาม อายุ 60 ปี คนขับรถสองแถวสายอุทัยธานี – หนองฉาง เล่าว่า ช่วงนี้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงเก็บค่าโดยสารลูกค้าที่คนละ 25 บาท เท่าเดิม บางเที่ยวก็มีลูกค้า 2 คนบ้าง เต็มคันบ้าง ก็ต้องพยายามถัวเฉลี่ยกันไป สถานการณ์ตอนนี้เน้นอาศัยได้เงินเพิ่มมาตรงที่ของฝาก หากไม่ได้ค่าของฝากก็จะหยุดวิ่งไวกว่าปกติเพราะสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว
ตอนนี้ค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายอย่างน้อยอยู่ที่ 2 วัน 500 บาท เฉลี่ยเติมวันละ 200 บ้าง 300 บ้าง เพราะถ้าเติมทีเดียวก็จะไม่เหลือเงินไปซื้อกับข้าวกินเลย ซึ่งถ้าเทียบกับระยะทางอุทัยธานี – หนองฉาง แล้วไปกลับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 44 กิโลเมตร ถือว่าแบกรับภาระค่าน้ำมันที่ค่อนข้างมากพอสมควร ไหวไม่ไหวก็ยังต้องทนวิ่งไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะยังดีกว่าต้องไปเป็นลูกจ้างเขาเพราะอายุเยอะ ทำงานหนักไม่ไหวแล้ว ตอนนี้อาศัยแค่ยืดเวลาจากปกติจะต้องตัดรอบออกเที่ยวทุกๆ 30 นาที ช่วงเช้าออกรถทุกๆ 15 นาที ช่วงนี้หากยังไม่มีรถมาสลับเที่ยวก็จะพยายามร่นเวลาออกไปอีกหน่อย เพื่อให้ได้ยอดคนนั่งเพิ่มขึ้น ถ้าช่วงเปิดเทอมก็จะอาศัยได้เงินเพิ่มจากเด็กนักเรียน คนละ 5 บาท พอได้ค่ากับข้าวก่อนเลิกเที่ยวกลับบ้าน
“ตอนนี้คิดแค่วันต่อวันเท่านั้น ไม่อยากไปรวมกับค่าภาษี ค่าซ่อมบำรุงต่างๆ อีก เพราะบางวันก็ได้ บางวันก็ไม่ได้ มันเหมือนน้ำซึมบ่อทราย” นายประเทือง กล่าว
นายวันเพ็ง โกฎเกตุ อายุ 57 ปี คนขับรถสามล้อ สกายแล็ป เล่าว่า ตอนนี้แบกรับต้นทุนค่าน้ำมันค่อนข้างหนักเช่นกัน แม้ทางภาครัฐจะมีการช่วยค่าน้ำมันผ่านการลงทะเบียนแต่ตนนั้นทำไม่เป็น เลยต้องรอให้ทางขนส่งดำเนินการให้ ตอนนี้ต้องจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิมปกติเติมน้ำมัน 100 บาท ตอนนี้ต้องเติม 200 บาท เมื่อก่อนน้ำมันแค่ลิตรละ 20 กว่าบาท แต่ตอนนี้น้ำมันราคาลิตรละ 42 บาทไปแล้ว
ซึ่งก็ต้องอดทนไปก่อน ยังคงเก็บค่าบริการลูกค้าเท่าเดิม เพราะเห็นใจผู้โดยสารก็ต้องมีภาระรายจ่ายเพิ่มเหมือนกัน ส่วนเราก็มีภาระเหมือนกันแต่ก็ต้องทนไปก่อน ซึ่งก็อยากให้ทางรัฐบาลช่วยเรื่องสวัสดิการค่าน้ำมันตรงนี้ เพราะเราแบกรับค่าน้ำมันจะไม่ไหว เราก็มีรายจ่ายให้ลูกเมีย ให้ค่าเช่าบ้าน ค่ากินใช้ต่างๆ และมาบวกค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก รายได้มันก็ลดลงไปอีกด้วย
ด้านนายเวสสุวรรณ ยิ้มเจริญ นายท่าขนส่ง บขส.อุทัยธานี เล่าว่า ตอนนี้ทางรถตู้ที่สถานียังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสารด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องรอดูคำสั่งจากทางขนส่งว่าจะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่ เพราะเราทำอะไรไม่ได้ ต้องรอทางขนส่งแจ้งอย่างเดียว ซึ่งหากเป็นได้ถ้าราคาน้ำมันยังคงอยู่ที่ราคานี้ ก็อยากให้มีการปรับราคาขึ้นให้เราอีกสักนิดเพื่อให้ได้ค่าน้ำมัน เพราะเศรษฐกิจอย่างนี้คนก็เดือดร้อนกันเยอะมาก และช่วงนี้คนก็เงียบมาก จะเน้นปล่อยรถแค่เต็มคัน เพราะถ้าให้ปล่อยเป็นเวลาเหมือนเดิมก็ไม่ไหว ถ้าปล่อยแบบเต็มคัน ก็ยังพอไปได้ เพราะตอนนี้ต้องจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอีกเที่ยวละ 100 บาท ไปกลับก็ 200 บาท รวมแล้วจากเติมน้ำมันรอบละ 600 กว่าบาท ตอนนี้เป็น 900 บาท แล้ว รวมแล้วถ้า 1 วัน วิ่ง 6 รอบ ก็ต้องจ่ายเพิ่มไปอีกวันละ 1,000 กว่าบาท
WHO จับตาโอมิครอน 3 สายพันธุ์ย่อย ติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงเหมือน เดลตา
https://www.amarintv.com/news/detail/133275
องค์การอนามัยโลก (WHO) จับตา โอมิครอน 3 สายพันธุ์ย่อย อาจติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมทำให้ปอดอักเสบเหมือน เดลตา
