สรุปคำถามอยู่ด้านล่างกระทู้นะคะ
เหตุการณ์ทั้งหมดคือ
แฟนดิฉันซื้อพระกับคนหนึ่งในกลุ่มพระในเฟสบุ๊ค ชื่อ กรุ๊ป"ชมรมคนรักพระกริ่งสากล"เขาจะประกาศขายโดยเขียนรายละเอียดประมาณนี้ค่ะ
ชื่อพระกริ่ง ใครเป็นคนปลุกเสก วัดอะไร สภาพ ราคา
และเขียนว่า "พระแท้ มาตรฐาน" หรือบางครั้งเขียนว่า "พระแท้ มาตรฐานสากล"
ชื่อคนขาย (เป็นชื่อปลอมแต่คล้ายๆ ชื่อจริง ๆ เขา) นามสกุล
เบอร์โทรศัพท์
โดยแฟนดิฉันเพิ่งซื้อพระกริ่งจากวัดสุทัศน์มาแล้วชอบมาก เลยมาหาซื้อพระจากวัดสุทัศน์อีกแต่รุ่นเก่ากว่าเดิมซึ่งไม่มีขายในวัดแล้ว
ด้วยความไม่ชำนาญไปดูวิธีดูใน ยูทูปบ้าง เฟสบุ๊คบ้าง จึงหลงเชื่อซื้อพระจากคนคนนี้เพราะคิดว่าเป็นพระแท้ เพราะเขาเขียนว่าแท้
ซื้อ 2 ครั้งรวมเงินประมาณเกือบ 500,000 ในระยะเวลา 1 เดือนเศษ
หลังจากครั้งที่ 2 ไปซื้อพระจากเขาก็เริ่มสงสัยว่าเขาจะขายพระปลอม เพราะเขาพูดจาแปลก ๆ เช่น เขาพูดประมาณว่าเขาถือศีล 5 แต่ในมือเขาดื่มเบียร์ไป 3 กระป๋องขณะที่เขาพูดแบบนั้น,เขาดูร้อนเงินแปลก ๆ รีบปิดการขาย,ให้เอาไปเยอะ ๆ เลย
กลับมาจึงเอาพระไปตรวจมวลสารที่ร้านจิวเวอร์รี่ดูว่าส่วนประกอบมีทอง เงิน อื่น ๆ ตามส่วนผสมของนวโลหะหรือไม่ เพราะเริ่มไม่มั่นใจ
หลังจากตรวจ
1.พระกริ่งรุ่น พรหมมุณี ที่เขาอ้างว่านวโลหะ(โลหะ 9 ชนิด)แต่ผลตรวจของพระคือทองแดง 99%
2.พระกริ่งรุ่น เขมรน้อย ประมาณ พ.ศ. 24xx ผลเทสออกมาคือส่วนผสมซับซ้อนน้อยกว่าพระกริ่งรุ่น อ.ว. ที่สร้างเมื่อ 2533 เสียอีกทั้ง ๆ ที่ส่วนผสม ต่าง ๆ สมัยนี้จะไม่ครบสูตรเท่าเมื่อก่อน(เช่น จ้าวน้ำเงินเดี๋ยวนี้หาไม่ได้แล้ว ?)และต้นทุนวัตถุดิบแพงกว่า เช่น ทอง เงิน ซึ่งแต่ก่อนควรใส่ส่วนผสมแพง ๆ มากกว่านี้มาก ๆ เพราะสมัยนั้นถูกแต่ใส่ทองและเงินน้อยกว่า อ.ว. บางองค์อีก
3.พระกริ่งรุ่น 2479 ปกติเป็นเนื้อนวโลหะ ซึ่งไม่มีทองสัก % เลย ยิ่งเทียบกับ อ.ว. 2533 ยังมีทองเลย
พอแฟนทักไปบอกเขาว่า"ไปเช็คพระมาแล้ว ทองแดง 99% ต้องการเงินคืนทุกองค์ ไม่งั้นจะแจ้งความ และรีวิวการซื้อขายพร้อมโชว์ส่วนประกอบพระใน FB" เขาตอบมาว่า
"คุณดูเองเลือกเอง ต้องการเอง ผมไม่ได้หลอกคุณนะครับ พระเป็นนวจริง ๆไปเช็คที่วัดสุทัศน์ได้"
แฟนเลยส่งผลตรวจแลปพระที่ซื้อจากวัดสุทัศน์ รุ่น อ.ว. ซึ่งส่วนผสมเยอะกว่าพระที่เขาขาย(พรหมมุณี)ชัดเจนไปให้เขา
