แชร์ประสบการณ์ตอนวัยรุ่นที่มีปัญหากับครอบครัวหนักมาก!!!

สวัสดีค่ะ ตอนนี้เราเห็นมีวัยรุ่นมอต้นเขียนกระทู้เกี่ยวกับปัญหาครอบครัวเยอะพอสมควร วันนี้เลยจะมาแชร์ประสบการณ์วัยรุ่น สมัยมอต้น ต้องอธิบายก่อนว่า ครอบครัวเรามีพ่อ แม่ พี่ชาย 2 คน และเราเป็นลูกสาวคนเล็กนะคะ ที่บ้านเราเลี้ยงลูกแบบค่อนข้างหัวโบราณหน่อยๆ โดยเฉพาะพ่อเรานี่หนักเลย ปัญหาน่าจะเกิดจากตอนเราขึ้นม. 1 ใหม่ๆ แต่เก็บกดมาระเบิดตอนม. 3  คือเราเป็นเด็กบ้านนอกนะคะ เรียนโรงเรียนในหมู่บ้านตั้งแต่เด็ก พอขึ้นมัธยมสอบติดโรงเรียนในเมือง เราขึ้นรถประจำนะคะ วันแรกที่ไปโรงเรียนคือเปิดโลกมาก (อารมณ์บ้านนอกเข้ากรุง) หลังจากนั้นแหละค่ะ ปัญหามา...
 
             เราโดนบูลลี่ เราโดนเพื่อนแกล้ง เราเข้ากับเพื่อนใหม่ไม่ได้ พอเราบอกที่บ้านเขาก็ไม่สนใจ บอกว่าให้เราอดทน ยิ่งเรียนเทอมแรกคือเกรดต่ำมาก เราเรียนไม่ทันเพื่อนค่ะ แต่ที่บ้านบอกว่าเราไม่ตั้งใจเรียน โดนพ่อด่าไปเยอะมาก เรายิ่งกดดัน และก็กดดันมากขึ้นๆๆ เกรดเราพึ่งมาทันเพื่อนๆ ตอนอยู่ม. 2 ได้มั้ง ตอนนั้นเริ่มมีเพื่อนแล้ว (1 คนถ้วน) เพื่อนแกล้งน้อยลง บูลลี่น้อยลง (ปกติโดนทุกวัน) พอมีเพื่อนเราก็เริ่มรู้อะไรใหม่ๆ คือ ปกติพ่อเราจะให้เราขึ้นรถประจำเท่านั้น เสาร์อาทิตย์ไปไร่ไปนา วันไปเรียนกลับมาถึงบ้าน 6 โมง เป็นลูกผู้หญิงต้องทำงานบ้าน กวาดบ้าน ล้างจาน หุงข้าว บลาๆ เข้านอนห้ามเกิน 4 ทุ่ม เรามีห้องนอนแยก แต่ติดกับห้องนอนพ่อแม่ บ้านเราไม่มีฝ้า ถ้าห้องเราเปิดไฟจะสว่างทั้ง 2 ห้อง (ปัญหาใหญ่คือ การบ้านมันเยอะเราต้องอาศัยเปิดไฟโทรศัพท์ส่องเพื่อทำการบ้าน อันนี้คือเรื่องที่ตอนนั้นอดทนมาก ทำการบ้านถึงเที่ยงคืนตลอด) ตื่นตี 4 มาหุงข้าวทำงานบ้าน เตรียมตัวไปเรียน 6 โมงขึ้นรถประจำ พอมีเพื่อนปุ๊บ เราเลยรู้ว่าชีวิตเราแตกต่างจากเพื่อนมาก อารมณ์คนในเมืองกับคนบ้านนอกเลย ทีนี้เพื่อนเริ่มชวนเราไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า จำได้ว่าล่าสุดที่เคยไป คือ ป.5 ได้มั้ง เราก็อยากไป พอไปขอที่บ้านก็คือไม่ได้เด็ดขาด!! แถมพ่อเรายังโกหกเราอีกว่าคนในเมืองมีแต่คนไม่ดี โจรก็เยอะ พวกจับผู้หญิงไปข่มขืนขายตัวทั้งนั้น เราก็เลยไม่ไป แล้วก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันแบบนี้เยอะมาก อีกอย่างที่บ้านเรา จะสอนลูกให้เลี้ยงพ่อแม่ พ่อจะพูดให้ลูกทุกคนฟังว่า วันนี้พ่อแม่ทำงานเหนื่อยแค่ไหน ลูกทุกคนต้องเรียนให้จบ ต้องทำงานและให้เงินพ่อแม่ ต้องช่วยกันเลี้ยงพ่อแม่ตอนแก่ จะก็จะยกตัวอย่างบรรดาลูกญาติๆ มาเปรียบเทียบกับลูกตัวเอง พ่อเรามีญาติเยอะและที่สำคัญคือพ่อเราให้ความสำคัญกับคำพูดญาติมากกว่าคนในครอบครัวมากๆ แบบมากๆ คือถ้าญาติพูดอะไร แนะนำอะไร เชื่อหมด ทุกวันนี้ยังเป็นอยู่เลย55555
 
