ผมก็มนุษย์เงินเดือนคนนึงที่มีความคิดอยากจะลาออกทุกวัน ทุกเวลาทุกเดือน แต่ผมไม่สามารถทำได้
เพราะภาระ และค่าตอบแทนที่เขาให้ก็ถือว่าเยอะพอควร บวกกับไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว
จึงอดทนทำงาน โดนจิกหัวใช้ จนมาถึงทุกวันนี้ครับ
ผมชั่งน้ำหนักดูแล้ว ว่าการ เครียดกับงาน มันดีกว่า เครียดเพราะตกงาน
เพราะอย่างน้อย เครียดกับงาน เรามีชั่วโมงในการทำงาน หมดเวลางานก็คือพัก วันต่อไปลุยต่อ แถมสิ้นเดือนก็รับเงินเดือน
แต่
เครียดเพราะตกงาน ไม่มีรายรับ มีแต่รายจ่าย เอาเงินเก็บมาใช้ ที่มันควรจะเอาไว้ทำอย่างอื่นในยามจำเป็นฉุกเฉิน
แถมเป็นภาระครอบครัว ขอเงินพ่อแม่ มันทำให้เราเครียดไปด้วย ที่โตแล้วแต่ยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ และทางบ้านก็อาจจะเครียดไปด้วย เพราะเขาคงเป็นห่วงเรา ที่เรายังไม่สามารถดูแลตัวเอง เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดในสังคมได้
แต่การทำงาน ถ้าเรารู้สึกว่ามันเครียดสะสมเกินไปส่งผลถึงสุขภาพจิต
แนะนำให้เปลี่ยนงาน แต่การเปลี่ยนงาน เราต้องแน่ใจว่าจะดีกว่าที่เก่า ไม่ใช่ไปที่ไหนก็เป็นเหมือนเดิม
อันนั้น ต้องย้อนมาดู เพราะต้นเหตุอาจจะเป็นที่ตัวของเราซะเอง
ฝากไว้เป็นข้อคิดให้เพื่อนมนุษย์เงินเดือนทุกคนครับ
เครียดเพราะงานเยอะจนทำไม่ทันหรืองานโหลดเกินไป กับเครียดเพราะยังหางานทำไม่ได้ คุณอยากเครียดแบบไหน
เพราะภาระ และค่าตอบแทนที่เขาให้ก็ถือว่าเยอะพอควร บวกกับไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว
จึงอดทนทำงาน โดนจิกหัวใช้ จนมาถึงทุกวันนี้ครับ
ผมชั่งน้ำหนักดูแล้ว ว่าการ เครียดกับงาน มันดีกว่า เครียดเพราะตกงาน
เพราะอย่างน้อย เครียดกับงาน เรามีชั่วโมงในการทำงาน หมดเวลางานก็คือพัก วันต่อไปลุยต่อ แถมสิ้นเดือนก็รับเงินเดือน
แต่
เครียดเพราะตกงาน ไม่มีรายรับ มีแต่รายจ่าย เอาเงินเก็บมาใช้ ที่มันควรจะเอาไว้ทำอย่างอื่นในยามจำเป็นฉุกเฉิน
แถมเป็นภาระครอบครัว ขอเงินพ่อแม่ มันทำให้เราเครียดไปด้วย ที่โตแล้วแต่ยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ และทางบ้านก็อาจจะเครียดไปด้วย เพราะเขาคงเป็นห่วงเรา ที่เรายังไม่สามารถดูแลตัวเอง เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดในสังคมได้
แต่การทำงาน ถ้าเรารู้สึกว่ามันเครียดสะสมเกินไปส่งผลถึงสุขภาพจิต
แนะนำให้เปลี่ยนงาน แต่การเปลี่ยนงาน เราต้องแน่ใจว่าจะดีกว่าที่เก่า ไม่ใช่ไปที่ไหนก็เป็นเหมือนเดิม
อันนั้น ต้องย้อนมาดู เพราะต้นเหตุอาจจะเป็นที่ตัวของเราซะเอง
ฝากไว้เป็นข้อคิดให้เพื่อนมนุษย์เงินเดือนทุกคนครับ