พอหลักฐานชัดเขาจึงบอกว่า "เท่าไหร่ หักเปอร์เซนต์ด้วย คุณต้องเข้าใจ ไม่เคยคิดหลอก เจตนาบริสุทธิ์ ไม่เคยเสนอขายคุณ ไม่เคยยัดเยียดให้คุณเอาพระ ผมขอหัก 30% ไม่เคยใช้คำพูดหลอกลวง ต้มตุ๋น มีแต่ความจริงใจนำไปให้ดูถึงที่ ซึ่งคุณจะเอาหรือไม่เอาเป็นสิทธิของคุณ ศาลคงดูเจตนา เพราะผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย หัก 30% มันเป็นมาตรฐานสากลวงการพระ ผมไม่ได้หัวหมอ ผมไม่ได้หากินอย่างนี้ หักเปอร์เซนต์ แต่เสียความรู้สึก"
ดิฉันเข้าใจว่า
1.เขาโพสให้แฟนดิฉันเข้าใจว่าเป็นพระแท้ มาตรฐานสากล ซึ่งแฟนดิฉันเพิ่งมาหาซื้อพระจึงหลงเชื่อ
2.เขาเสนอขายพระลงกรุ๊ปพระกริ่งสากล ซึ่งเป็นกรุ๊ปมีคนหลายหมื่น ด้วยคำว่า"เปิดราคา" ซึ่งเป็นการเสนอขายแน่นอน แฟนดิฉันจึงทักไปซื้อ
3.เขาไม่ได้ยัดเยียดแต่แฟนดิฉันเข้าใจว่าพระจริง มาตรฐานสากล จึงซื้อ
4.เขาไม่ได้จริงใจนำไปให้ดูฟรีถึงที่เขาคิดค่ามัดจำ 8,000 บาทถ้าไม่ซื้อพระเขาจะยึดมัดจำ
5.เขาพูดว่า "เจตนาบริสุทธิ์ ศาลคงดูเจตนา ผมไม่ได้หัวหมอ" คงไม่จริงเพราะถ้าไม่มีหลักฐานยืนยันส่วนผสมว่าต่างจากของจริงเขาก็จะไม่ยอมรับซื้อคืน พร้อมเขียนว่าตัวเองมีเจตนาบริสุทธิ์ คงต้องเคยขึ้นศาลบ่อยแน่ เพราะบางมาตราถ้าไม่มีเจตนาจะหลุดคดี
6.เมื่อจำนวนด้วยหลักฐานว่าพระตนเองไม่แท้ จึงยอมรับคืนและหักค่าส่วนต่าง 30% ดิฉันไปถามคนในวงการพระมาแล้วหัก 30% คือกรณีพระแท้แต่คนซื้อไม่ถูกใจอยากคืน ไม่ใช่เคสพระเก๊ ถ้าพระเก๊ต้องคืน 100%
ตอนนี้กำลังจะเอาพระทุกองค์ที่ซื้อจากเขาไปตรวจที่ 1.สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย 2.เวปนิตยสารพระเครื่องท่าพระจันทร์ เพื่อรวบรวมหลักฐาน
ส่งฟ้องอาญา คิดว่าจะฟ้องฉ้อโกงมาตรา
ม.341 เพราะหลอกลวงด้วยข้อความเท็จที่เขียนว่า "พระแท้ มาตรฐานสากล"<<ถ้ามาตรฐานจริงตรวจมาต้องแท้
ม.342 เขาแสดงตนเป็นคนอื่นโดยใช้ชื่อปลอมถึงจะคล้ายชื่อจริงก็ตาม, อาศัยความไม่รู้จักพระแท้ของผู้ซื้อ
ม.343 ด้วยเพราะโพสพวกนั้นหลอกลวงว่าเป็นพระแท้แก่คนหลายหมื่นคน จึงน่าจะโดนฉ้อโกงประชาชนโดนอาญา ยอมความไม่ได้เช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาตรา ๓๔๑ ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๓๔๒ ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ
(๑) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ
