มีความรู้สึกแปลกๆมาเกือบ3ปีกว่าๆแล้ว ไม่รู้ว่าใช่โรคซึมเศร้ามั้ย

เราเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ ปัจจุบันเราอายุ 15 ปีแต่จริงๆปีนี้ต้องอยู่ม.3แต่ตอนนี้เราอยู่ม.4แล้วนะคะ คือเราเริ่มมีอาการแปลกๆตั้งแต่ตอน.1เทอม2 เรายังจำได้ดีเลย มันเริ่มมีอาการตอนกำลังจะเข้าแถวกลับบ้าน ตอนนั้นก็นั่งฟังครูพูดนู่นพูดนี่เรื่อยเปื่อยก่อนกลับบ้าน แต่อยู่ดีๆเราก็มีอาการเกร็งๆ รู้สึกอึดอัดตอนนั่ง รู้สึกไม่อยากเป็นจุดสนใจ มือสั่น ใจสั่น ปากสั่น เราควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกอยากหายไปจากจุดนี้ แล้วตัวเราก็สั่น เราเลยลองหันไปมองว่ามีใครสังเกตุอาการบ้าๆแบบนี้ของเรามั้ย ปรากฏว่ามีรุ่นพี่ผู้หญิงที่อยู่ม.3 ที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันมองอยู่ พี่เขาจ้องเราไม่หยุดเลย สายตาบ่งบอกว่าแบบ น่าจะสงสัยว่าเราเป็นอะไร แต่นอกนั้นก็ไม่มีใครมองเรา แต่จู่ๆในหัวมันก็คิดเริ่มคิดขึ้นมาทันทีเลยว่า กูจะเดินด้วยขาข้างไหนดีวะ กูจะต้องทำตัวยังไงวะ กูจะดูเอ๋อๆบ๊องๆในสายตาคนอื่นรึเปล่าวะ กูจะต้องทำตัวยังไงไม่ให้เป็นจุดสนใจ ในหัวมันคิดแบบนี้ขึ้นมาแบบงงๆ เราก็ไม่รู้ตัวเอง จนพอเรากลับมาถึงบ้านเราก็เข้าห้องนํ้าไปร้องไห้เลยแล้วก็คิดวนไปวนมาว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงแคร์สายตาคนอื่นมากขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ถามตัวเองซํ้าไปซํ้ามาแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ แต่ร้องแบบไม่มีเสียงด้วยนะ55 แล้วก็คิดว่ายังจะกล้าไปโรงเรียนอีกมั้ย พี่คนนั้นมองกูแบบนี้แปลว่าเขาต้องคิดว่ากูไม่เต็มแน่เลย เราคิดแบบนี้ทั้งคืนจนต้องหาเรื่องไม่ไปโรงเรียน
แล้วสาเหตุที่เรากลายเป็นแบบนี้ไม่รู้ว่าเกิดจาก ‘เพื่อน’ รึเปล่า
ย้อนกลับไปตอนป.5เรามีเพื่อนหลายคนเลย (ขอบอกชื่อเลยนะคะ) มี
วิว/นํ้าหวาน/แพง/วุ้น/อ๋องแอ๋ง เรากับวิวแล้วก็อ๋องแอ๋งจะอยู่ ป.5/4 ส่วนนอกนั้นก็อยู่ ป.5/3 หมด เราสนิทกับวิวที่สุด วิวคอยปกป้องเราตลอด แต่เวลาที่วิวมีปัญหาเราไม่เคยเข้าไล่วยวิวเลย 1.กลัวโดนลูกหลง 2.ใจไม่กล้าพอ แต่เราก็รักวิวมาก ยกให้เป็นเพื่อนสนิทอันดับ1เลยส่วนอ๋องแอ๋ง มันเป็นลูกครึ่งจีน มันตกภาษาไทยมากเลยได้ตำแหน่งเด็กพิเศษ มันเป็นกระเทย แต่เป็นกระเทยที่ไม่กระดี๊กระด๊าเหมือนกระเทยคนอื่น มันจะไม่กล้าแสดงออกและค่อนข้างเงียบ แต่พวกเราก็เล่นด้วยกันจนจบป.6 (ปล. วุ้นย้ายออกไปตอนป.6) หลังจากนั้นเรากับนํ้าหวานก็เริ่มสนิทกัน เรากับนํ้าหวานชอบไปปั่นจักรยานด้วยกันรวมถึงวิวด้วย (ส่วนตัวเราไม่ชอบแพงเพราะมันชอบด่าเรา) แต่อ๋องแอ๋งไม่ได้ไปด้วยเพราะบ้านอยู่ไกลกว่าเพื่อน พอขึ้นป.6 เรา วิว แล้วก็นํ้าหวาน จะสนิทกันที่สุด ไม่เราก็อาจจะคิดไปเอง55😃 ตอนป.6เทอม2 วิวบอกว่ามันจะไปเรียนโรงเรียนข้างๆเรา ซึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังประจำอำเภอแต่เราไม่มีปัญญาไปเรียนกับมันเพราะที่บ้านยากจน แต่โชคยังดีที่นํ้าหวานกับอ๋องแอ๋งจะไปเรียนต่อกับเราที่รร.