ในเดือนกรกฎาคม 1945 มีเหตุการณ์หนึ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาลนั่นคือการทดสอบระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก ณ Trinity Site ทุกคนฟังนะหลังจากที่ผมหายไปเป็นเวลานานเนื่องจากกระทู้โฆษณาชวนเชื่อในบอร์ดอาวุธยุทโธปกรณ์ หลังจากที่พวกคุณได้ฟังโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมดแล้วผมก็คงไม่ต้องสาธยายว่าคนบางคนชอบระเบิดนิวเคลียร์ขนาดไหน แต่ในหัวข้อวันนี้เราจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกแบบเห็นได้จริงๆ
ท้าวความก่อน ในการจุดระเบิดปรมาณูมันจะส่งอนุภาคอะตอมเล็กๆขึ้นไปชั้นบรรยากาศ และธาตุบางชนิดนั้นไม่เคยมีบนโลกมาก่อนเช่นไอโซโทปอย่าง Cesium-137 หรือ Plutonium-139 และ Cobalt-60 ซึ่งไอโซโทปเหล่านี้ถูกค้นพบโดยบริษัท Kodak และได้เปิดโปงความลับสุดยอดของรัฐบาลสหรัฐเนื่องจากในฟิล์มที่ถูกล้างออกมามีปริมาณของ Cerium-141 มากอย่างน่าประหลาดใจและทำให้ฟิล์มแทบจะดูไม่ได้ทั้งๆที่สถานที่ล้างฟิลม์อยู่ใน Indiana ซึ่งห่างจากจุดทดสอบระเบิดปรมาณูกว่า 1000 ไมล์ใน New Mexico ณ ปัจจุบันนี้ไอโซโทปพวกนี้กระจายอยู่ทั่วบรรยากาศของโลก
ในความเป็นจริงคุณสามารถตรวจสอบว่าไวน์ที่ผู้เชี่ยวชาญเคลมว่ามีอายุมากกว่า 77 ปีหรือไม่โดยการตรวจสอบธาตุไอโซโทป Cesium-137 เนื่องจากถ้าหากไวน์มีอายุมากกว่านั้นในไวน์จะต้องไม่มีไอโซโทปชนิดนี้เนื่องจากมันไม่เคยมีบนโลกมาก่อนหรือแม้กระทั่งตรวจสอบว่าคนอายุมากกว่า 77 ปีจริงหรือไม่โดยการดูบัตรประชาชนของเขา แต่กลับเข้าเรื่องของเราเลยดีกว่า เหตุใดเหล็กที่มาก่อนปี 1945 ถึงมีราคาแพงกว่าเหล็กหลังจากนั้นหลายเท่าตัว
ก่อนอื่นเราต้องดูวิธีการทำเหล็กก่อนแน่นอนเราเอาแร่เหล็กมาเผาเมื่อมันหลอมเหลวเราก็เอาของเสียออกนำมาขึ้นรูปจากนั้นเราก็ได้เหล็กนี่คือการอธิบายกระบวนการทำเหล็กแบบคร่าวๆ แต่หลังจากปี 1945 มันกลับมีธาตุไอโซโทป Cobalt-60 กระจายอยู่ทั่วชั้นบรรยากาศและผสมเข้าไปในเนื้อเหล็กแน่นอนว่ามันไม่ใช่ความเข้มข้นที่อยู่ในระดับอันตรายหรือมีผลต่อโครงสร้างของเหล็กสักนิดถ้าให้เอาเข้าจริงเหล็กในอาคารก่อสร้างมีกัมมันตภาพรังสีน้อยกว่ากล้วยที่เรากินอีก แน่นอนตามที่กล่าวมามันไม่ได้มีผลต่อโครงสร้างหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพแม้แต่นิดเดียวแต่หากการนำไปใช้ในอุปกรณ์ที่ต้องการความแม่นยำด้านการวัดกัมมันตภาพรังสีมันจะเป็นปัญหาแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น Geiger meter หรือกำแพงเหล็กที่ใช้ในห้อง x-ray แน่นอนมันจะเป็นปัญหาใหญ่แน่ถ้าหากคุณต้องการวัดกัมมันตภาพรังสีแต่วัสดุที่ใช้มีรังสีในตัวอยู่แล้ว แล้ววิธีแก้ปัญหาล่ะ?
