เราอยู่กินกับพ่อของลูกตั้งแต่ปี53 มีลูกคนแรกตอนปี54 เมื่อก่อนเค้าเป็นลูกจ้างเขาค่ะ กินรายเดือนประมาณ3หมื่น เรามีหน้าที่แค่เลี้ยงลูก ทำงานบ้าน เมื่อก่อนเค้าเป็นคนไม่ติดเพื่อน ไม่สังสรรค์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นยา เรื่องผู้หญิงเขาไม่เคยมีให้เราปวดหัวเลยค่ะ ตอนนั้นก่อนย้ายกลับมาบ้านเค้าขยันมาก ตั้งใจทำงาน มีเงินเก็บเป็นแสนๆ เพราะตั้งใจจะออกรถเก๋งกัน จนปี58พ่อกับแม่เค้าปลูกบ้านให้เรา2คนพ เลยตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเกิดเขาดีกว่าเพราะบ้านก็ไม่ต้อง ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ มาอยู่ปีแรกๆ เขายังไม่ออกลาย พอปี59เราท้องลูกคนที่ 2 ก็ยังปกติ พอมาปี60 เราเริ่มสังเกตุเห็นว่าเขาเปลี่ยนไป เริ่มติดเพื่อนเก่าๆที่เคยเป็นทหารด้วยกัน เริ่มติดบุหรี่ พีคไปกว่านั้น เราจับได้ว่าเค้าเสพยาทั้งบ้า ทั้งไอซ์ เราขอร้องเค้าให้เลิกซะเค้าก็รับปากว่าจะเลิก มาปี61-62เสพอย่างเดียวไม่พอ ขายด้วย บางทีขายต่อหน้า ต่อตาเรา นับวันยิ่งทำแบบโจ่งแจ้ง บอกให้เลิกก็ไม่ฟัง จากคนขยันกลายเป็นคนขี้เกลียจ แทบไม่เอาการ ไม่เอางานอะไรเลย เงินเก็บที่สะสมไว้ก็เริ่มหมด พอเค้าทำงานเหนื่อยคนเดียวเค้าก็บ่นให้เราว่าทำไมเค้าต้องเหนื่อยอยู่เดียว เพื่อให้คนอื่นสบาย เราก็เลยบอกเค้าว่างั้นเดี๋ยวเราออกไปทำงาน ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆบ้านเนี่ย เค้าก็ไม่ให้ไป ถ้าเราไปทำงานแล้วใครจะเลี้ยงลูก เพราะพ่อแม่เค้าก็ช่วยเลี้ยงได้แค่แปปๆ เพราะพ่อแม่เค้าก็มีงานของพวกเค้าที่ต้องทำ
นับวันเรื่องยาก็ยิ่งแรงขึ้น เงินก็ไม่มีใช้แล้ว บวกกับโควิดเริ่มมาเราเลยขอเลิกกับเค้าแล้วเราก็หอบลูกไปอยู่บ้านกับพ่อแม่เรา เรากลับไปอยู่บ้านได้1เดือน เค้าไปตามเราที่บ้าน แต่เราไม่กลับ เรายืนหยัดว่าเราจะเลิก แม่เค้าถามเหตุผลเรานะว่าทำไมถึงต้องเลิกเพราะอะไร? เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่เค้าฟังเลย เพราะเราไม่ค่อยสนิทกับแม่เค้า เราก็เล่าทั้งหมดให้แม่เค้าฟัง แม่เค้าถามลูกชายเค้าว่าจะเลิกเองหรือจะให้เค้าส่งไปบำบัด พ่อของลูกเราเค้าบอกว่าจะเลิกเอง แม่เรา แม่เค้าก็ถามเรา คิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะแยกทางกัน พ่ออยู่ทาง แม่อยู่ทาง นึกถึงจิตใจลูกมั้ง เรายืนยันแล้วว่าจะเลิก แม่ย่าเค้าก็ขอลูกเราทั้ง2ไปเลี้ยง เหตุผลที่เราให้เด็กๆไปอยู่กับปู่ย่าเพราะทางบ้านแฟนฐานะการเงินเค้าดีกว่าทางบ้านเรา และหลายๆอย่างมันสะดวกกว่า แถมพ่อแม่เราติดเหล้า แล้วอีกอย่างเด็กๆเค้าก็โตมากับปู่ ย่า เราเลยสนิทใจกว่าที่จะให้ลูกเราอยู่กับพ่อแม่เรา