(๒) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๓๔๓ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง
ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา ๓๔๒ อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
ถ้าหลังจาก 1.สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย 2.เวปนิตยสารพระเครื่องท่าพระจันทร์ ตีว่าเป็นพระเก๊แล้ว ซึ่งโอกาสสูงมาก
เขาบอกว่า"เขาเป็นคนไม่อิงสถาบันพวกตรวจพระพวกนั้น"+เขาเล่าว่าเคยไปตรวจกับพยัพ คำพันธุ์แล้วเขาจะขอซื้อแล้วเขาไม่ขายเพราะของเซียนขายอ่ะเก๊ ของเขาแท้ ประมาณว่าถ้าเซียนตีพระเขาแท้ แล้วของปลอมที่เซียนขายจะขายไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าพลาดเองค่ะที่เชื่อ ไม่ได้เอะใจ
จึงอยากปรึกษาว่า
1.ควรฟ้องให้ถึงที่สุด ถ้าได้เงินคืน 100% ได้ประมาณ 500,000 แล้วยังต้องหักค่าทนาย 30,000 - 100,000 บาท เท่าที่ไปอ่านมา ค่าสืบพยาน ครั้งละ 1000 ค่าเดินทาง ยิบย่อยอีกตี 10,000 บาท เหลือประมาณ 380,000 - 460,000 บาทแต่อาจจะต้องไปสืบพยานนี่นั่นอีกกินเวลา 4-6 เดือน
2.ยอมให้หัก 30% โดนหักไป 150,000 บาท + ค่าเดินทางพักโรงแรมอีก น่าจะ 10,000 เขาบินมาจากหาดใหญ่ค่ะ เหลือกลับมา 340,000 บาท
เลือกวิธีไหนดีคะ
มีวิธีไหนที่ควรต้องทำเพื่อเตรียมตัวให้รัดกุมมาก ๆ เพื่อฟ้องแล้วชนะทีเดียวไม่สืบพยานมากไหมคะ นอกจาก
1.หลักฐานที่คุยกันทั้งหมด
2.หลักฐานที่เขาบอกว่าแท้ มาตรฐานสากลเกือบทุกองค์ที่ขายให้
3.ผลตรวจพระจาก 2 สมาคม
4.ผลตรวจแลปมวลสารทางวิทยาศาสตร์
อยากตัดสินให้ชนะจะได้เอาผลตัดสินศาลไปแชร์ในกรุ๊ปด้วยคนอื่นจะได้ไม่ถูกหลอกแบบนี้อีกค่ะ แต่ก็ชั่งใจอยู่ว่ายังไงดีเพราะไปศาลก็แอบเหนื่อย+ยุ่งยาก+ถ้าหลักฐานไม่ชักเจนมาก ๆ สืบพยานยาวอีก ถึงอีกฝั่งจะเหนื่อยกว่าที่ต้องบินมาจากหาดใหญ่มากรุงเทพก็เถอะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำและแสดงความเห็นนะคะ ช่วยกด + กระทู้เป็นกำลังใจให้คนอื่นเห็นเยอะ ๆ จะได้ไม่ถูกหลอกแบบแฟนดิฉันอีกค่ะ
[ปรึกษาเพื่อน ๆ และทนาย]โดนหลอกขายพระปลอมจะคืนพระโดนหัก 30%+ค่าเดินทาง+ค่าโรงแรม ฟ้องจะคุ้มไหมคะ
เหตุการณ์ทั้งหมดคือ
แฟนดิฉันซื้อพระกับคนหนึ่งในกลุ่มพระในเฟสบุ๊ค ชื่อ กรุ๊ป"ชมรมคนรักพระกริ่งสากล"เขาจะประกาศขายโดยเขียนรายละเอียดประมาณนี้ค่ะ
ชื่อพระกริ่ง ใครเป็นคนปลุกเสก วัดอะไร สภาพ ราคา