วันนี้ (8 พ.ค.65) เพจศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อมูลประกาศการเฝ้าระวัง เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย ซึ่งเป็นสายพันที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กระกาศเฝ้าระวัง โดยระบุว่า การกลายพันธุ์บนสายจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 บริเวณยีนที่สร้างหนาม (Spike gene) ณ. ตำแหน่ง “452” อาจเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ “โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, และ BA.2.12.1” มีความสามารถที่จะแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น (high transmissibility) อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อผนังเซลล์(ปอด)จากหลายเซลล์เข้ามาเป็นเซลล์เดียว (multinucleated syncytial pneumocytes) ก่อให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อปอดได้เช่นเดียวกับการติดเชื้อสายพันธุ์ “เดลตา” ที่ระบาดในอดีต
จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจีโนมพบการเปลี่ยนแปลงบริเวณส่วนหนามตำแหน่งที่ "452” จากกรดอะมิโน "ลิวซีน (L)” เปลี่ยนมาเป็น "อาร์จีนีน (R)” หรือ "กลูตามีน (Q)” (ภาพ 1) ทำให้ส่วนหนามมีคุณสมบัติที่สามารถเชื่อมต่อผนังเซลล์ที่อยู่ใกล้เคียง หลอมรวมเป็นเซลล์เดียว (cell fusion หรือ syncytia formation) ส่งผลให้ไวรัสสามารถแพร่ไประหว่างเซลล์ต่อเซลล์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องออกมานอกเซลล์ที่สุ่มเสี่ยงถูกจับและทำลายด้วยแอนติบอดีที่ถูกสร้างในร่างกายผู้เคยติดเชื้อตามธรรมชาติและจากการฉีดวัคซีน บรรดาเซลล์ปอดติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่หลอมหลวมรวมเป็นเซลล์เดียว(infected multinucleated syncytial pneumocytes) จะเป็นเซลล์ขนาดใหญ่ภายในเซลล์มีหลายนิวเคลียส ดีเอ็นเอภายในเซลล์ดังกล่าวถูกทำลายแตกหัก ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ติดเชื้อมองเป็นสิ่งแปลกปลอมและเข้ามาทำลายเซลล์ที่มีหลายนิวเคลียส(syncytial pneumocytes) เหล่านั้น เกิดการอักเสบลุกลามเกิดเป็นปอดบวมอันอาจทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้
สายพันธุ์ “เดลตา” มีการกลายพันธุ์ของหนามเป็น “R452” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบแดง) ก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง (high pathogenicity) อันเนื่องมาจากเกิดอาการปอดอักเสบจากการหลอมหลวมของเซลล์ติดเชื้อหลายเซลล์เข้ามาหลอมรวมเป็นเซลล์เดียวกัน (syncytial pneumocytes)
ตรงกันข้ามกับสายพันธุ์โอไมครอนดั้งเดิม (B.1.1529) เช่น BA.1, BA.1.1 และ BA.2 ไม่มีการกลายพันธุ์ กรดอะมิโนยังคงเป็น “L452” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบเขียว) ซึ่งสอดคล้องกับอาการทางคลินิกของโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมที่อาการไม่รุนแรง สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่เกิด syncytial pneumocytes ในเซลล์ปอดที่ติดเชื้อ
แต่ที่น่ากังวลคือทั้งไวรัส “BA.4” และ “BA.5” ที่ WHO ประกาศให้เฝ้าระวังเพราะกำลังมีการระบาดในประเทศแอฟริกาใต้กลับมีการกลายพันธุ์เป็น R452 (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบฟ้า) ส่วนไวรัส BA.2.12.1 ที่ระบาดในสหรัฐอเมริกาก็มีการกลายพันธุ์เป็น “Q452” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบเหลือง) กลับไปเหมือนกับสายพันธุ์ “เดลตา” (ภาพ1 และ ภาพ 2 กรอบแดง) คือสามารถก่อให้เกิดเซลล์ติดเชื้อหลายเซลล์เข้ามาหลอมรวมเป็นเซลล์เดียวกัน (syncytial pneumocytes)
ดังนั้นมีแนวโน้มที่โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, BA.2.12.1 อาจจะมีการติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่ง WHO และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังเฝ้าติดตามอาการทางคลินิกจากการติดเชื้อ BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 จากประเทศแอฟริกาใต้และสหรัฐอเมริกาใน 2-4 สัปดาห์จากนี้ โดยข้อมูลอัปเดตล่าสุดพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของสองประเทศเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว แต่อัตราผู้เสียชีวิตยังคงเดิม
https://www.facebook.com/CMGrama/posts/5036379706469769