อึ้งผู้เสียหาย 14 รายแล้ว! ทนายตั้มโพสต์ภาพ พาเข้าแจ้งความ คดีอดีตรองหัวหน้าพรรค
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7003859
อึ้งผู้เสียหาย 14 รายแล้ว! ทนายตั้มโพสต์ภาพ พาเข้าแจ้งความ คดีอดีตรองหัวหน้าพรรค บอก ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่กล้าหาญร่วมกำจัดมารสังคมไปด้วยกัน
จากกรณี นาย
ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ
ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พาผู้เสียหายที่อ้างว่า ถูกนักการเมืองคนหนึ่ง ลวงไปข่มขืนและกระทำอนาจารมาแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ลุมพินี ซึ่งหนึ่งในนั้นมี
แอนนา ภรรยา ของไฮโซลูกนัท รวมอยู่ด้วย
ล่าสุด วันที่ 18 เม.ย.65
ทนายตั้ม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพของหญิงสาวผู้เสียหายหลายราย ที่กำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเนินการสอบปากคำ โดย
ทนายตั้ม ระบุว่า เป็นผู้เสียหายจากคดีตกเป็นเหยื่อนักการเมืองคนดังกล่าว
โดย
ทนายตั้ม ระบุข้อความว่า
“ผู้เสียหายรวมทั้งหมด 14 คนแล้ว ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่กล้าหาญร่วมกำจัดมารสังคมไปด้วยกันนะครับ #ขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจนครบาล #ขอบคุณตำรวจสนลุมพินี ที่อำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนด้วยครับ”
https://www.facebook.com/sittra/posts/7234019303335053
ชูวิทย์ ชี้กรณี ‘ปริญญ์’ พรรค ปชป.เจอศึกนารีหนักกว่าศึกเลือกตั้งหลายเท่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_3295827
เมื่อวันที่ 19 เมษายน นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ความว่า
พรรคประชาธิปัตย์ “ศึกเลือกตั้งไม่เคยกลัว แต่กลัวศึกนารีพิฆาต” ถึงขนาดตายหมู่ยกพรรค
.
ท่านอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดนแจ้งความทั้งคดีอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา จากผู้หญิงไปถึง 14 รายแล้ว
.
บรรดาผู้ใหญ่ในพรรคสู้ “ศึกเลือกตั้ง” มาสารพัดไม่หวั่นไหว
.
แต่เจอ “ศึกนารี” ของอดีตรองหัวหน้าพรรคเข้าไป ออกอาการ “หน้าจ๋อย”
.
แรกๆ ให้ -ิ่ว-้อพรรคระดับเด็กๆ เอาอ่างมาส่องหน้ากระผมว่า
.
คนอย่างชูวิทย์ไม่ควรมาสอนเรื่องจริยธรรม
.
พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวหรือ?
.
แทนที่จะให้ระดับหัวหน้าพรรค “จุรินทร์” หรือ “ท่านชวน” รีบออกมาขอโทษสังคม กลับเอาแค่รองโฆษกฯ มาพูดแทน
.
ศึกเลือกตั้งครั้งใด พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยหวั่นเกรง พูดจาฉะฉาน ให้สัมภาษณ์โวหารคมกริบดั่งใบมีดโกน
.
แต่เจอศึกนารีพิฆาตของอดีตรองหัวหน้าพรรคคนดี กลับทำตัวพูดไม่ออก บอกไม่ถูก กลายเป็นมีดโกนทื่อไปเสียอย่างนั้น
.
ไหนบอกว่าพรรคเป็น “สถาบัน” ก่อตั้งมาเสียนมนานกว่า 70 ปี ทำไมเสียฟอร์มเอาง่ายๆ อย่างนี้?
.
ระบบสรรหาคัดเลือกคน ที่มีผู้หญิงเรียงแถวมาแจ้งความคดีอนาจาร ข่มขืน ไม่ใช่แค่ 2-3 คน แต่ถึงวันนี้ปาเข้าไป 14 คนแล้ว
.
สงสัยเหลือเกินว่า ใครหนอช่างพาเหาะมาเป็นรองหัวหน้าพรรค
.
ไม่รู้จักกิตติศัพท์กันบ้าง หรือแค่คลำดูไม่มีหางเป็นใช้ได้?
.
บอกเลยว่า “ศึกนารีนี้ มันหนักกว่า ศึกเลือกตั้ง หลายเท่านัก”
.
