ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า นิสัยส่วนตัว เป็นคนที่ไม่ค่อยตกใจกับอะไรง่ายๆ แทบจะไม่ตกใจอะไรเลย เรียกว่าจิตแข็งมากๆก็ว่าได้ แต่เราเป็นคนไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงในที่นี้หมายความว่า อย่างของที่เราใช้ประจำ เราจะวางไว้ตรงนี้ แต่คนอื่นมาใช้แล้วเอาไปวางที่อื่น แบบนี้จะทำให้เราหงุดหงิดและโมโหง่ายมากๆ นี่คือข้อเสียอันดับ 1 ของเรา
เข้าเรื่องเลยดีกว่า เราทำงานโรงงานแห่งหนึ่งเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราทำงานอย่างมีความสุข บ่นเหนื่อยบ้าง ขี้เกียจบ้าง เป็นธรรมดาของชีวิต (แต่ก็ไปทำงานทุกวันนะ ไม่เคยลาป่วยเลย)
จนมีเหตุการณ์ต้องโยกย้ายไปทำอีกโรงนึงซึ่งเป็นเครือเดียวกัน ได้ยินข่าวครั้งแรกตอนประชุม อยู่ๆเราก็รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะวูบ แต่เราก็ยังพยายามยืนฟังมีตติ้งจนจบ
หลังจากนั้นก็เทียวไปเทียวมาระหว่าง โรงงานแม่กับโรงงานลูก ยอมรับว่าเหนื่อยใจมากๆกับสิ่งที่เป็นอยู่ ( ไม่ใช่แค่เราคนเดียว แต่ทั้งแผนก ) จนทุกอย่างอยู่ตัว ทุกคนก็ได้ย้ายไปทำงานที่โรงงานแม่อย่างถาวร
สิ่งนึงที่ทำให้เราอึดอัด เราจะเปรียบเทียบระหว่างที่เก่ากับที่ใหม่ให้ฟัง (โรงงานนี้เข้า 7 ออก 7 แต่.. ต้องไปถึงไลน์ผลิตตอน 6:30 ออกไลน์ 18:50 งงไหม 555555 เป็นลูกจ้างเขาต้องอดทนจ้า)
1. โรงงานเก่าเราตื่น 6:00 เราสามารถเข้างานทัน ใช้เวลาไปถึงบริษัทไม่เกิน 5 นาที แต่.. ที่ทำงานใหม่ต้องตื่น ตี 4:30 เพื่อไปขึ้นรถ ตี 5:25 เพื่อเข้าไลน์ผลิตไม่เกิน 6:30 นาที เวลากลับบ้าน ใช้เวลานั่งรถ 1 ชม. ถ้ารถติดก็ ++ไป ถึงห้อง 2 ทุ่มกว่าๆๆแทบทุกวัน
2. เรื่องเวลาเบรก ที่ทำงานเก่าคนไม่เยอะ สามารถนั่งชิวได้สบายๆ ไม่ต้องแย่งกัน แต่ที่ทำงานใหม่ 😅 อาหารอยู่ชั้น 4 ต้องเดินขึ้น ถ้าขึ้นลิฟท์ต้องเดินอ้อมโคตรจะไกลเพื่อขึ้นลิฟท์ที่ใช้ขนของ แทบไม่มีเวลาพัก เวลากิน คนโคตรเยอะ เกินทีหายใจรดต้นคอ
3. เรื่องการเข้าห้องน้ำ ที่ทำงานเก่าเข้าได้สบายเพราะห้องน้ำไม่ไกลจากคลีนรูมเท่าไหร่ แต่ที่มำงานใหม่เดินโคตรไกล (ส่วนใหญ่หาคนเปลี่ยนยาก เพราะคนดูไลน์ชอบหายหัว เบรกโคตรนาน เห็นแก่ตัว อยากหยุมหัวซัก 10 รอบ55555)
4. หัวหน้าLeader เก่าโคตรดี ให้น้องนั่งประจำไลน์จนรู้ใจเครื่อง นอกจากเครื่องไม่พักแล้วยังได้งาน แต่ที่ทำงานใหม่Leader เรื่องเยอะ โยกคนเก่ง โยกจนปวดหัว นั่งไม่ซ้ำไลน์ โยกทุกคน5555 น้องไม่ค่อยคุ้นกับเครื่อง เครื่องพังบ่อย โดนเทคบ่น งานไม่ได้ หัวหน้าบ่นอีก โอ้ววชีวิตลูกจ้าง555
นี่คือสิ่งที่เราต้องเจอ แต่เราก็สามารถทำงานที่ใหม่ได้ปีนิดๆอยู่นะ 😂
