JJNY : วินมอไซค์โคราชมึน│สรท.จี้รัฐลดค่าครองชีพ│ทีมศก.พท.พบสถานทูตสหรัฐ│ทหารรัสเซียขโมยเครื่องจักรทางการเกษตรยูเครน

วินมอไซค์โคราชมึน มาตรการรัฐช่วยค่าน้ำมัน 3 เดือน ยังไม่ได้สักราย
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2383902
 
 
ผู้ขับขี่จยย.รับจ้างที่โคราช เผยมาตรการช่วยค่าน้ำมัน 3 เดือนของรัฐ ยังไม่ได้สิทธิ์สักราย ขณะที่รถตู้โดยสารสาธารณะวอนรัฐช่วยเหลือให้เท่าเทียมกัน
 
วันที่ 4 พ.ค. 65 ภายหลังจากที่ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานในปัจจุบัน สำหรับช่วยเหลือค่าน้ำมันผู้ประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยให้ส่วนลดราคาน้ำมัน “กลุ่มเบนซิน” ทั้งหมด สำหรับผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (วินมอเตอร์ไซค์) ที่มีใบอนุญาต - จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 106,655 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 22 มี.ค. 2565) ในรูปแบบรัฐร่วมจ่าย 50% ไม่เกิน 50 บ./คน/วัน และไม่เกิน 250 บ./คน/เดือน กับปั๊มน้ำมันที่ร่วมโครงการ เริ่ม พ.ค.-ก.ค. 2565 (รวม 3 เดือน) พร้อมยกเว้นภาษีเงินได้ฯ สำหรับผู้ที่ได้รับเงินจากโครงการนี้ โดยผู้ขับขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจะต้องยืนยันสิทธิ์และเงื่อนไขผ่านแอปพลิเคชัน และจ่ายเงินโดยสแกนคิวอาร์โค้ดกับปั๊มน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น 
  
ล่าสุด วันนี้ (4 พฤษภาคม 2565) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามกลุ่มผู้ประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ โคราช ซึ่งมีอยู่กว่า 40 คัน พบว่าทุกคนยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เนื่องจากไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้สิทธิ์ โดยนายองอาจ พบโชค อายุ 53 ปี วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างรายหนึ่ง กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวนี้มาบ้าง แต่ไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจนว่า รัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไร เพราะขนส่งในท้องที่ก็ไม่ได้มีการแจ้งรายละเอียดให้รับทราบถึงขั้นตอนต่างๆ ที่จะได้รับสิทธิ์ ซึ่งการช่วยเหลือวันละ 50 บาท แม้ไม่มากสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างถือว่าสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าน้ำมันได้เป็นอย่างดี
 
"ทุกวันนี้ลูกค้าก็ลดลงมาก จากเดิมก่อนช่วงโควิด-19 ระบาด จะมีรายได้ประมาณ 600-700 บาท แต่ตอนนี้เหลือแค่วันละ 200 กว่าบาทเอง ซึ่งยังน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำ ถ้าคนที่ผ่อนรถจักรยานยนต์อยู่ จะอยู่ไม่ได้แน่นอน ต้องไปหาอาชีพอื่นทำเป็นรายได้เสริม ถึงจะอยู่รอด" นายองอาจ กล่าว
 