และเขียนว่า "พระแท้ มาตรฐาน" หรือบางครั้งเขียนว่า "พระแท้ มาตรฐานสากล"
ชื่อคนขาย (เป็นชื่อปลอมแต่คล้ายๆ ชื่อจริง ๆ เขา) นามสกุล
เบอร์โทรศัพท์
โดยแฟนดิฉันเพิ่งซื้อพระกริ่งจากวัดสุทัศน์มาแล้วชอบมาก เลยมาหาซื้อพระจากวัดสุทัศน์อีกแต่รุ่นเก่ากว่าเดิมซึ่งไม่มีขายในวัดแล้ว
ด้วยความไม่ชำนาญไปดูวิธีดูใน ยูทูปบ้าง เฟสบุ๊คบ้าง จึงหลงเชื่อซื้อพระจากคนคนนี้เพราะคิดว่าเป็นพระแท้ เพราะเขาเขียนว่าแท้
ซื้อ 2 ครั้งรวมเงินประมาณเกือบ 500,000 ในระยะเวลา 1 เดือนเศษ
หลังจากครั้งที่ 2 ไปซื้อพระจากเขาก็เริ่มสงสัยว่าเขาจะขายพระปลอม เพราะเขาพูดจาแปลก ๆ เช่น เขาพูดประมาณว่าเขาถือศีล 5 แต่ในมือเขาดื่มเบียร์ไป 3 กระป๋องขณะที่เขาพูดแบบนั้น,เขาดูร้อนเงินแปลก ๆ รีบปิดการขาย,ให้เอาไปเยอะ ๆ เลย
กลับมาจึงเอาพระไปตรวจมวลสารที่ร้านจิวเวอร์รี่ดูว่าส่วนประกอบมีทอง เงิน อื่น ๆ ตามส่วนผสมของนวโลหะหรือไม่ เพราะเริ่มไม่มั่นใจ
หลังจากตรวจ
1.พระกริ่งรุ่น พรหมมุณี ที่เขาอ้างว่านวโลหะ(โลหะ 9 ชนิด)แต่ผลตรวจของพระคือทองแดง 99%
2.พระกริ่งรุ่น เขมรน้อย ประมาณ พ.ศ. 24xx ผลเทสออกมาคือส่วนผสมซับซ้อนน้อยกว่าพระกริ่งรุ่น อ.ว. ที่สร้างเมื่อ 2533 เสียอีกทั้ง ๆ ที่ส่วนผสม ต่าง ๆ สมัยนี้จะไม่ครบสูตรเท่าเมื่อก่อน(เช่น จ้าวน้ำเงินเดี๋ยวนี้หาไม่ได้แล้ว ?)และต้นทุนวัตถุดิบแพงกว่า เช่น ทอง เงิน ซึ่งแต่ก่อนควรใส่ส่วนผสมแพง ๆ มากกว่านี้มาก ๆ เพราะสมัยนั้นถูกแต่ใส่ทองและเงินน้อยกว่า อ.ว. บางองค์อีก
3.พระกริ่งรุ่น 2479 ปกติเป็นเนื้อนวโลหะ ซึ่งไม่มีทองสัก % เลย ยิ่งเทียบกับ อ.ว. 2533 ยังมีทองเลย
พอแฟนทักไปบอกเขาว่า"ไปเช็คพระมาแล้ว ทองแดง 99% ต้องการเงินคืนทุกองค์ ไม่งั้นจะแจ้งความ และรีวิวการซื้อขายพร้อมโชว์ส่วนประกอบพระใน FB" เขาตอบมาว่า
"คุณดูเองเลือกเอง ต้องการเอง ผมไม่ได้หลอกคุณนะครับ พระเป็นนวจริง ๆไปเช็คที่วัดสุทัศน์ได้"
แฟนเลยส่งผลตรวจแลปพระที่ซื้อจากวัดสุทัศน์ รุ่น อ.ว. ซึ่งส่วนผสมเยอะกว่าพระที่เขาขาย(พรหมมุณี)ชัดเจนไปให้เขา
พอหลักฐานชัดเขาจึงบอกว่า "เท่าไหร่ หักเปอร์เซนต์ด้วย คุณต้องเข้าใจ ไม่เคยคิดหลอก เจตนาบริสุทธิ์ ไม่เคยเสนอขายคุณ ไม่เคยยัดเยียดให้คุณเอาพระ ผมขอหัก 30% ไม่เคยใช้คำพูดหลอกลวง ต้มตุ๋น มีแต่ความจริงใจนำไปให้ดูถึงที่ ซึ่งคุณจะเอาหรือไม่เอาเป็นสิทธิของคุณ ศาลคงดูเจตนา เพราะผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย หัก 30% มันเป็นมาตรฐานสากลวงการพระ ผมไม่ได้หัวหมอ ผมไม่ได้หากินอย่างนี้ หักเปอร์เซนต์ แต่เสียความรู้สึก"