แน่นอนวิธีแก้ปัญหาคือหาเหล็กที่ได้รับกัมมันตรังสีน้อยที่สุดนั่นคือเหล็กในทะเลซึ่งเราก็มีมันมากอยู่พอสมควรเหตุเกิดจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ทหารเรือของเยอรมันจมเรือรบทั้งกองเรือลงไปในทะเลทำให้เรามีเหล็กสำรองที่ไม่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีอยู่พอสมควรแต่ถ้าหากเทียบสัดส่วนมันก็อยู่ในปริมาณที่น้อยมาก
สาเหตุที่เหล็กอายุมากกว่า 77 ปีแพงกว่าเหล็กปัจจุบัน
ท้าวความก่อน ในการจุดระเบิดปรมาณูมันจะส่งอนุภาคอะตอมเล็กๆขึ้นไปชั้นบรรยากาศ และธาตุบางชนิดนั้นไม่เคยมีบนโลกมาก่อนเช่นไอโซโทปอย่าง Cesium-137 หรือ Plutonium-139 และ Cobalt-60 ซึ่งไอโซโทปเหล่านี้ถูกค้นพบโดยบริษัท Kodak และได้เปิดโปงความลับสุดยอดของรัฐบาลสหรัฐเนื่องจากในฟิล์มที่ถูกล้างออกมามีปริมาณของ Cerium-141 มากอย่างน่าประหลาดใจและทำให้ฟิล์มแทบจะดูไม่ได้ทั้งๆที่สถานที่ล้างฟิลม์อยู่ใน Indiana ซึ่งห่างจากจุดทดสอบระเบิดปรมาณูกว่า 1000 ไมล์ใน New Mexico ณ ปัจจุบันนี้ไอโซโทปพวกนี้กระจายอยู่ทั่วบรรยากาศของโลก
ในความเป็นจริงคุณสามารถตรวจสอบว่าไวน์ที่ผู้เชี่ยวชาญเคลมว่ามีอายุมากกว่า 77 ปีหรือไม่โดยการตรวจสอบธาตุไอโซโทป Cesium-137 เนื่องจากถ้าหากไวน์มีอายุมากกว่านั้นในไวน์จะต้องไม่มีไอโซโทปชนิดนี้เนื่องจากมันไม่เคยมีบนโลกมาก่อนหรือแม้กระทั่งตรวจสอบว่าคนอายุมากกว่า 77 ปีจริงหรือไม่โดยการดูบัตรประชาชนของเขา แต่กลับเข้าเรื่องของเราเลยดีกว่า เหตุใดเหล็กที่มาก่อนปี 1945 ถึงมีราคาแพงกว่าเหล็กหลังจากนั้นหลายเท่าตัว
ก่อนอื่นเราต้องดูวิธีการทำเหล็กก่อนแน่นอนเราเอาแร่เหล็กมาเผาเมื่อมันหลอมเหลวเราก็เอาของเสียออกนำมาขึ้นรูปจากนั้นเราก็ได้เหล็กนี่คือการอธิบายกระบวนการทำเหล็กแบบคร่าวๆ แต่หลังจากปี 1945 มันกลับมีธาตุไอโซโทป Cobalt-60 กระจายอยู่ทั่วชั้นบรรยากาศและผสมเข้าไปในเนื้อเหล็กแน่นอนว่ามันไม่ใช่ความเข้มข้นที่อยู่ในระดับอันตรายหรือมีผลต่อโครงสร้างของเหล็กสักนิดถ้าให้เอาเข้าจริงเหล็กในอาคารก่อสร้างมีกัมมันตภาพรังสีน้อยกว่ากล้วยที่เรากินอีก แน่นอนตามที่กล่าวมามันไม่ได้มีผลต่อโครงสร้างหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพแม้แต่นิดเดียวแต่หากการนำไปใช้ในอุปกรณ์ที่ต้องการความแม่นยำด้านการวัดกัมมันตภาพรังสีมันจะเป็นปัญหาแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น Geiger meter หรือกำแพงเหล็กที่ใช้ในห้อง x-ray แน่นอนมันจะเป็นปัญหาใหญ่แน่ถ้าหากคุณต้องการวัดกัมมันตภาพรังสีแต่วัสดุที่ใช้มีรังสีในตัวอยู่แล้ว แล้ววิธีแก้ปัญหาล่ะ?
แน่นอนวิธีแก้ปัญหาคือหาเหล็กที่ได้รับกัมมันตรังสีน้อยที่สุดนั่นคือเหล็กในทะเลซึ่งเราก็มีมันมากอยู่พอสมควรเหตุเกิดจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ทหารเรือของเยอรมันจมเรือรบทั้งกองเรือลงไปในทะเลทำให้เรามีเหล็กสำรองที่ไม่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีอยู่พอสมควรแต่ถ้าหากเทียบสัดส่วนมันก็อยู่ในปริมาณที่น้อยมาก