ขอถามแบบคนโง่ ๆ เลยนะคะ ทำนาทำสวน ถ้าไม่ใส่ปุ๋ยเคมีเลยชาวสวนสามารถทำได้ไหมคะ

พอดีเมื่อกี้ดูข่าว ปุ๋ยเคมีขึ้นมาแพงมาก แอบกลัวว่าสินค้าทางเกษตรจะต้องปรับขึ้นราคาอีกเยอะ เลยมีคำถามมาถามตามชื่อกระทู้ค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 52
ถ้าเป็นสวนปาล์ม ยังไงก็หนีไม่พ้นปุ๋ยเคมีครับ  และต้องใส่ปุ๋ยเยอะๆเท่านั้นครับ อย่างของกงสีผม ใส่ที่ 20 kg. / ต้น / ปี    ปีนึงใส่ปุ๋ย 3-4ครั้งครับ(ถ้าปีไหนมีครั้งที่4คือ ใส่โดโลไมต์ หรือปุ๋ยอินทรีย์ครับ ไม่อย่างนั้นดินมันจะเสียใยระยะยาวครับ)
ถ้าไม่อัดปุ๋ยเยอะ ปาล์มจะขาดคอ(ไม่เป็นดอกผล หรือเป็นดอกเกสรเยอะมากๆ)ภาษาบ้านๆคือ ปาล์มขาดคอ

พอมันโตขึ้น ปาล์มจะผอมแห้งยังกะต้นมะพร้าว ภาษาบ้านๆคือ คอเรียว
ทลายและลูกที่ออกมาลีบแบน และมีจำนวนน้อยตลอดไป

ต้องฆ่าทิ้งแล้วปลูกใหม่ อัดปุ๋ยเยอะๆเท่านั้น ถึงจะทำให้ปาล์มต้นใหญ่ทลายเยอะเป็นรอบคอ จำนวนทลายต่อต้นเยอะ 15วันแทงปาล์มได้แล้ว ทำให้ทั้งปี จะได้ผลผลิตสูงมากๆที่8-12ตันต่อไร่ต่อปี(จริงๆ6-8ตันต่อไร่ต่อปีก็หรูแล้วครับ จากที่แปลงเพาะระบุไว้4-6ต้นต่อไร่ต่อปี)   และนานๆครั้งมันจะ ปาล์มมันจะขาดคอทั้งแปลงที่ปลูกในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมอินโดนีเซียที่ปลูกปาล์มเยอะสุด ถึงมีปัญหาขาดแคลนปาล์มน้ำมันซะเอง

สาเหตุที่เยอะขนาดนั้น เพราะปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่ดูดแร่ธาตุในดินได้เก่งมากๆ และดูดน้ำเยอะมากๆ
ถ้ามันสูงใหญ่ โคนต้นปาล์ม แม้แต่หญ้าก็ขึ้นแทบไม่รอดครับ(มันจะขึ้นและโตหลังจากใส่ปุ๋ยไปได้ไม่นานนัก แล้วโตไม่ขึ้น) เพราะแสงแดดโดนแย่งไม่พอ ยังโดนแย่งแร่ธาตุและน้ำไปหมด + ความแรงและเยอะของปุ๋ย มันจะตายเอง หลังจากเราใส่ปุ๋ยใหม่ๆครับ
และปาล์มที่ดี ใส่ปุ๋ยพอเหมาะ น้ำไม่ขาด  ใบมันจะต้องเขียวเข้มมาก หรือภาษาบ้านๆคือใบดำครับ ถ้ามันออกเขียวแสดงว่าปุ๋ยไม่พอครับ ถ้าใบเหลืองคือมันขาดปุ๋ยหรือน้ำแล้ว(ซึ่งปุ๋ยอินทรีทำให้ปาล์มใบดำไม่ได้เลยครับ) และถ้าใบดำแต่เป็นช่อดอกเยอะ ช่อผลน้อยหรือไม่มีเลย แต่ใบยังดำแสดงว่า มันขาดน้ำ หรือ ดูดปุ๋ยได้ไม่ครบ ดินเริ่มเสียเพราะปาล์มดูดแร่ธาตุในดินไปจนเสียสมดุล+เริ่มมีธาตุไนโตรเจนตกค้างในดินแล้วทำให้ดินเป็นกรด เป็นสาเหตุที่ตองใส่โดโลไมต์และปุ๋ยอินทรีย์ในบางปี เพื่อปรับสภาพเดินและปรับสูตรปุ๋ย พอดินเป็นปกติ ก็จะใส่ตามเดิมไปอีก4-6ปี
(ซึ่งมักจะใส่ 13-7-35 หรือ 0-0-60 ซึ่งถ้าใส่ถูกช่วงเปะๆ ปาล์มจะออกทลายเต็มคอครับ แต่ถ้าใส่ 0-0-60 ผิดหรือเยอะไป มันจะสำลักปุ๋ยจะกลายเป็นดินเค็มแทน และปาล์มจะใบเหลือง ทลายเล็กแทน)

รอบล่าสุดที่เพิ่งแทงไปของแปลง 320 ไร่ ยังได้ไร่ละ0.3-0.5ตัน/รอบ/15วัน(เฉพาะปีนี้)ครับ*

สวนทุเรียนเอง ถ้าไม่ใช้สารเคมีมารักษาโรคให้ต้นทุเรียน ปัจจุบันนี้เป็นไปไม่ได้เลยครับ 10-20 ปีมานี้ ทุเรียนติดโรคและตายง่ายมากๆ
แต่ถ้าไม่ใส่ปุ๋ยเคมี ผมยืนยันว่า ทำได้อยู่ แต่ผลผลิตต้อไร่จะต่ำ ผลไม่สวย และติดโรคแล้วตายง่ายมากๆ