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ท่ารถตู้โดยสารสาธารณะ ภายในสถานีขนส่งนครราชสีมาแห่งที่ 2 พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา  เนื่องจากประชาชนยังหวาดกลัวการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีผู้มาใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะลดลงกว่า 80% โดยนายอำนาจ ชำเกษม อายุ 64 ปี ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะ สายโคราช-ขอนแก่น กล่าวว่า ทุกวันนี้คิวรถตู้แทบจะไม่ได้วิ่งตามเวลาที่กำหนด เพราะแต่ละคันจะต้องรอให้ผู้โดยสารซื้อตั๋วขึ้นรถให้ได้อย่างน้อยเที่ยวละ 8 คนขึ้นไป หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของที่นั่งทั้งหมด 13 ที่นั่ง ถ้าผู้โดยสารไม่ถึง 8 ที่นั่ง วิ่งรถออกไปก็จะไม่คุ้มทุน แต่ถ้ารถคันไหนที่ใช้น้ำมันดีเซลไม่ต้องพูดถึงเลย คงเลิกวิ่งไปนานแล้ว ที่อยู่ได้เพราะใช้แก๊ส NGV จึงสามารถอยู่ได้ แต่ช่วงหลังๆ ค่าครองชีพต่างๆ เริ่มปรับราคาสูงขึ้นไปหมด ทำให้ขณะนี้รายได้ที่น้อยอยู่แล้ว บวกกับรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารเริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้วเหมือนกัน จึงอยากให้รัฐบาลมีมาตรการออกมาช่วยเหลือเหมือนกับช่วยวินมอเตอร์ไซค์ด้วย.



สรท.วอนแบงก์ชาติพยุงบาทอ่อนสุดรอบ 5 ปี จี้รัฐลดค่าครองชีพ ตรึงราคาน้ำมันช่วย ปชช.
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7030876

สรท.วอนแบงก์ชาติพยุงบาทอ่อนสุดรอบ 5 ปี จี้รัฐลดค่าครองชีพ ตรึงราคาน้ำมันช่วยประชาชน แนะผู้ประกอบการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
 
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2565 นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม 2565 ว่า สรท.คาดการณ์การส่งออกไทยในไตรมาส 2/2565 (เมษายน-มิถุนายน) เติบโต 3.5-5% และคงคาดการณ์รวมทั้งปี 5% ปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทอ่อน ส่วนจะขยายตัวถึง 10% ตามที่กระทรวงการคลังต้องการหรือไม่ต้องติดตามสถานการณ์อีกครั้ง ตัวแปรหนึ่งที่สำคัญคือ ค่าเงินบาท
ข่าวแนะนำ
 
ขณะนี้ สรท.ใช้ระดับค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.5-34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หวังว่าภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะช่วยดูแลค่าเงินบาทให้ทรงตัวอยู่ในอ่อนค่าเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่งจะเป็นผลดีต่อภาคการส่งออก เพราะปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่ามาจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก คาดว่าจะเพิ่ม 0.5% จึงเป็นตัวผลักดันทำให้ค่าเงินทั่วโลกอ่อนลง โดยเฉพาะเงินเยนที่อ่อนลงมาก ซึ่งเปอร์เซ็นต์การอ่อนค่าของเงินบาทอ่อนค่าน้อยกว่าเงินเยน เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
 
“สรท.คาดการส่งออกปีนี้จะอยู่ที่ 5% น่าจะอยู่ในระดับที่ทำได้และบรรลุตามเป้าหมาย แต่ถ้าหากเพิ่มขึ้น 10% ตามนโยบายกระทรวงการคลัง ความเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน อาทิ เรื่องค่าเงินบาท ต้องติดตามอีกระยะ”
  
 นายชัยชาญ กล่าวต่อว่า การส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ 6 ประการ ประกอบด้วย 1.สถานการณ์สงครามระหว่างยูเครน-รัสเซีย 2.ราคาพลังงานทรงตัวระดับสูง 3.ค่าระวางปรับลงเล็กน้อยแต่ยังทรงตัวในระดับสูง 4.แรงงานในภาคการผลิตขาดแคลนต่อเนื่อง ประกอบกับมีแนวโน้มต้นทุนการจ้างงานสูงขึ้น 5.ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน และ 6.สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
 
นายชัยชาญ กล่าวอีกว่า กรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขอให้ภาครัฐพิจารณาโดยอ้างอิงจากปัจจัยเงินเฟ้อเป็นหลัก พร้อมทั้งบริหารเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินกว่า 5% เพื่อให้ผู้ประกอบการไม่แบกรับภาระที่สูงจนเกินไป ขณะเดียวกันแรงงานต้องไม่ขาดแคลน เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมต้องใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก และดูถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเหมาะสม และไม่ส่งผลรุนแรงต่อผู้ส่งออกหรือผู้ผลิต
 