ระหว่างทำงานที่ใหม่ ช่วงแรกๆ เรากินข้าวปกติ ้ดินลงมาจากแคนทีนชั้น4 เพื่อมาพักชั้น 1 ระหว่างเดินอยู่ๆเราก็ใจหวิวๆเหมือนจะวูบ หน้ามืด มือซีดปากซีน มือเย็นเจี๊ยบ เราพยายามประคองตัวเองมานั่งโต๊ะ แล้วฟุบหน้ากับโต๊ะ นั่งไปซักพักเริ่มดีขึ้น เราพยายามถามตัวเองว่าเป็นไรว่ะ
หลังจากวันนั้นมาเรามีอาการแบบนี้เรื่อยๆ จนวันนึงเราเป็นอีสุกอีใส พอหายจากอีสุกอีใส ประจำเดือนเราเลื่อน ไม่มา 1 เดือน
ผ่านไป 4 เดือน เรามีอาการเวลาเจอคนเยอะๆ เราจะอึดอัด หายใจไม่ออก หน้ามืด ตาลาย เดินเหมือนเท้ามันจะไม่ก้าวไปกับเรา ไปเดินตลาดคนเยอะๆไม่ได้เลยนะ อึดอัดมากๆ
เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆจนเราเหนื่อย ไปหาหมอ ทุกอย่างปกติ ความดัน การเต้นของหัวใจ ไปเช็คกับหมอระบบประสาทก็ปกติ เราก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาที่รักษาอีสุกอีใสรึป่าว ก็ไม่ใช่
เราหาสาเหตุไม่เจอ เราอยู่กับอาการแบบนี้ มา 1 ปีเต็ม เราเหนื่อยมากกับการที่มีอาการแบบนี้แล้วต้องไปทำงาน เราอึดอัด เวลามีอาการเราจะหายใจแรง ควบคุมการหายใจตัวเองไม่อยู่ เพราะเราไม่รู้สาเหตุว่าเราเป็นอะไร
จนวันนึงไปเจอในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับอาการแพนิค คราวนี้ถึงบ้างอ้อ เราก็ศึกษาจากประสบการณ์คนอื่น บางคนบอกให้กินยาถ้าไม่กินจะกล่ยเป็นซึมเศร้า บางคนบอกว่าไม่ต้องกิน เพราะโรคนี้ สามารถหายเองได้ ขึ้นอยู่กับเรา
เราเคยไปหาหมอเหมือนหมอไม่ค่อยอยากรักษาเรา ไปก็เครียดป่าวๆ เลยตัดสินใจ เป็นเองได้ก็ต้องหายได้ว๊ะ เพราะเราไม่ได้เป็นตั้งแต่เกิด
อันดับแรกเราต้องปรับทัศนคติตัวเองก่อน หาสาเหตุว่ามาจากอะไร สุดท้ายเราก็เจอ เราเครียดเรื่องที่ทำงาน เรื่องสิ่งแวดล้อมระหว่างการเดินทางไปทำงาน รถติด บลาๆๆๆ
เราเลยตัดสินใจลาออกจากที่ทำงาน กลับบ้าน ตจว ช่วงที่กลับคือโควิดกำลังเข้าไทยเลยจ้า 555
วิธีเบี่ยงเบนอาการแพนิคสำหรับเรา
1 . เวลามีอาการพยายามควบคุมกำหนดลมหายใจ เข้าออกลึกๆ (โรคนี้เป็นแล้วไม่ตาย แต่กว่าจะอยู่กับมันได้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน)
2. ดีดนิ้วตัวเอง เป็นจังหวะก็ช่วยได้
3. พยายามไม่นึกถึงมัน
4. หาซีรีย์หรือศิลปินที่ชอบมาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ เราต้องของคุณ Got7 มากๆ ถึงมาที่สุดที่ทำให้เราสามารถหลุดพ้นและบรรเทาจากอาการแพนิคนี้ได้
5. ข้อนี้ตลกช่วงแรกๆเราไม่รู้จะทำไง เรารู้แค่ว่าโรคนี้เป็นแล้วไม่ตาย เวลามีอาการเราจะพูดว่า เอาซิมา! มันจะซักแค่ไหนกันเชียวว๊ะ กับอาการแบบนี้อ่ะ ! แน่จริงมา 55555 เอาให้กูล้มฟุบไปเลย เอาเล๊ยยยยย เชื่อไหมพอเราทำแบบนี้ เราอยู่กับอาการกำเริบไม่นานนะ แค่แป๊บเดียว ไม่ถึง 1 นาที5555 (ปกติเราจะมีอาการแค่1-2 นาที จะป็นเวลาเจอคนเยอะๆ)