เดิมซึ่งมีสูงสุดถึงม.3 แล้วเราสามคนก็ไปเรียนด้วยกันตอนม.1เทอม1 (แพงบ้านรวยได้ไปเรียนกับวิว) เราทั้งสามคนเล่นด้วยกันตามปกติในช่วงนั้นเราก็เริ่มทาลิป หวีผม ตามประสาวัยกำลังโต แต่มีวันนึงที่เพื่อนร่วมห้องคนนึงชื่อแพนเค้กมันมาขอเล่นด้วย เราก็เลยให้เล่นด้วย แต่ปรากฏว่าแพนเค้กมันเลือกที่จะตีสนิทกับนํ้าหวานมากกว่าเพราะนํ้าหวานเป็นคนที่ยิ้มเก่ง เส้นตื้นแล้วก็ขำง่าย ส่วนเราก็เป็นคนขำยาก ตอนป.5เราก็ไม่เข้าหาใครหรอก วิวมาเข้าหาเราเอง มันชวนเราคุยจนเราใจอ่อนยอมเล่นกับมัน จนเรายกให้มันเป็นเพื่อนสนิทที่สุด(ปัจจุบันมันบล็อกเฟสเราละหนีไปละจ้า แถมเราก็บอกมันด้วยว่าเรามีอาการแปลกๆคล้ายโรคซึมเศร้าแต่มันก็ไม่สนใจ) พอแพนเค้กมาตีสนิทกับนํ้าหวาน นํ้าหวานก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันเริ่มพูดคำหยาบพูดจาลามกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่แต่ก่อนมันใสซื่อ แล้วไม่พอแพนเค้กมันยังหาหนุ่มรุ่นน้องมาให้นํ้าหวานด้วยทำให้มันได้คบกันน้องคนนั้น เรรที่ไม่มีอะไรให้มันเลยนอกจากการพูดตลกๆให้มันขำ ไม่ก็ชวนมันร้องเพลง หรือไม่ก็แบ่งขนมให้กิน เราเสียใจมากที่นํ้าหวานเปลี่ยนไป แต่เวลาที่แพนเค้กไม่มาโรงเรียนคือเหมือนสวรรค์เลยอะ เราดีใจมาก เราอยากบอกมันไปตรงๆว่าไม่ชอบที่มาแย่งเพื่อนเราไปแต่เราก็ไม่กล้า เพราะส่วนตัวเป็นคนเงียบๆ มีวันนึงที่นํ้าหวานไปหาแฟนมันที่ตึกอื่นกับแพนเค้กเรากับอ๋องแอ๋งไม่อยากตามไปเลยไปนั่งเล่นที่ม้าหินอ่อน ทีนี้เพื่อนร่วมห้องที่ชื่อเนยมันก็มาถามว่า นํ้าหวานมันไปไหน อ๋องแอ๋งก็เลยบอกว่ามันไปหาแฟนมัน เนยมันเลยยิ้มกรุ้มกริ่มส่วนเราก็เลยยิ้มกรุ้มกริ่มบ้างฟิลแบบว่าแซวเพื่อนทางสีหน้าว่าแบบเพื่อนมีฟงมีแฟยไรงี้ แต่จู่ๆแพนเค้กก็โผล่เข้ามาในวงสนทนาแล้วมันก็บกว่า อย่าไปถามพวกมันสองคนเลย พวกมันแบบว่า...ติงต๊องเกินไป มันพูดแล้วมันก็เว้นคำนิดนึง เรานี่หุบยิ้มเลยแต่ก็ไม่พูดอะไร หลังจากนั้นก็ลองทวนคำในใจว่าคำว่าติงต๊องมันแปลว่าปัญญาอ่อนใช่มั้ยนะ เราก็ได้แต่เก็บไปคิดแล้วก็มีวันนึงที่นํ้าหวานลากเราไปคุยหลังห้องแล้วก็บอกว่าจริงๆกูไม่อยากเล่นกับอีแพนเค้กหรอกนะ กูแค่เล่นไปตามมารยาทเฉยๆแล้วมันก็หอมแก้มเรา เราก็เออออไปแล้ววันต่อๆมาเราก็เห็นนํ้าหวานมันนอนตักแพนเค้กแล้วก็คุยกันหัวเราะกัน ตอนนั้นเราอิจฉามาก