พอแยกทางกับพ่อของลูก เราก็มาทำงานกับน้องสาว เราได้งานโรงงานเล็กๆ ได้งานดีๆ แบบฟลุ๊คๆเพราะช่วงนั้นโควิดกำลังมาแรง คนทะยอยกลับบ้านกันหมด เราได้งานเป็นหัวหน้า,และผู้ช่วยผจก. เงินเดือน3หมื่นกว่า ตอนนั้นคือโชคดีมากๆ เราตั้งใจทำงาน เก็บเงินฝากให้ลูกๆทุกเดือนๆละหมื่น แต่เราไม่เคยบอกพ่อของลูก ตั้งแต่เราเลิกกับเค้าไปเราไม่เคยเล่นเฟซอีกเลย เราโทรหาลูกผ่านทางไลน์ตลอด เมื่อปีที่แล้วย่าเค้าเล่าให้เราฟังว่า ลูกชายเค้าพูดตลอดว่า คนอย่างเราอ่ะไปไหนไม่รอดหรอก ถ้ากลับไปหาเค้าๆก็ไม่เอาแล้ว แล้วตั้งแต่เราเลิกกับเค้าไปเราไม่เคยมีใครใหม่ แล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งบวกกับโบนัสอีกนิดหน่อย เราไม่ได้เจอลูกมา1ปีเต็มๆทั้งที่จากที่เราอยู่กับบ้านเค้าห่างกันไม่ถึงร้อยกิโล เราเลยซื้อรถเก๋งคันหนึ่งมือสอง ตอนปีใหม่เราก็ไปเซอร์ไพร์สลูกๆก็ดีใจที่ได้เจอแม่เพราะไม่ได้เจอมาปีหนึ่ง เราก็ไปรับลูกไปเที่ยวทะเล 3วัน เราก็ซื้อทองให้ลูกเราคนละสลึงก็ฝากย่าเค้าไว้ พอกลับจากไปเที่ยวเราก็คุยกับย่าเค้าว่า ถ้าเด็กๆปิดเทอมขอมารับเด็กๆไปอยู่ด้วยนะแม่ ย่าเค้าก็โอเค เราก็ไปรับเด็กๆมาตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาไปทำงานเราก็พาลูกไปด้วยบางวัน ๆก็ไปฝากน้องสาว เลิกงานเราก็ไปรับ คืออยู่กับเราอยู่ดี กินดี นอนห้องแอร์ พ่อมันก็โทรมาหาลูกสาวทุกวันบอกพ่อคิดถึง ให้พ่อไปรับมั้ย ส่วนลูกก็บอกไม่ หนูอยากอยู่กับแม่ แถมยังแกล้งถามลูกคนโตอีกว่าแม่มีผัวใหม่ยัง ลูกก็บอกไม่นะพ่อ แม่ไม่มีใครเลย ตื่นเช้ามาแม่ก็ไปทำงาน เลิกงานก็นอนหนูไม่เคยเห็นแม่คุยหรือวีดีโอกับใครเลย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเค้าโทรมาหาลูกแต่ขอคุยกับเรา ถามเราว่าคิดถึงพี่มั้ย พี่คิดถึงเอ็งมาก พี่รักเอ็งมาก กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้มั้ย ยาพี่เลิกไม่ได้จริงๆถ้าเลิก พี่เป็นอัมพาตแน่ มันเกี่ยวกันด้วยหรอคะ
เราเลยบอกไปว่าถ้าให้เรากลับไปอยู่จุดๆเดิม อดๆอยากๆ ทำงานกินรายวันหาเช้ากินค่ำ เงินเก็บก็ไม่มี อยากได้อะไรก็ ไม่มีเหมือนเค้า เราไม่เอาด้วยหรอก เค้าก็ว่าเรา เห็นแก่ตัวเนอะ สบายแต่ตัวเอง ไม่สงสารลูกเลย เราบอกจะให้ลูกอยู่กับเราเลยก็ได้ เราพร้อมจะส่งเรียนเอกชนดีๆ ไปเลย เราเลยบอกเค้าไปว่าเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเอาลูกไปส่ง ส่วนลูกก็บอกไม่อยากกลับ อยากอยู่แม่ ส่วนปู่ก็คิดถึงหลานจะแย่ เราเลยให้ ปู่ย่ากับหลานๆไปตกลงกันว่าจะเอายังไง ถ้าอยู่กับแม่ๆก็ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แล้วจะพาไปหาปู่ย่า