จิ้งจกเปลี่ยนสี หลังเปลี่ยนรบ.
ไม่ยึดข้อเท็จจริง
ก็โดนสิคร้าบ
@@@@@@@@@@@@
เลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 3 คดี 'ธาริต' กับพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหา ‘สุเทพ-อภิสิทธิ์’ สั่งฆ่าประชาชน เหตุธาริตขอพักรักษาตัวป่วยโควิด-19
วันที่ 21 เม.ย. 2565 ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 3 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ผอ.ศอฉ. ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ, พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือนก.ค. 2554 - 13 ธ.ค. 2555 จำเลยทั้ง 4 ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้ง 2 ฐานสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 โจทก์ทั้ง 2 ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 4 กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลย คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะที่จำเลยทั้ง 4 ได้รับการประกันตัวและยื่นฎีกาต่อ
เมื่อถึงเวลานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 นายธาริต ไม่ได้เดินทางมาศาล
นอกจากนี้ทนายจำเลยได้ยื่นหลักฐานใหม่ในคดี พร้อมวางเงินจำนวน 300,000 บาท เพื่อเป็นการบรรเทาผลร้าย ขณะที่ทนายโจทก์ยื่นคัดค้าน อ้างว่าเป็นพยานหลักฐานที่มีในคดีอยู่แล้ว แต่ปล่อยเวลาเนิ่นนานไม่ยอมยื่นเข้ามาในสำนวนคดี แต่เพิ่งมายื่นหลังจากจะมีคำพิพากษาฎีกา นอกจากนี้ ยืนยันไม่ขอรับเงินจำนวน 300,000 บาท เนื่องจากมีสิทธิฟ้องร้องทางแพ่งและเป็นคดีอาญา
นอกจากนี้นายธาริต จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพาษาฎีกาออกไปอีก 3 เดือน เนื่องจากติดโควิดมีอาการหายใจไม่ออก เหนื่อยอ่อนเพลีย ขอพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 เดือน ไม่เช่นนั้นอาจมีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งทนายความโจทก์ที่ 1 และ 2 ไม่เห็นด้วย เนื่องจากใช้ระยะเวลานานเกินไป และก่อนหน้านี้ก็ขอเลื่อนพักรักษาตัวในโรคอื่นลักษณะเช่นนี้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากคดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา ให้ส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 ประกอบกับจำเลยไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ จึงเห็นควรให้ส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 พร้อมเอกสาร สำนวนและซองคำพิพากษาไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาก่อน โดยให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาในวันนี้ หากศาลฎีกามีวันนัดวันใดจะแจ้งวันนัดฟังอีกครั้ง ส่วนเรื่องการขอให้ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 1 จะพิจารณาสั่งเมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ศาลได้นัดอ่านฎีกาไปแล้ว เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 64 แต่มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้ส่งหมายไม่ได้ และเลื่อนนัดวันที่ 10 ก.พ. 65 เนื่องจากนายธาริต เกิดอาการชักเกร็งหมดสติ ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ศาลจึงอนุญาตเลื่อนนัดฟังคำพิพากษามาเป็นวันนี้และมีการเลื่อนอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตามรายการของ workpointTODAY
ทาง YouTube
https://bit.ly/2YDfyiK
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาดที่สำคัญ
ติดตาม TODAY Bizview
https://bit.ly/3picIeS
@@@ ความคืบหน้า ข้อหาสั่งฆ่าประชาชน โดย ธาริต @@
ไม่ยึดข้อเท็จจริง
ก็โดนสิคร้าบ
@@@@@@@@@@@@
เลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 3 คดี 'ธาริต' กับพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหา ‘สุเทพ-อภิสิทธิ์’ สั่งฆ่าประชาชน เหตุธาริตขอพักรักษาตัวป่วยโควิด-19
วันที่ 21 เม.ย. 2565 ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 3 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ผอ.ศอฉ. ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ, พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือนก.ค. 2554 - 13 ธ.ค. 2555 จำเลยทั้ง 4 ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้ง 2 ฐานสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 โจทก์ทั้ง 2 ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 4 กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลย คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะที่จำเลยทั้ง 4 ได้รับการประกันตัวและยื่นฎีกาต่อ
เมื่อถึงเวลานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 นายธาริต ไม่ได้เดินทางมาศาล
นอกจากนี้ทนายจำเลยได้ยื่นหลักฐานใหม่ในคดี พร้อมวางเงินจำนวน 300,000 บาท เพื่อเป็นการบรรเทาผลร้าย ขณะที่ทนายโจทก์ยื่นคัดค้าน อ้างว่าเป็นพยานหลักฐานที่มีในคดีอยู่แล้ว แต่ปล่อยเวลาเนิ่นนานไม่ยอมยื่นเข้ามาในสำนวนคดี แต่เพิ่งมายื่นหลังจากจะมีคำพิพากษาฎีกา นอกจากนี้ ยืนยันไม่ขอรับเงินจำนวน 300,000 บาท เนื่องจากมีสิทธิฟ้องร้องทางแพ่งและเป็นคดีอาญา
นอกจากนี้นายธาริต จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพาษาฎีกาออกไปอีก 3 เดือน เนื่องจากติดโควิดมีอาการหายใจไม่ออก เหนื่อยอ่อนเพลีย ขอพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 เดือน ไม่เช่นนั้นอาจมีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งทนายความโจทก์ที่ 1 และ 2 ไม่เห็นด้วย เนื่องจากใช้ระยะเวลานานเกินไป และก่อนหน้านี้ก็ขอเลื่อนพักรักษาตัวในโรคอื่นลักษณะเช่นนี้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากคดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา ให้ส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 ประกอบกับจำเลยไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ จึงเห็นควรให้ส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 พร้อมเอกสาร สำนวนและซองคำพิพากษาไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาก่อน โดยให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาในวันนี้ หากศาลฎีกามีวันนัดวันใดจะแจ้งวันนัดฟังอีกครั้ง ส่วนเรื่องการขอให้ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 1 จะพิจารณาสั่งเมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ศาลได้นัดอ่านฎีกาไปแล้ว เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 64 แต่มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้ส่งหมายไม่ได้ และเลื่อนนัดวันที่ 10 ก.พ. 65 เนื่องจากนายธาริต เกิดอาการชักเกร็งหมดสติ ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ศาลจึงอนุญาตเลื่อนนัดฟังคำพิพากษามาเป็นวันนี้และมีการเลื่อนอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตามรายการของ workpointTODAY
ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาดที่สำคัญ
ติดตาม TODAY Bizview https://bit.ly/3picIeS