แค่นี้แหละ บายๆ
**ใครอยากแชร์อาการตัวเอง เล่าให้เราฟังได้นะ อยากรู้ 😅
มาแชร์ประสบการณ์แพนิคกัน
เข้าเรื่องเลยดีกว่า เราทำงานโรงงานแห่งหนึ่งเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราทำงานอย่างมีความสุข บ่นเหนื่อยบ้าง ขี้เกียจบ้าง เป็นธรรมดาของชีวิต (แต่ก็ไปทำงานทุกวันนะ ไม่เคยลาป่วยเลย)
จนมีเหตุการณ์ต้องโยกย้ายไปทำอีกโรงนึงซึ่งเป็นเครือเดียวกัน ได้ยินข่าวครั้งแรกตอนประชุม อยู่ๆเราก็รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะวูบ แต่เราก็ยังพยายามยืนฟังมีตติ้งจนจบ
หลังจากนั้นก็เทียวไปเทียวมาระหว่าง โรงงานแม่กับโรงงานลูก ยอมรับว่าเหนื่อยใจมากๆกับสิ่งที่เป็นอยู่ ( ไม่ใช่แค่เราคนเดียว แต่ทั้งแผนก ) จนทุกอย่างอยู่ตัว ทุกคนก็ได้ย้ายไปทำงานที่โรงงานแม่อย่างถาวร
สิ่งนึงที่ทำให้เราอึดอัด เราจะเปรียบเทียบระหว่างที่เก่ากับที่ใหม่ให้ฟัง (โรงงานนี้เข้า 7 ออก 7 แต่.. ต้องไปถึงไลน์ผลิตตอน 6:30 ออกไลน์ 18:50 งงไหม 555555 เป็นลูกจ้างเขาต้องอดทนจ้า)
1. โรงงานเก่าเราตื่น 6:00 เราสามารถเข้างานทัน ใช้เวลาไปถึงบริษัทไม่เกิน 5 นาที แต่.. ที่ทำงานใหม่ต้องตื่น ตี 4:30 เพื่อไปขึ้นรถ ตี 5:25 เพื่อเข้าไลน์ผลิตไม่เกิน 6:30 นาที เวลากลับบ้าน ใช้เวลานั่งรถ 1 ชม. ถ้ารถติดก็ ++ไป ถึงห้อง 2 ทุ่มกว่าๆๆแทบทุกวัน
2. เรื่องเวลาเบรก ที่ทำงานเก่าคนไม่เยอะ สามารถนั่งชิวได้สบายๆ ไม่ต้องแย่งกัน แต่ที่ทำงานใหม่ 😅 อาหารอยู่ชั้น 4 ต้องเดินขึ้น ถ้าขึ้นลิฟท์ต้องเดินอ้อมโคตรจะไกลเพื่อขึ้นลิฟท์ที่ใช้ขนของ แทบไม่มีเวลาพัก เวลากิน คนโคตรเยอะ เกินทีหายใจรดต้นคอ
3. เรื่องการเข้าห้องน้ำ ที่ทำงานเก่าเข้าได้สบายเพราะห้องน้ำไม่ไกลจากคลีนรูมเท่าไหร่ แต่ที่มำงานใหม่เดินโคตรไกล (ส่วนใหญ่หาคนเปลี่ยนยาก เพราะคนดูไลน์ชอบหายหัว เบรกโคตรนาน เห็นแก่ตัว อยากหยุมหัวซัก 10 รอบ55555)
4. หัวหน้าLeader เก่าโคตรดี ให้น้องนั่งประจำไลน์จนรู้ใจเครื่อง นอกจากเครื่องไม่พักแล้วยังได้งาน แต่ที่ทำงานใหม่Leader เรื่องเยอะ โยกคนเก่ง โยกจนปวดหัว นั่งไม่ซ้ำไลน์ โยกทุกคน5555 น้องไม่ค่อยคุ้นกับเครื่อง เครื่องพังบ่อย โดนเทคบ่น งานไม่ได้ หัวหน้าบ่นอีก โอ้ววชีวิตลูกจ้าง555
นี่คือสิ่งที่เราต้องเจอ แต่เราก็สามารถทำงานที่ใหม่ได้ปีนิดๆอยู่นะ 😂
ระหว่างทำงานที่ใหม่ ช่วงแรกๆ เรากินข้าวปกติ ้ดินลงมาจากแคนทีนชั้น4 เพื่อมาพักชั้น 1 ระหว่างเดินอยู่ๆเราก็ใจหวิวๆเหมือนจะวูบ หน้ามืด มือซีดปากซีน มือเย็นเจี๊ยบ เราพยายามประคองตัวเองมานั่งโต๊ะ แล้วฟุบหน้ากับโต๊ะ นั่งไปซักพักเริ่มดีขึ้น เราพยายามถามตัวเองว่าเป็นไรว่ะ