ทุกวันอาทิตย์ หรือกลับไปอยู่กับปู่ ย่า แล้วแม่จะติดแอร์ให้ แต่ต้องให้ย้ายโรงเรียนไปเรียนเอกชนในตลาด เค้าก็ดูถูกดราจะเอาปัญญาที่ไหนมาส่งลูกเรียนเอกชน ทำเหมือนเงินเดือนเยอะหนักแหละ ตั้งแต่เราได้ทำงานเราไม่เคยบอกพวกเค้าว่าเราได้เงินเดือนเท่าไหร่ รู้แค่ว่าทำงานโรงงาน เราเลยให้ลูกโชว์สมุดเงินฝากที่เราฝากให้ลูกมา1ปี เดือนละหมื่น คนละ5พัน มีเท่าไหร่ เราก็โชว์สลิปเงินเดือนเราไปเลยว่าได้ต่อเดือนเท่าไหร่ แล้วเราไปรู้มาอีกว่าทุกวันนี้เค้าขอเงินแม่เค้าใช้วันละ2ร้อย เพราะงานการไม่เอาแล้ว กลางวันส่องพระ เล่นยา ตกเย็นมาสุมหัวกับเพื่อน แล้วจะมาขอเราด้วยเป็นรายเดือนๆละ3พัน เราไม่ให้
เราเห็นแก้ตัวไหมคะ
เราไม่กลับไปอยู่พ่อของลูก ไม่อยากกลับไปอยู่แบบครอบครัวเหมือนเดิมเราผิดเหรอคะ?
นับวันเรื่องยาก็ยิ่งแรงขึ้น เงินก็ไม่มีใช้แล้ว บวกกับโควิดเริ่มมาเราเลยขอเลิกกับเค้าแล้วเราก็หอบลูกไปอยู่บ้านกับพ่อแม่เรา เรากลับไปอยู่บ้านได้1เดือน เค้าไปตามเราที่บ้าน แต่เราไม่กลับ เรายืนหยัดว่าเราจะเลิก แม่เค้าถามเหตุผลเรานะว่าทำไมถึงต้องเลิกเพราะอะไร? เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่เค้าฟังเลย เพราะเราไม่ค่อยสนิทกับแม่เค้า เราก็เล่าทั้งหมดให้แม่เค้าฟัง แม่เค้าถามลูกชายเค้าว่าจะเลิกเองหรือจะให้เค้าส่งไปบำบัด พ่อของลูกเราเค้าบอกว่าจะเลิกเอง แม่เรา แม่เค้าก็ถามเรา คิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะแยกทางกัน พ่ออยู่ทาง แม่อยู่ทาง นึกถึงจิตใจลูกมั้ง เรายืนยันแล้วว่าจะเลิก แม่ย่าเค้าก็ขอลูกเราทั้ง2ไปเลี้ยง เหตุผลที่เราให้เด็กๆไปอยู่กับปู่ย่าเพราะทางบ้านแฟนฐานะการเงินเค้าดีกว่าทางบ้านเรา และหลายๆอย่างมันสะดวกกว่า แถมพ่อแม่เราติดเหล้า แล้วอีกอย่างเด็กๆเค้าก็โตมากับปู่ ย่า เราเลยสนิทใจกว่าที่จะให้ลูกเราอยู่กับพ่อแม่เรา
พอแยกทางกับพ่อของลูก เราก็มาทำงานกับน้องสาว เราได้งานโรงงานเล็กๆ ได้งานดีๆ แบบฟลุ๊คๆเพราะช่วงนั้นโควิดกำลังมาแรง คนทะยอยกลับบ้านกันหมด เราได้งานเป็นหัวหน้า,และผู้ช่วยผจก. เงินเดือน3หมื่นกว่า ตอนนั้นคือโชคดีมากๆ เราตั้งใจทำงาน เก็บเงินฝากให้ลูกๆทุกเดือนๆละหมื่น แต่เราไม่เคยบอกพ่อของลูก ตั้งแต่เราเลิกกับเค้าไปเราไม่เคยเล่นเฟซอีกเลย เราโทรหาลูกผ่านทางไลน์ตลอด เมื่อปีที่แล้วย่าเค้าเล่าให้เราฟังว่า ลูกชายเค้าพูดตลอดว่า คนอย่างเราอ่ะไปไหนไม่รอดหรอก ถ้ากลับไปหาเค้าๆก็ไม่เอาแล้ว แล้วตั้งแต่เราเลิกกับเค้าไปเราไม่เคยมีใครใหม่ แล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งบวกกับโบนัสอีกนิดหน่อย