น่าเวทนาเอาเสียจริงๆ
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/543046093853542
พิษรัสเซีย-ยูเครน! จีดีพีวูบ เงินเฟ้อพุ่ง คาดต้องรอครึ่งหลังปี 66 เศรษฐกิจจะกลับไปเหมือนก่อนโควิด
https://ch3plus.com/news/economy/morning/287383
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
นาย
ปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. มีห่วงสถานการณ์หนี้สินครัวเรือนของไทยที่อยู่ในระดับสูง เป็นอันดับสองในเอเชีย เป็นรองเฉพาะเกาหลีใต้เท่านั้น และหนี้สินครัวเรือนสะสมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้เสียคงมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่ไม่เพิ่มในลักษณะก้าวกระโดด ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้มากกว่า
การที่สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP หยุดเพิ่มขึ้นในระยะหลังนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ GDP มันเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณหนี้ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาหนี้ คือ การทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ GDP เพิ่มขึ้น และทำให้ประชาชนมีรายได้ เพื่อนำมาจ่ายคืนหนี้ได้
ด้าน นาย
สักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวว่า ล่าสุด ได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย และอัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 65 และ 66
โดยปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 65 อยู่ที่ 3.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.4% และปี 66 อยู่ที่ 4.7% พร้อมทั้งปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อ ในปี 65 และ 66 เพิ่มเป็น 4.9% และ 1.7% ตามลำดับ ซึ่งการปรับ GDP ลดลงจากเดิมนั้นเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นสำคัญ
โดยมองว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยที่ชะลอตัวลง รวมทั้งมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผ่านมายังต้นทุนสินค้า ค่าครองชีพ และกำลังซื้อในประเทศ โดยกระทบกับค่าครองชีพภาคครัวเรือน ต้นทุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และมีหนี้สูง
และยังกล่าวอีกว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นในระยะสั้น โดยปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่ากรณีฐาน มาจาก
1. ปัญหา global supply disruption อาจรุนแรงกว่าที่คาด
2. ผลกระทบจากค่าครองชีพที่อาจสูงขึ้นมาก จนกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน
3. การระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
แต่ยังพอจะมีปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้สูงกว่ากรณีฐาน คือ การใช้จ่ายของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ชะลอการใช้จ่ายไปในช่วงก่อนหน้า
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับไปขยายตัวได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิดได้ในราวครึ่งหลังของปี 66 เป็นต้นไป
JJNY : อึ้ง ผู้เสียหาย 14 รายแล้ว!│ชูวิทย์ ชี้กรณี ‘ปริญญ์’│จีดีพีวูบ เงินเฟ้อพุ่ง│“นิพิฏฐ์”ฟันธง“จึงรุ่งเรืองกิจ”ไม่ผิด
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7003859
อึ้งผู้เสียหาย 14 รายแล้ว! ทนายตั้มโพสต์ภาพ พาเข้าแจ้งความ คดีอดีตรองหัวหน้าพรรค บอก ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่กล้าหาญร่วมกำจัดมารสังคมไปด้วยกัน
จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พาผู้เสียหายที่อ้างว่า ถูกนักการเมืองคนหนึ่ง ลวงไปข่มขืนและกระทำอนาจารมาแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ลุมพินี ซึ่งหนึ่งในนั้นมี แอนนา ภรรยา ของไฮโซลูกนัท รวมอยู่ด้วย
ล่าสุด วันที่ 18 เม.ย.65 ทนายตั้ม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพของหญิงสาวผู้เสียหายหลายราย ที่กำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเนินการสอบปากคำ โดยทนายตั้ม ระบุว่า เป็นผู้เสียหายจากคดีตกเป็นเหยื่อนักการเมืองคนดังกล่าว
โดย ทนายตั้ม ระบุข้อความว่า
“ผู้เสียหายรวมทั้งหมด 14 คนแล้ว ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่กล้าหาญร่วมกำจัดมารสังคมไปด้วยกันนะครับ #ขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจนครบาล #ขอบคุณตำรวจสนลุมพินี ที่อำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนด้วยครับ”
https://www.facebook.com/sittra/posts/7234019303335053
ชูวิทย์ ชี้กรณี ‘ปริญญ์’ พรรค ปชป.เจอศึกนารีหนักกว่าศึกเลือกตั้งหลายเท่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_3295827
เมื่อวันที่ 19 เมษายน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ความว่า
พรรคประชาธิปัตย์ “ศึกเลือกตั้งไม่เคยกลัว แต่กลัวศึกนารีพิฆาต” ถึงขนาดตายหมู่ยกพรรค
.
ท่านอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดนแจ้งความทั้งคดีอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา จากผู้หญิงไปถึง 14 รายแล้ว
.