ทำไมที่ตรงนั้นไม่เป็นเราเราก็ได้แต่คิด พอวันต่อมาก็เห็นมันนอนตักกันแถมตากพัดลมสบายใจเฉิบ เรานี่เหมือนอากาศเลย ได้แต่ยืนมอง อยากเข้าไปหนุนตั้งด้วยแต่ก็ไม่ชอบขี้หน้าแพนเค้กก็เลยไม่ทำ พอวันต่อๆมาอีกก็เห็นมันนอนตักกันอยู่หน้าพัดลมเช่นเคยแต่วันนั้นเพื่อนผู้ชายในห้องมันแกล้งชูนิ้วกลางใส่เราเราก็เลยวิ่งไปไล่มันละก็ชูนิ้วกลางใส่มันกลับ แต่จังหวะนั้นเราไปชูนิ้วกลางต่อหน้านํ้าหวานกับแพนเค้กพอดีแล้วเราก็ได้ยินนํ้าหวานเงยหน้าไปพูดกับแพนเค้กว่า อี...มันดูเอ๋อๆเนาะ (เราขอไม่เอ่ยชื่อตัวเองนะคะ) แล้วแพนเค้กก็พยักหน้าแล้วมันก็พากันขำเบาๆ เราเลยทำเป็นถามว่าเมื่อกี้พูดอะไรนะ มันก็พากันส่ายหน้ารัวๆแล้วก็บอกว่าไม่มีไรๆๆๆๆๆๆ เราก็อ้อ แล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วก็ร้องเลยจ้า พยายามกลั้นนํ้าตาสุดๆ โคตรทรมานหลังจากนั้น เราก็เริ่มทำอะไรคนเดียวเช่น ไปเข้าห้องน้ำคนเดียว เดินไปโรงอาหารกับอ๋องแอ๋ง แล้วด้วยความที่อ๋องแอ๋งก็เป็นคนเงียบๆแล้วมาเดินกับเราสองคนมันก็ยิ่งดูเหมือนคนใบ้กับคนใบ้เล่นด้วยกัน ตอนนั้นเราคิดมากหนักมาก แต่มีวันนึงที่ได้เดินกลับบ้านมันเหมือนมีอะไรมาฮีลใจแบบสุดๆ เราได้แวะไปเดินเล่นที่วัดกับนํ้าหวานแล้วก็ได้ถ่ายรูปคู่กัน เราดีใจมาก ดีใจสุดๆ อยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอด แต่วันต่อมาทุกอย่างก็เหมือนเดิม เราแทบไม่ได้คุยกับนํ้าหวานเพราะนํ้าหวานติดแพนเค้กมาก เราเสียใจมาก
จนกระทั่งปิดเทอม1 พอเปิดเทอม2 เราเริ่มโดดเดี่ยวเวลาอ๋องแอ๋งไม่มาโรงเรียนก็เหมือนตัวคนเดียวเหมือนไม่มีเพื่อนจนเรามีอาการแปลกๆขึ้นมา นั่นก็คือตอนใกล้จะเลิกเรียน ตอนนั้นนั่งเข้าแถวฟังครูพูดนู่นพูดนี่ก่อนแยกแถวกลับบ้าน แต่จู่ๆเราก็มีอาการแปลกๆ เราเริ่มอึดอัด มือสั่น ใจสั่น เหงื่อออกที่มือ ตัวสั่น ปากสั่น ไม่อยากเป็นจุดสนใจ เรามองซ้ายมองขวาแล้วก็ดันไปเห็นพี่ผู้หญิงคนนึงนั่งมองเราอยู่ไม่ไกลสายตาก็ฟิลแบบว่า มันเป็นอะไรของมัน แล้วเราก็เริ่มกดดัน ในหัวก็คิดขึ้นมาว่า ทำไมเขาต้องมองแบบนั้น ไม่อยากถูกจ้องแบบนี้เลยมันอึดอัด อยากหายไปจากตรงนี้ ไม่กล้าบตาพี่เขา แล้วกูต้องก้าวเท้าไหนเวลาลุกดีวะ กูต้องทำท่าทางยังไง กูต้องทำตัวยังไง ไม่อยากโดนมอง จู่ๆในหัวมันก็คิดแบบนี้ โคตรรู้สึกอึดอัดทรมานเลย พอกลับบ้านเราก็เข้าห้องนํ้าไปร้องไห้ แล้วร้องไห้แบบไม่มีเสียงด้วยนะ แล้วก็ถามตัวเองในใจซํ้าๆว่า เกิดอะไรขึ้นกับกูวะ ทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น ทำไมถึงคิดแบบนั้น ทำไมถึงแคร์สายตาคนอื่นขนาดนี้ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเป็น แล้วก็ยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น