หลังจากห่างหายการเดินทางไปต่างประเทศมานานเกือบสามปี เลื่อนตั๋วยุโรปในมือมาสามรอบ
ในที่สุดก็ถึงเวลาออกเดินทางอีกครั้ง จุดหมายในครั้งนี้พุ่งตรงสู่สเปน ลองดูซิสเปนนั้นมีอะไร
ก่อนแพลนคือไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เลย รู้แค่มีสนามฟุตบอล สนามแข่งวัวกระทิง ต้องหารีวิวในยูทูปดูส่วนมากเป็นช่องฝรั่ง
ทำการบ้านแพลนเดินทางก่อนมา

Hola españa เดินทางมาโดยสายการบิน Emirates รวมเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบใช้เวลาเดินทางไปเกือบ 17ชั่วโมง
ผู้โดยสารเกือบเต็มลำ สเปนไม่ต้องมีการตรวจPCRมาก่อน แค่มีเอกสารฉีดวัคซีนให้ครบและลงทะเบียนผ่านแอพSpTH
ลงที่สนามบินMadrid สนามบินสวยแปลกตาดี ตมทักแค่Hello และปั๊มผ่านเลยไม่ถามไรซักแอะ ตรงต่อมาจะมีจุดสแกนบาร์โค้ดเปิดในแอพSpTHได้เลย
จากนั้นมารับกระเป๋าก็มีเรื่องมาทันที ล้อกระเป๋าเดินทางที่พึ่งใช้ครั้งแรกหลุดหายไปหนึ่งล้อ
แต่โชคดีที่มี Baggage claim อยู่ใกล้จุดรับกระเป๋าพอดี เจ้าหน้าที่สายการบินช่วยเอากระเป๋าใบใหม่มาให้ใช้ มีการกรอกเอกสาร ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
จัดแจงย้ายของเปลี่ยนกระเป๋าได้ลากใบใหม่แทน ถือว่าบริการรวดเร็วดีมาก ออกมาหน้าสนามบินได้สัมผัสความเย็น วันที่มาอุณหภูมิลงเย็นกว่าที่คิด
ขึ้นรถบัสจากสนามบิน ต่อรถไฟใต้ดิน เก็บของเข้าโรงแรมให้เรียบร้อยก่อนออกมาลุยวันแรกกัน

กระทู้นี้ขอไม่ลงรายละเอียดการเดินทาง ที่พักหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ จะขอเน้นแชร์รูปสถานที่เที่ยว อาหาร เล่าประสบการณ์มากกว่า

ในMadridเราใช้การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินเป็นหลัก โรงแรมที่พักไม่ไกลจากสถานีเดินทางง่ายสะดวก มีเวลารถไฟออกชัดเจนหรือจะเดินทางโดยBusก็ได้เหมือนกัน มาดูกันว่าMadridนั้นมีอะไร

Monument to Felipe IV

Catedral de la Almudena

Royal Palace of Madrid

แนะนำมาช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ช่วงที่มาประมาณสองทุ่มครึ่งกำลังสวยเลย มีคนเปิดหมวกเล่นดนตรีเข้ากับบรรยากาศสุดๆ
เดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกสวยงามเสร็จก็เริ่มหิว หาไรกินดีกว่าระหว่างทางไปร้านก็เจอสถานที่สวยๆ

Plaza de la Villa

Plaza Mayor

มาถึงวันแรกต้องไปตามร้านดังซักหน่อย เดินไปตามmapหาร้าน Sobrino de Botín
ที่หลายคนรีวิวทั้งไทยและต่างชาติ ร้านนี้บันทึกว่าเป็นร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จากGuinness World Records 
ไม่ได้จองไว้ล่วงหน้ามาช่วงสามทุ่มกว่า โต๊ะด้านในร้านเต็มหมด เหลือแต่โต๊ะด้านนอกก็เลยโอเคนั่งได้เลย
ร้านมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ มีเมนูภาษาอังกฤษให้ มาที่นี่ต้องลองเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ Roast Suckling Pig
ในครัวจะเป็นน้องหมูน้อยหลายสิบตัวนอนแผ่อยู่
Roast Suckling Pig 26.15 €
น้องลูกหมูจะถูกหั่นแบ่งมาให้เป็นสองจานเรียบร้อยพร้อมทาน หนังกรอบมากมีเนื้อแน่น แต่ติดที่รสชาติคิดว่าไม่ค่อยกลมกล่อม แอบจืดไปหน่อย
โดยส่วนตัวเฉยๆกับเมนูนี้ ถือว่าได้ลองซักครั้ง