บรรดาผู้ใหญ่ในพรรคสู้ “ศึกเลือกตั้ง” มาสารพัดไม่หวั่นไหว
.
แต่เจอ “ศึกนารี” ของอดีตรองหัวหน้าพรรคเข้าไป ออกอาการ “หน้าจ๋อย”
.
แรกๆ ให้ -ิ่ว-้อพรรคระดับเด็กๆ เอาอ่างมาส่องหน้ากระผมว่า
.
คนอย่างชูวิทย์ไม่ควรมาสอนเรื่องจริยธรรม
.
พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวหรือ?
.
แทนที่จะให้ระดับหัวหน้าพรรค “จุรินทร์” หรือ “ท่านชวน” รีบออกมาขอโทษสังคม กลับเอาแค่รองโฆษกฯ มาพูดแทน
.
ศึกเลือกตั้งครั้งใด พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยหวั่นเกรง พูดจาฉะฉาน ให้สัมภาษณ์โวหารคมกริบดั่งใบมีดโกน
.
แต่เจอศึกนารีพิฆาตของอดีตรองหัวหน้าพรรคคนดี กลับทำตัวพูดไม่ออก บอกไม่ถูก กลายเป็นมีดโกนทื่อไปเสียอย่างนั้น
.
ไหนบอกว่าพรรคเป็น “สถาบัน” ก่อตั้งมาเสียนมนานกว่า 70 ปี ทำไมเสียฟอร์มเอาง่ายๆ อย่างนี้?
.
ระบบสรรหาคัดเลือกคน ที่มีผู้หญิงเรียงแถวมาแจ้งความคดีอนาจาร ข่มขืน ไม่ใช่แค่ 2-3 คน แต่ถึงวันนี้ปาเข้าไป 14 คนแล้ว
.
สงสัยเหลือเกินว่า ใครหนอช่างพาเหาะมาเป็นรองหัวหน้าพรรค
.
ไม่รู้จักกิตติศัพท์กันบ้าง หรือแค่คลำดูไม่มีหางเป็นใช้ได้?
.
บอกเลยว่า “ศึกนารีนี้ มันหนักกว่า ศึกเลือกตั้ง หลายเท่านัก”
.
น่าเวทนาเอาเสียจริงๆ
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/543046093853542
พิษรัสเซีย-ยูเครน! จีดีพีวูบ เงินเฟ้อพุ่ง คาดต้องรอครึ่งหลังปี 66 เศรษฐกิจจะกลับไปเหมือนก่อนโควิด
https://ch3plus.com/news/economy/morning/287383
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. มีห่วงสถานการณ์หนี้สินครัวเรือนของไทยที่อยู่ในระดับสูง เป็นอันดับสองในเอเชีย เป็นรองเฉพาะเกาหลีใต้เท่านั้น และหนี้สินครัวเรือนสะสมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้เสียคงมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่ไม่เพิ่มในลักษณะก้าวกระโดด ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้มากกว่า
การที่สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP หยุดเพิ่มขึ้นในระยะหลังนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ GDP มันเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณหนี้ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาหนี้ คือ การทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ GDP เพิ่มขึ้น และทำให้ประชาชนมีรายได้ เพื่อนำมาจ่ายคืนหนี้ได้
ด้าน นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวว่า ล่าสุด ได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย และอัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 65 และ 66
โดยปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 65 อยู่ที่ 3.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.4% และปี 66 อยู่ที่ 4.7% พร้อมทั้งปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อ ในปี 65 และ 66 เพิ่มเป็น 4.9% และ 1.7% ตามลำดับ ซึ่งการปรับ GDP ลดลงจากเดิมนั้นเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นสำคัญ
โดยมองว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยที่ชะลอตัวลง รวมทั้งมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผ่านมายังต้นทุนสินค้า ค่าครองชีพ และกำลังซื้อในประเทศ โดยกระทบกับค่าครองชีพภาคครัวเรือน ต้นทุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และมีหนี้สูง
และยังกล่าวอีกว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นในระยะสั้น โดยปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่ากรณีฐาน มาจาก
1. ปัญหา global supply disruption อาจรุนแรงกว่าที่คาด
2. ผลกระทบจากค่าครองชีพที่อาจสูงขึ้นมาก จนกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน
3. การระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
แต่ยังพอจะมีปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้สูงกว่ากรณีฐาน คือ การใช้จ่ายของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ชะลอการใช้จ่ายไปในช่วงก่อนหน้า
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับไปขยายตัวได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิดได้ในราวครึ่งหลังของปี 66 เป็นต้นไป