แล้วก็คิดอีกว่า กูจะไปโรงเรียนได้รึเปล่าวะ ไม่อยากไปโรงเรียนเลย สุดทายล้ก็แกล้งป่วยแล้วก็ไม่ได้ไปโรงเรียน จนกระทั่งวันหนึ่งนํ้าหวานก็ย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่น แบบพระถันหัน ไม่บอกลากันซักคำ ไม่บอกไม่อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้ายายของนํ้าหวานไม่รู้จักกับยายเรา เราก็คงไม่รู้เรื่องนี้ เราเสียใจมาก นอนร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน พอเปิดเทอมเราพยายามทำตัวปกติ พยายามชวนอ๋องแอ๋งคุยเพราะเหลือกันอยู่แค่สองคน ส่วนแพนเค้กมันก็ไปหาตีสนิทกับคนอื่น เราเสียใจมาก เกลียดตัวเองที่เป็นคนไม่ค่อยพูด เกลียดที่สุด เราเริ่มทำอะไรคนเดียวบ่อยๆ แล้ว+กับอ๋องแอ๋งที่เป็นกระเทยแต่เป็นกระเทยเงียบๆมันก็คุยไม่สนุก เราต้องเดินไปห้องนํ้าคนเดียวเพราะอ๋องแอ๋งไม่กล้าไปด้วย เวลาต้องเล่นเกมจับคู่กับเพื่อนผู้หญิงเราก็ไม่มีคูู่่ต้องขอครูว่าขอคู่กับอ๋องแอ๋งได้มั้ย เราเหนื่อย ช่วงนั้นเราโคตรอยากลาออก ไม่อยากไปเหยียบโรงเรียนอีกแล้ว เวลาที่เราทำอะไรคนเดียวเราก็จะชอบโดนรุ่นน้องมองแปลกๆ ในหัวเราก็คิดเลยว่า ต้องโดนมองว่าเพื่อนไม่คบแน่ๆ  แต่เราก็น่าจะคิดถูกจริงๆเพราะโดนรุ่นน้องชี้หน้า แถมยังทำตาขวางใส่ น้องเขาก็มีเพื่อนเยอะด้วย เราก็ไม่กล้าหืออือ นานวันเข้า เราก็เหมือนคนบ้า เหมือนโควิดช่วยชีวิต เราใส่แมสตลอด แทบจะไม่ถอดเลยจนจบม.3 ไม่กล้าแสดงสีหน้าท่าทาง ต้องทำตัวเก้ๆกังๆ พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดจนเหมือนคนบ้า เราอึดอัดมาก อึดอัดที่สุด ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย พอเวลาที่ถอดแมสคือแทบจะเหมือนดารา คนมองคนลุ้นกันเต็ม แต่เราก็ไม่ได้สวยอะไรหรอก เราเหนื่อยที่จะพิมพ์แล้ว อยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรกันแน่ เคยไปหาหมอ หมอบอกเป็นโรคซึมเศร้าแต่คลื่นหัวใจปกติแถมโดนหมอบูลลี่อีก สุดท้าย เรากับอ๋องแอ๋งก็เล่นด้วยกันจนจบม.3แล้วก็แยกย้ายกันไป ขอบอกตรงๆเลยว่าแต่ก่อนไม่ค่อยชอบอ๋องแอ๋งเพราะมันไม่ค่อยพูดแต่สุดท้ายมันก็เป็นเพื่อนแท้กับเราไปตลอด3ปี สุดยอดจริงๆ ผ่านมันมาได้ก็เพราะมัน เพราะมันจริงๆ ถ้าไม่มีมันก็คงฆ่าตัวตายไปแล้ว โชคยังดี อยากจะขอบคุณมันจริงๆ คือเพื่อนรักของกูนะแอ๋ง. ปล.เรายังมีความคิดและอคติเดิมแต่ก็พยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่แต่ยังไม่ค่อยกล้าแสดงสีหน้า+กล้าแสดงออกเหมือนเคย ขอบคุณที่อ่านจนจบนะ พวกคุณน่ารักมาก จะให้คำแนะนำ จะติ จะว่ายังไงเราก็ได้ เราอยากอ่าน ขอแค่มีคนรับฟังเรื่องราวบ้าๆนี้ของเรา ก็เพียงพอแล้ว ขอบคุณนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่