สวนยางพาราสวนสุดท้าย ก่อนจะโค่นไม้ยางขาย 2-3 ปี จะใส่แต่ปุ๋ยยูเรียเท่านั้น ปีสุดท้ายไม่ใส่ปุ๋ย อายุตอนโค่นคือ20-25ปี(หรือน้ำยางออกไม่คุ้มค่าปุ๋ยแล้ว)  ขนาดไม้ ได้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า10นิ้ว ต้นนึงหนักประมาณ600-800kg. จำนวน75ต้นต่อไร่    สวนสุดท้ายมี 88 ไร่ โค่นตอนไม้ยางพารา กิโลละ 2.5 บาท/kg (ปัจจุบันนี้ราคาตกเหลือแต่ 1.5-1.7฿)  ได้ไป 10.5 ล้าน (จริงๆได้13ล้านครับเพราะหักค่าโค่น)

แต่ถ้าเป็นแปลงใหญ่สุดคือ 320ไร่ อันนั้นได้ราคาไม้ยางแพงสุดแล้วคือ กิโลละ 3.5฿ ยางอายุเกิน25ปี(โค่นช้าเพราะยางโลละ100) รอบนั้นได้ไป 70 ล้านบาท (กำไรทั้งหมดน่าจะ80ล้าน เพราะจำได้ว่า ต้นมันใหญ่มากแล้ว และน้ำยางออกน้อยมากแล้ว อากงจึงโค่นตอนยางโลละ100เลย แบบไม่รอไม่ใส่ปุ๋ยเร่งอะไรแล้ว)

จริงๆพี่สาวคือ จะรู้เยอะกว่า เพราะอากงพามาดูตอนที่สวนยังกรีดยางได้และดูตอนรีดยางกันด้วย( แต่ไม่ได้เห็นกรีด เพราะต้องพาไปตอนกลางคืน)
มาดูทันตั้งแต่สวนปาล์มแปลงแรก และที่ดินก่อนสร้างบ้านใหญ่ ซึ่งเป็นสวนเงาะ สวนทุเรียน สวนมังคุด สวนลองกอง สวนลางสาด และสวนโกโก้ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น บ้านใหญ่ของกงสี และปลูกปาล์มกับทุเรียนแทน
ซึ่งพี่สาวก็ไม่ได้มาดูแลสายงานทำสวนของกงสีครับ แต่ก็มาดูและคุมงานเป็นครั้งคราว


ต่อให้มีที่ดินปลูกเยอะ  มันไม่คุ้มหรอกครับ ที่จะเอาที่ดินไร่นึงเป็นแสนๆ ใส่แต่ปุ๋ยอินทรีย์ โดยไม่คำนึงถึงผลตอบแทนที่ตามมา ว่ามันคุ้มทุนและได้กำไรภายในกี่ปี และจะหากำไรจากมันได้อีกกี่ปี


ปล. กงสีผมก็มีกิจการร้านขายปุ๋ยและอุปกรณ์การเกษตรค่อนข้างใหญ่ และได้สัมปทานทั้งปุ๋ยหลักๆที่นิยมใส่กัน พวกปุ๋ยใข่มุก ปุ๋ยมรกต(คงเดายี่ห้อออกนะ เพราะมันมีแค่3-4ยี่ห้อ)  ราคายังถูกกว่าปุ๋ยผสมบางยี่ห้ออีกครับ แถมมไม่เป็นฝุ่นด้วย
ยังดีที่ปาล์มมันราคาแพง ใส่ปุ๋ยในราคากระสอบละ1,500-1,700 ยังไม่เป็นภาระมากครับ เพราะต้นทุนสูง แต่ผลตอบแทนยังสูงตามอยู่ (ถ้าราคาปาล์ม5-6บาท/กิโล ก็ลดการใส่แทนครับ เหลือปีละครั้ง-2ครั้ง)


*แก้เลขผิด
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าทำนาปีละครั้ง ฤดูน้ำหลากก็ปล่อยให้น้ำท่วมท้องนา  ช่วงเวลาอื่นที่ไม่ใช่ฤดูทำนาก็ปลูกพื้นอย่างอื่นแล้วไถกลบให้เป็นปุ๋ยพืชสดไป
เลี้ยงวัวเลี้ยงควายก็เอามูลมาเป็นปุ๋ย  อย่างนี้ไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีก็คงได้

แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป ทำนาทั้งปี เก็บเกี่ยวเสร็จ ลงใหม่เลย แร่ธาตุสารอาหารในดินก็หมด ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีอย่างเลี่ยงไม่ได้
พวกปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยพืชสดต่างๆ หรือ อาศัยน้ำหลากพัดพาสารอาหารมาทับถมคงไม่มี หรือมีก็ไม่เพี่ยงพอต่อการปลูกแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 15
ปุ๋ยหมักแม่โจ้ ต้นทุนต่ำ(แต่ใช้แรงเยอะถ้าทำเยอะ) ธาตุอาหารครบ
ช่วงนี้หน้าทุเรียน เอาเปลือกทุเรียนมาทำก็ได้
https://www.facebook.com/groups/836331036476777/posts/887347471375133/
ความคิดเห็นที่ 30
ทำได้ แต่ผลผลิตต่อไร่มันต่ำ

ต้องขายราคาแพงกว่าใช้ปุ๋ยเคมี สุดท้ายก็ไม่มีคนซื้ออยู่ดี

ลองไปดูราคาผลิตภัณฑ์ organic ดู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่