           ต่อๆ จนเราขึ้นม.3 ตอนนั้นเริ่มสนิทกับเพื่อนหลายคนแล้ว เราเห็นเพื่อนหลายคนแบบสนิทกับที่บ้านมาก เราอยากสนิทกับที่บ้านบ้าง (บ้านเราพ่อ แม่ คือ พ่อ แม่ อะ เเบบมีช่องว่างระหว่างลูก ส่วนพี่ชายคืออายุห่างจากเรา 8 ปี เราไม่สนิทกับใครเลย) เราเริ่มคุยเล่นกับที่บ้าน เริ่มออกความคิดเห็น เริ่มแสดงตัวตน เริ่มบอกว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดค่ะ คือคนหัวโบราณอะ เขาจะไม่ยอมรับอะไรใหม่ๆ ไม่เปิดใจอะไรทั้งนั้น เราต้องอยู่ในกรอบที่พ่อแม่วางไว้เท่านั้น เริ่มห้ามเราทำนู้นทำนี่ ห้ามเยอะไปหมด ขัดความคิดเราทุกอย่าง ตอนนั้นกลายเป็นว่าเริ่มทะเลาะกัน เริ่มมีปากเสียงกันบ่อยๆ แตกแยกค่ะบอกเลย ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเราเรียกตัวเองว่าเด็กมีปัญหาได้ไหม เหมือนวัยต่อต้านครอบครัว คือเราในช่วงนั้นรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับครอบครัวไม่ได้เลย รู้สึกไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่ยอมให้ใครถูกตัว อยากอยู่ในห้องคนเดียว พฤติกรรมค่อนข้างก้าวร้าวด้วยค่ะ (เวลาพ่อแม่ด่าเรา เราจะทำหน้าประมาณนี้ 😏😒 แต่ถ้าทะเลาะกันหนักๆ เราจะปิดประตูห้องเสียงดัง) ยิ่งกับคนที่บ้านคือหนักมากๆ เหมือนอยู่กันคนละโลก เราจะอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ไม่ให้ใครเข้าห้องด้วย จะออกห้องแค่ตอนที่เข้าห้องน้ำหรือตักข้าวไปกินในห้องแค่นั้นเลย ไม่พูดกับใคร ง่ายๆ คือเหมือนเราอยู่คนเดียวค่ะ คนในบ้านคือเหมือนคนแปลกหน้าและแน่นอนอยู่แล้วว่าพอเราเป็นแบบนี้ ยิ่งแย่ค่ะ ทะเลาะกับที่บ้านหนักขึ้น มีปัญหาตลอด ตอนนั้นแอบคิดด้วยว่าอยากหนีออกจากบ้าน แต่แค่คิดนะคะ แถมอยากให้ทุกคนหายไป ตอนนั้นเรานิสัยแย่มากจริงๆ เป็นแบบนี้ประมาณครึ่งปีได้
 