Clams Botin 26.30€ จานนี้พนักงานแนะนำมาน่าจะเป็นซุปหอยกาบ จานนี้รสชาติดีเลยกลมกล่อม
รวมไวน์หนึ่งขวด แซงเกรียอีกหนึ่ง ไวน์ดื่มไม่หมดสามารถขอหิ้วกลับได้ มื้อนี้ตกคนละประมาณ 60 €
ทางร้านมีเว็บสามารถกดจองมาก่อนได้ถ้าใครมีแพลนจะมา แต่เคยเดินผ่านช่วงบ่ายๆก็วอคอินได้มีช่วงที่คนไม่เยอะ
เดินทางกลับโรงแรมพักผ่อน ยังมีผ่านสถานที่สวยๆ คืนวันศุกร์คนที่นี่ออกมาสังสรรจะเที่ยงคืนละคนยังพลุกพล่าน

ตื่นมาหลังอิ่มจากBreakfastที่โรงเเรม อาหารเช้าเน้นไปที่Bakeryมีแฮมต่างๆ ผลไม้ ชากาแฟ

เที่ยวกันต่อกับมาดริด

El Oso y el Madroño รูปปั้นหมีที่ต้องมาแชะภาพ 

มาเดินต่อถนนTapas ตามชิมTapasร้านต่างๆ ได้บรรยากาศไปอีกแบบลองไปสามร้านได้

มีจานเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง จิบๆกินๆเปลี่ยนร้านไปเรื่อยร้านละนิด บางร้านคนแน่นมากต้องยืนกิน
อิ่มแล้วกลับไปเดินเล่นต่อได้ มาตอนกลางวันฟ้าสดใส สวยไปอีกแบบ คนเยอะเหมือนเดิม

Puerta del sol ณ หลักกิโลเมตรที่ศูนย์ แวะมาเหยียบซักนิด เผื่อได้กลับมาเที่ยวสเปนอีก
ค่ำนี้เรามีนัดไปดูบอลที่สนามครั้งแรกเลย ตื่นเต้นอยากดูมานาน เตรียมตัวไปสนาม Wanda Metropolitano ของทีม Atlético Madrid
เนื่องจากช่วงที่ไปมีแต่คู่นี้ที่เวลาตรงกับทริปเลยลองดูคู่นี้ก็ได้ แม้จะไม่ใช่แฟนทั้งสองทีม ถือว่าไปสัมผัสบรรยากาศลาลีกา ที่นั่งราคา 82ยูโร
ได้นั่งRow4นับจากด้านล่างสุด เรียกว่าขอดูชัดๆติดขอบสนามกันทีเดียว

เดินทางไปโดยรถไฟใต้ดิน พนักงานที่ร้านอาหารบอกมาถึงสนามก่อนแข่งซักครึ่งชม ชมนึงก็พอ ก็เลยโอเคไปก่อนซักชั่วโมง
ในรถไฟใต้ดินที่ไปทุกคนแต่งตัวเสื้อ ผ้าพันคอพร้อมเชียร์ทีมตราหมีกันมาก ทั้งมาคนเดียว เป็นครอบครัวลูกน้อย มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
ดูทุกคนเต็มที่พร้อมมาเชียร์กันมาก 

ถึงแล้วสนาม Wanda
หน้าสนามจะมีขายของที่ระลึก อุปกรณ์เชียร์ขนมของกิน แต่เบียร์ห้ามเอาเข้าสนามนะต้องกินให้หมดก่อน
ด้านนอกสนามดูใหม่และใหญ่ ทางเข้าถูกแบ่งตามโซนที่นั่งเป็นระเบียบ ไม่ต้องไปเบียดกันเข้า เดินตามgateได้สบายเลย
สแกนตั๋ว ตรวจกระเป๋าเข้าไปหาที่นั่งง่าย เขียนเลขแบ่งโซนชัดเจนเลย มีห้องน้ำเยอะมากถึงคนจะเยอะแต่รอไม่นาน ห้องน้ำสะอาด