หลังจากวันนั้นมาเรามีอาการแบบนี้เรื่อยๆ จนวันนึงเราเป็นอีสุกอีใส พอหายจากอีสุกอีใส ประจำเดือนเราเลื่อน ไม่มา 1 เดือน
ผ่านไป 4 เดือน เรามีอาการเวลาเจอคนเยอะๆ เราจะอึดอัด หายใจไม่ออก หน้ามืด ตาลาย เดินเหมือนเท้ามันจะไม่ก้าวไปกับเรา ไปเดินตลาดคนเยอะๆไม่ได้เลยนะ อึดอัดมากๆ
เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆจนเราเหนื่อย ไปหาหมอ ทุกอย่างปกติ ความดัน การเต้นของหัวใจ ไปเช็คกับหมอระบบประสาทก็ปกติ เราก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาที่รักษาอีสุกอีใสรึป่าว ก็ไม่ใช่
เราหาสาเหตุไม่เจอ เราอยู่กับอาการแบบนี้ มา 1 ปีเต็ม เราเหนื่อยมากกับการที่มีอาการแบบนี้แล้วต้องไปทำงาน เราอึดอัด เวลามีอาการเราจะหายใจแรง ควบคุมการหายใจตัวเองไม่อยู่ เพราะเราไม่รู้สาเหตุว่าเราเป็นอะไร
จนวันนึงไปเจอในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับอาการแพนิค คราวนี้ถึงบ้างอ้อ เราก็ศึกษาจากประสบการณ์คนอื่น บางคนบอกให้กินยาถ้าไม่กินจะกล่ยเป็นซึมเศร้า บางคนบอกว่าไม่ต้องกิน เพราะโรคนี้ สามารถหายเองได้ ขึ้นอยู่กับเรา
เราเคยไปหาหมอเหมือนหมอไม่ค่อยอยากรักษาเรา ไปก็เครียดป่าวๆ เลยตัดสินใจ เป็นเองได้ก็ต้องหายได้ว๊ะ เพราะเราไม่ได้เป็นตั้งแต่เกิด
อันดับแรกเราต้องปรับทัศนคติตัวเองก่อน หาสาเหตุว่ามาจากอะไร สุดท้ายเราก็เจอ เราเครียดเรื่องที่ทำงาน เรื่องสิ่งแวดล้อมระหว่างการเดินทางไปทำงาน รถติด บลาๆๆๆ
เราเลยตัดสินใจลาออกจากที่ทำงาน กลับบ้าน ตจว ช่วงที่กลับคือโควิดกำลังเข้าไทยเลยจ้า 555
วิธีเบี่ยงเบนอาการแพนิคสำหรับเรา
1 . เวลามีอาการพยายามควบคุมกำหนดลมหายใจ เข้าออกลึกๆ (โรคนี้เป็นแล้วไม่ตาย แต่กว่าจะอยู่กับมันได้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน)
2. ดีดนิ้วตัวเอง เป็นจังหวะก็ช่วยได้
3. พยายามไม่นึกถึงมัน
4. หาซีรีย์หรือศิลปินที่ชอบมาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ เราต้องของคุณ Got7 มากๆ ถึงมาที่สุดที่ทำให้เราสามารถหลุดพ้นและบรรเทาจากอาการแพนิคนี้ได้
5. ข้อนี้ตลกช่วงแรกๆเราไม่รู้จะทำไง เรารู้แค่ว่าโรคนี้เป็นแล้วไม่ตาย เวลามีอาการเราจะพูดว่า เอาซิมา! มันจะซักแค่ไหนกันเชียวว๊ะ กับอาการแบบนี้อ่ะ ! แน่จริงมา 55555 เอาให้กูล้มฟุบไปเลย เอาเล๊ยยยยย เชื่อไหมพอเราทำแบบนี้ เราอยู่กับอาการกำเริบไม่นานนะ แค่แป๊บเดียว ไม่ถึง 1 นาที5555 (ปกติเราจะมีอาการแค่1-2 นาที จะป็นเวลาเจอคนเยอะๆ)
แค่นี้แหละ บายๆ
**ใครอยากแชร์อาการตัวเอง เล่าให้เราฟังได้นะ อยากรู้ 😅