เราไม่ได้เจอลูกมา1ปีเต็มๆทั้งที่จากที่เราอยู่กับบ้านเค้าห่างกันไม่ถึงร้อยกิโล เราเลยซื้อรถเก๋งคันหนึ่งมือสอง ตอนปีใหม่เราก็ไปเซอร์ไพร์สลูกๆก็ดีใจที่ได้เจอแม่เพราะไม่ได้เจอมาปีหนึ่ง เราก็ไปรับลูกไปเที่ยวทะเล 3วัน เราก็ซื้อทองให้ลูกเราคนละสลึงก็ฝากย่าเค้าไว้ พอกลับจากไปเที่ยวเราก็คุยกับย่าเค้าว่า ถ้าเด็กๆปิดเทอมขอมารับเด็กๆไปอยู่ด้วยนะแม่ ย่าเค้าก็โอเค เราก็ไปรับเด็กๆมาตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาไปทำงานเราก็พาลูกไปด้วยบางวัน ๆก็ไปฝากน้องสาว เลิกงานเราก็ไปรับ คืออยู่กับเราอยู่ดี กินดี นอนห้องแอร์ พ่อมันก็โทรมาหาลูกสาวทุกวันบอกพ่อคิดถึง ให้พ่อไปรับมั้ย ส่วนลูกก็บอกไม่ หนูอยากอยู่กับแม่ แถมยังแกล้งถามลูกคนโตอีกว่าแม่มีผัวใหม่ยัง ลูกก็บอกไม่นะพ่อ แม่ไม่มีใครเลย ตื่นเช้ามาแม่ก็ไปทำงาน เลิกงานก็นอนหนูไม่เคยเห็นแม่คุยหรือวีดีโอกับใครเลย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเค้าโทรมาหาลูกแต่ขอคุยกับเรา ถามเราว่าคิดถึงพี่มั้ย พี่คิดถึงเอ็งมาก พี่รักเอ็งมาก กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้มั้ย ยาพี่เลิกไม่ได้จริงๆถ้าเลิก พี่เป็นอัมพาตแน่ มันเกี่ยวกันด้วยหรอคะ
เราเลยบอกไปว่าถ้าให้เรากลับไปอยู่จุดๆเดิม อดๆอยากๆ ทำงานกินรายวันหาเช้ากินค่ำ เงินเก็บก็ไม่มี อยากได้อะไรก็ ไม่มีเหมือนเค้า เราไม่เอาด้วยหรอก เค้าก็ว่าเรา เห็นแก่ตัวเนอะ สบายแต่ตัวเอง ไม่สงสารลูกเลย เราบอกจะให้ลูกอยู่กับเราเลยก็ได้ เราพร้อมจะส่งเรียนเอกชนดีๆ ไปเลย เราเลยบอกเค้าไปว่าเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเอาลูกไปส่ง ส่วนลูกก็บอกไม่อยากกลับ อยากอยู่แม่ ส่วนปู่ก็คิดถึงหลานจะแย่ เราเลยให้ ปู่ย่ากับหลานๆไปตกลงกันว่าจะเอายังไง ถ้าอยู่กับแม่ๆก็ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แล้วจะพาไปหาปู่ย่า ทุกวันอาทิตย์ หรือกลับไปอยู่กับปู่ ย่า แล้วแม่จะติดแอร์ให้ แต่ต้องให้ย้ายโรงเรียนไปเรียนเอกชนในตลาด เค้าก็ดูถูกดราจะเอาปัญญาที่ไหนมาส่งลูกเรียนเอกชน ทำเหมือนเงินเดือนเยอะหนักแหละ ตั้งแต่เราได้ทำงานเราไม่เคยบอกพวกเค้าว่าเราได้เงินเดือนเท่าไหร่ รู้แค่ว่าทำงานโรงงาน เราเลยให้ลูกโชว์สมุดเงินฝากที่เราฝากให้ลูกมา1ปี เดือนละหมื่น คนละ5พัน มีเท่าไหร่ เราก็โชว์สลิปเงินเดือนเราไปเลยว่าได้ต่อเดือนเท่าไหร่ แล้วเราไปรู้มาอีกว่าทุกวันนี้เค้าขอเงินแม่เค้าใช้วันละ2ร้อย เพราะงานการไม่เอาแล้ว กลางวันส่องพระ เล่นยา ตกเย็นมาสุมหัวกับเพื่อน แล้วจะมาขอเราด้วยเป็นรายเดือนๆละ3พัน เราไม่ให้
เราเห็นแก้ตัวไหมคะ