แสงสีเสียงดูดี แฟนๆก้ดูปลุกใจเชียร์กันสุดๆ 

ที่นั่งด้านล่างเห็นนักเตะชัดแจ๋ว 
พอแข่งจบคนหายออกจากสนามกันไวมาก ถ่ายรูปอีกซักนิดก่อนกลับ 
ดูบอลในสนามดีได้บรรยากาศ ฟินมากแม้จะไม่ได้รู้จักนักเตะทีมนี้มากก็ยังอินไปด้วย ใครชอบฟุตบอลแนะนำควรมา จบไปอีกหนึ่งวัน

วันสุดท้ายก่อนบายมาดริดมาเก็บที่เที่ยวกันต่อ

palacio de cristal เรือนกระจกอยู่ภายในสวนสาธารณะBuen Retiro
วันอากาศดีๆมาเดินเล่นถ่ายรูป ออกกำลังกาย จิบกาแฟเพลินๆ
เดินชิวกันเสร็จก็ได้เวลาหาของกินวันนี้เราจะไปกันที่ Mercado San Miguel ตลาดรวมของกินดื่มขนาดใหญ่ในอาคาร
สามารถซื้อละยืนกินตามร้าน หรือตามที่จัดรอบๆ เดินถือแก้วถือจานแต่ละร้านออกมาเดินกินได้เลย ถึงชื่อว่าเป็นตลาดแต่ราคาไม่เบาเลยนะ

อาหารหลากหลายเยอะมาก เหลือที่ถูกใจได้เลย ที่ลองเจอทั้งอร่อยคุ้ม กับเฉยๆ หรือบางจานราคาแรงไปนิด
กินคาวจากที่นี่ไปแล้ว ก็นึกได้ว่ามีร้านชูโรสชื่อดังที่ต้องมาตามเก็บอีก Chocolatería San Ginés เดินไปได้พอดี
คนรอคิวกันเยอะอยู่ รอคิวซักพักยี่สิบนาทีได้ หรือถ้าใครสะดวกยินกินก็มีที่สำหรับยืน จะได้ไม่ต้องรอนาน


ชูโรสรสชาติดี ช็อคโกแลตเข้มข้นมาก ถ้าใครชอบแบบเข้มๆข้นๆน่าจะปลื้ม แต่ได้ไปลองร้านอื่นละถูกใจมากกว่า
ส่วนตัวร้านนี้เลยคิดว่าเฉยๆใช้ได้ แต่ไม่ได้ว้าวไรมาก สรุปร้านดังไม่ค่อยจะถูกใจ
วันนี้จะเน้นกินซะส่วนมาก ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นไปจบที่ร้านหมูกรอบใกล้โรงแรม มีบอลลาลีกาให้ดูด้วย
จบคืนนี้ไปอย่างอิ่มๆ บายมาดริด
ตื่นเช้ามานั่งรถไฟย้ายไป Sevilla สถานีรถไฟที่นี่ต้องมีสแกนกระเป๋าก่อนนะ

ถึงแล้วอีกเมืองที่ประทับใจสุดๆ เซบีญ่า Sevilla เป็นเมืองใหญ่ทางใต้ ที่สวยแปลกตามีผสมความแขก รู้สึกสวยแปลกไม่เหมือนที่ไหน
หลงเสน่ห์เมืองนี้สุดๆ


แนะนำร้านอาหาร ถูกใจชูโรสและTortillaร้านนี้มาก อร่อยราคาไม่แรง

ได้มีจองตั๋วดูโชว์ฟลามิงโก้ไว้ด้วย ส่วนตัวอาจจะไม่ได้อินไรมาก แต่กีต้าร์เล่นดีมากเพราะมาก

อยู่ที่Sevillaสามคืน ตอนเช้าเรียกUberมารับไปสถานีรถบัส
ต่อบัสไปเมืองต่อไป Ronda อีกหนึ่งเมืองที่ชอบสุดในนี้ เมืองเล็กๆน่ารัก ธรรมชาติอลังการ 

วิวจากที่พักสวยงามมาก
Puente Nuevo 

มีสนามสู้วัวกระทิงด้วย