          จนมาถึงวันปลดปล่อยค่ะ เหมือนเราหลุดพ้นเลยค่ะ วันนั้นจำได้ว่าพ่อมาเคาะประตูห้องเรา บอกให้เราออกมาจากห้องบ้าง มากินข้าวกับครอบครัวบ้าง เคาะนานมากๆ เราก็ไม่ออกมา ได้ยินเสียงแม่ถามด้วยว่าเรายอมออกจากห้องไหม แถมได้ยินพ่อพูดว่า ‘ ไม่รู้มันจะทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาไปเพื่ออะไร เลี้ยงมาเสียข้าวสุก ปล่อยมันไป มันจะเป็นจะตายช่างมัน ’ เราโมโหมากนะ เราเลยประชดด้วยการไม่กินข้าวเลย พอเย็นๆ แม่มาเคาะห้องเราแทน เขาก็พูดให้เราได้ยินว่า ‘ แม่กับพ่อไม่รู้หรอกนะว่าเราเป็นอะไร เราโกรธอะไรพ่อกับแม่หรือเปล่า ออกมาจากห้องบ้างนะ แม่ตักข้าวไว้ให้เราในตู้กับข้าว พ่อกับแม่เป็นห่วงเรามากๆ ’ ตอนนั้นเราร้องไห้โฮเลยค่ะ ตอนนี้ก็พิมพ์ไปร้องไห้ไป555555 มันเหมือนเราปลดล็อกอะไรในใจสักอย่าง เหมือนเรากลับมาเป็นเราจริงๆ ตอนนั้นเราคิดเลยว่า เราทำอะไรลงไปวะ เกิดอะไรขึ้นกับเราที่ผ่านมา เราทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แบบเหมือนเราได้สติเลยค่ะ วันนั้นเราออกจากห้อง ไปกอดแม่ เรากอดเฉยๆ นะ ไม่ได้พูดอะไร ส่วนแม่เราร้องไห้เลยค่ะ เเล้วเราก็เนียนๆ ไปกอดพ่อต่อ พ่อเราคือเหว๋อเลยตอนนั้น55555 หลังจากนั้นเราก็ปรับปรุงตัวใหม่ ตอนนี้เวลาทะเลาะกับที่บ้านทีไร เรายอมตลอด พ่อแม่บ่นอะไรก็ฟัง แอบปล่อยผ่านบ้าง เขาพูดอะไรที่ทำให้เราเสียใจก็ไม่ฟัง เราเปิดเพลงฟังแทน เวลาเขาด่าก็เดินหนีจบปัญหา
 
         ตอนนี้อายุ 20 ปีแล้วค่ะ แต่นึกถึงเหตุการณ์นั้นทีไร ร้องไห้ตลอด เราเป็นลูกที่แย่มากจริงๆ เเต่พอมาเรียนมหาลัย อยู่หอคิดถึงบ้านอยู่นะ คิดถึงพ่อกับแม่เฉยเลย สำหรับเราบ้านเป็นเซฟโซนค่ะ แม้จะไม่ดีที่สุด แต่ก็ทำให้เรามีความสุขได้ตลอด อะไรที่เราเจอมาและรู้ว่ามันไม่ดีก็อย่าทำเวลามีลูก ประสบการณ์จะสอนเราให้ดีขึ้นได้ ทุกวันนี้เรายอมที่บ้านมาก เพราะเคยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับพ่อแม่เราเลยทำให้เรารู้ว่าเรารักพ่อกับแม่มากจริงๆ ใจจะขาดเลยค่ะ แม่เราเคยตกรถบรรทุกค่ะ ตอนนั้นเราเห็นแล้วร้องไห้หนักเลย แม่เราเจ็บหนักอยู่ รักษาตัวไปนานเหมือนกัน ส่วนพ่อเคยตกที่สูงเหมือนกัน วันนั้นทั้งบ้านมีแค่เรากับพ่อ พ่อเราขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟแล้วพลาดตกลงมาหัวฟาดพื้น เราอยู่ในห้องได้ยินเสียงหลอดไฟแตกเลยออกมาดู วินาทีที่เห็นพ่อนอนอยู่บนพื้นคือช็อคค่ะ เรากรี้ดเลย ตกใจมากๆ พอถามอาการพ่อบอกเราว่าเจ็บที่หัว เเล้วพ่อจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แต่เรา จำตัวเองไม่ได้ จำวันนั้นไม่ได้ จำไม่ได้ว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง แอดมิดอยู่โรงพยาบาลไป 2 คืน ถึงจะเริ่มจำได้ แต่ทุกวันนี้หลงๆ ลืมๆ นิดหน่อย 
 
         สำหรับใครที่เคยมีปัญหาแนวนี้มาแชร์กันได้นะคะ ส่วนเด็กๆ วัยรุ่นที่ตอนนี้มีปัญหาอะไรอยู่ เราจะบอกว่า วันหนึ่งมันจะผ่านพ้นไปเหมือนลมพัดผ่านเราเลยค่ะ เมื่อเวลาผ่านไปเราจะนึกถึงเรื่องนี้แล้วมองว่าเราเติบโตขึ้นมากแค่ไหน ช่วงวัยรุ่นคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรให้นึกถึงตัวเราเองในอนาคต อะไรที่ดีหรือไม่ดีเรารู้อยู่แล้ว ตัดสินใจเลือกให้ดีๆ มันส่งผลต่อชีวิตเราทั้งชีวิต ทุกปัญหามีทางออกเสมอ รักตัวเองให้มากๆ ก็พอ.....
 
ปล.บางครอบครัวบ้านอาจจะไม่ใช่เซฟโซนที่ดี แต่ก็มีคนอีกหลายคนที่ยังรักและเป็นห่วงเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นญาติพี่น้อง ชีวิตเรามีค่ามาก จะทำอะไรต้องมีสติ อย่ารู้ตัวเมื่อสายไปแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่