อีกทั้งภาครัฐต้องพิจารณาควบคุมหรือปรับลดค่าใช้จ่ายภาคประชาชนในการดำรงชีวิต อาทิ ค่าเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าพลังงาน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน รวมถึงลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ รวมถึงผลักดันการขยายการตลาด เนื่องจากการทำตลาดใหม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
 
“อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องของการสนับสนุนการหาตลาดใหม่ เร่งผลักดันการค้าเข้าสู่ตลาดอาร์เซ็ป หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ให้มากที่สุด เพื่อใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงดังกล่าว”
 
นายชัยชาญ กล่าวต่อว่า สำหรับราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง สรท.อยากให้รัฐบาลกลับมาตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร อยากให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงร่วมกับผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของประเทศไทยตรึงราคา หรืออาจขยายระยะเวลาการตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร ถึงสิ้นปีนี้ เพราะราคาที่สูงกว่า 30 บาทต่อลิตร ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตพลังงานอุตสาหกรรม และต้นทุนด้านโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น
 
ด้าน น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวกรอบ 34.15-34.65 บาทต่อดอลลาร์ แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปี เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดที่ 34.27 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากความวิตกเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง
 
ส่วนนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันที่ 3 พฤษภาคม ระดับ 34.46 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบสัปดาห์นี้ 34.10-34.60 บาทต่อดอลลาร์ แนวโน้มค่าเงินบาทยังผันผวนในฝั่งอ่อนค่าและมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ แนะนำผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
  


ทีมเศรษฐกิจ พท. พบสถานทูตสหรัฐ แลกเปลี่ยนแนวทางฟื้นเศรษฐกิจหลังเลือกตั้ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7031149

ทีมเศรษฐกิจ พท. พบสถานทูตสหรัฐ แลกเปลี่ยนแนวทางฟื้นเศรษฐกิจไทย หลังเลือกตั้ง พร้อมหารือถึงอนาคตของธุรกิจทางดิจิทัลที่ขยายตัวอย่างมาก
  
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.65 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตนพร้อมคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคพท.ประกอบด้วยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรค นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย และกรรมการบริหารพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารพรรค น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรค

เข้าพบเพื่อร่วมรับประทานอาหารค่ำที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาตามคำเชิญเมื่อวันที่ 3 พ.ค. โดยได้พบกับ H.E. Michael Heath อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต หน่วยงานสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย Mr. James Wayman, Acting Deputy Chief of Mission,Mr. Edwin Sagurton,
Jr. Counselor for Economic, Mr. Kevin McCown เลขาทูตโท Mr. Paul Neville ผู้ชำนาญด้านเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นทางเศรษฐกิจและทิศทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสหรัฐฯ และประเทศไทย
 
คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรค ได้ขอความเห็นสถานทูตสหรัฐในปัญหาสงครามรัสเซียยูเครนที่มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจกับทั้งโลก และประเทศสหรัฐในฐานะมหาอำนาจจะหาทางแก้ไขปัญหาไม่ให้ลุกลามต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ สหรัฐเป็นตลาดการส่งออกที่สำคัญมากสำหรับไทย โดยไทยได้เปรียบดุลการค้าจากสหรัฐมาตลอด หวังว่านักลงทุนสหรัฐจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
 
นอกจากนี้ยังได้หารือถึงอนาคตของธุรกิจทางดิจิทัลที่ขยายตัวอย่างมาก เทคโนโลยีทางด้านดิจิทัล แพลตฟอร์ม ความมั่นคงทางไซเบอร์ และแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจของไทยและสหรัฐ การแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างราบรื่นและครบถ้วน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคหวังว่าจะสามารถนำมาปฏิบัติ และดำเนินการได้หากพรรคพท.ชนะการเลือกตั้งในอนาคต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่