ผมใช้ BMW E36 320i เครื่อง M50B20 จะขยายความจุเครื่อง ได้สูตรมาจากตปท.แล้ว สามารถขยายได้เป็น 2.6L ครับ (2,500 cc กว่าๆ) ที่จริงมีง่ายกว่านี้คือเปลี่ยนช็อตบล็อกเป็น 325i (เครื่อง 2.5) แต่ผมไม่อยากเปลี่ยนเลขเครื่องเลยใช้วิธีขยายเครื่องเดิมดีกว่า ส่วนของอะไหล่ที่ใช้หาได้ครบแล้วแต่ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือเรื่องของหัวฉีดที่จะใช้ สูตรที่ได้มามันมีหลายเวอร์ชั่นมากครับ บางคนก็ใช้ของเดิมทั้งหมด บางคนก็เปลี่ยน บางคนก็ใช้ของแต่งไปเลย จึงจะรบกวนสอบถามท่านผู้รู้หน่อยครับ
ผมลองใช้เว็บคำนวณ duty cycle ของหัวฉีด พบว่าหัวฉีดเดิมเครื่อง 2.0 กับเรกูเลเตอร์ 3 บาร์ (320i) มันอยู่ที่ 73.5% (ปกติไหมครับ?) แล้วถ้าขยายเครื่องเป็น 2.6L โดย
1. ใช้หัวฉีดเดิม 2.0 กับเรกูเลเตอร์เดิม (3 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 83.5%
2. ใช้หัวฉีดเครื่อง 2.5 กับเรกูเลเตอร์เดิม (3 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 73.5%
3. ใช้หัวฉีดเดิม 2.0 กับเรกูเลเตอร์ 2.5 (3.5 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 71.7%
4. ใช้หัวฉีดเครื่อง 2.5 กับเรกูเลเตอร์ 2.5 (3.5 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 62.5%
ผมควรเลือกข้อไหนดีครับ?
ดูแล้วข้อ 2 น่าจะเข้าท่าที่สุดเพราะได้ duty cycle เท่าเดิม แต่ผมเพิ่ง full service (ล้าง+เปลี่ยนกรอง+เปลี่ยนโอริง) หัวฉีดเดิมมาหมดทุกหัวเป็นเงินหลายพันบาทอยู่ และใช้น้ำมัน E20 ด้วย จึงคิดว่าถ้าน้ำมันหนานิดหน่อยคงจะดี ผมจึงสนใจข้อ 3 ครับ ส่วนข้อ 4 ที่จริงผมไม่สนใจเท่าไหร่เพราะคิดว่าน้ำมันคงหนาเกินไป แต่ก็มีบางคนทำในตปท. และข้อ 1 อันนี้ก็น่าสนใจเพราะจะได้ประหยัดเงิน 55+ แต่กลัวหัวฉีดจะไปเร็วไหมครับเพราะทำงานหนัก (เกิน 80%)
อีกเรื่องคือ จากตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ duty cycle ยังไม่ถึง 100% แปลว่ากล่อง ecu สามารถปรับ range ตัวเองได้อยู่ใช่ไหมครับ?
สอบถามเรื่อง ขนาดหัวฉีด
ผมลองใช้เว็บคำนวณ duty cycle ของหัวฉีด พบว่าหัวฉีดเดิมเครื่อง 2.0 กับเรกูเลเตอร์ 3 บาร์ (320i) มันอยู่ที่ 73.5% (ปกติไหมครับ?) แล้วถ้าขยายเครื่องเป็น 2.6L โดย
1. ใช้หัวฉีดเดิม 2.0 กับเรกูเลเตอร์เดิม (3 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 83.5%
2. ใช้หัวฉีดเครื่อง 2.5 กับเรกูเลเตอร์เดิม (3 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 73.5%
3. ใช้หัวฉีดเดิม 2.0 กับเรกูเลเตอร์ 2.5 (3.5 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 71.7%
4. ใช้หัวฉีดเครื่อง 2.5 กับเรกูเลเตอร์ 2.5 (3.5 บาร์)
จะได้ max duty cycle = 62.5%
ผมควรเลือกข้อไหนดีครับ?
ดูแล้วข้อ 2 น่าจะเข้าท่าที่สุดเพราะได้ duty cycle เท่าเดิม แต่ผมเพิ่ง full service (ล้าง+เปลี่ยนกรอง+เปลี่ยนโอริง) หัวฉีดเดิมมาหมดทุกหัวเป็นเงินหลายพันบาทอยู่ และใช้น้ำมัน E20 ด้วย จึงคิดว่าถ้าน้ำมันหนานิดหน่อยคงจะดี ผมจึงสนใจข้อ 3 ครับ ส่วนข้อ 4 ที่จริงผมไม่สนใจเท่าไหร่เพราะคิดว่าน้ำมันคงหนาเกินไป แต่ก็มีบางคนทำในตปท. และข้อ 1 อันนี้ก็น่าสนใจเพราะจะได้ประหยัดเงิน 55+ แต่กลัวหัวฉีดจะไปเร็วไหมครับเพราะทำงานหนัก (เกิน 80%)
อีกเรื่องคือ จากตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ duty cycle ยังไม่ถึง 100% แปลว่ากล่อง ecu สามารถปรับ range ตัวเองได้อยู่ใช่ไหมครับ?