ดิฉันเข้าใจว่า
1.เขาโพสให้แฟนดิฉันเข้าใจว่าเป็นพระแท้ มาตรฐานสากล ซึ่งแฟนดิฉันเพิ่งมาหาซื้อพระจึงหลงเชื่อ
2.เขาเสนอขายพระลงกรุ๊ปพระกริ่งสากล ซึ่งเป็นกรุ๊ปมีคนหลายหมื่น ด้วยคำว่า"เปิดราคา" ซึ่งเป็นการเสนอขายแน่นอน แฟนดิฉันจึงทักไปซื้อ
3.เขาไม่ได้ยัดเยียดแต่แฟนดิฉันเข้าใจว่าพระจริง มาตรฐานสากล จึงซื้อ
4.เขาไม่ได้จริงใจนำไปให้ดูฟรีถึงที่เขาคิดค่ามัดจำ 8,000 บาทถ้าไม่ซื้อพระเขาจะยึดมัดจำ
5.เขาพูดว่า "เจตนาบริสุทธิ์ ศาลคงดูเจตนา ผมไม่ได้หัวหมอ" คงไม่จริงเพราะถ้าไม่มีหลักฐานยืนยันส่วนผสมว่าต่างจากของจริงเขาก็จะไม่ยอมรับซื้อคืน พร้อมเขียนว่าตัวเองมีเจตนาบริสุทธิ์ คงต้องเคยขึ้นศาลบ่อยแน่ เพราะบางมาตราถ้าไม่มีเจตนาจะหลุดคดี
6.เมื่อจำนวนด้วยหลักฐานว่าพระตนเองไม่แท้ จึงยอมรับคืนและหักค่าส่วนต่าง 30% ดิฉันไปถามคนในวงการพระมาแล้วหัก 30% คือกรณีพระแท้แต่คนซื้อไม่ถูกใจอยากคืน ไม่ใช่เคสพระเก๊ ถ้าพระเก๊ต้องคืน 100%
ตอนนี้กำลังจะเอาพระทุกองค์ที่ซื้อจากเขาไปตรวจที่ 1.สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย 2.เวปนิตยสารพระเครื่องท่าพระจันทร์ เพื่อรวบรวมหลักฐาน
ส่งฟ้องอาญา คิดว่าจะฟ้องฉ้อโกงมาตรา
ม.341 เพราะหลอกลวงด้วยข้อความเท็จที่เขียนว่า "พระแท้ มาตรฐานสากล"<<ถ้ามาตรฐานจริงตรวจมาต้องแท้
ม.342 เขาแสดงตนเป็นคนอื่นโดยใช้ชื่อปลอมถึงจะคล้ายชื่อจริงก็ตาม, อาศัยความไม่รู้จักพระแท้ของผู้ซื้อ
ม.343 ด้วยเพราะโพสพวกนั้นหลอกลวงว่าเป็นพระแท้แก่คนหลายหมื่นคน จึงน่าจะโดนฉ้อโกงประชาชนโดนอาญา ยอมความไม่ได้เช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าหลังจาก 1.สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย 2.เวปนิตยสารพระเครื่องท่าพระจันทร์ ตีว่าเป็นพระเก๊แล้ว ซึ่งโอกาสสูงมาก
เขาบอกว่า"เขาเป็นคนไม่อิงสถาบันพวกตรวจพระพวกนั้น"+เขาเล่าว่าเคยไปตรวจกับพยัพ คำพันธุ์แล้วเขาจะขอซื้อแล้วเขาไม่ขายเพราะของเซียนขายอ่ะเก๊ ของเขาแท้ ประมาณว่าถ้าเซียนตีพระเขาแท้ แล้วของปลอมที่เซียนขายจะขายไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าพลาดเองค่ะที่เชื่อ ไม่ได้เอะใจ
จึงอยากปรึกษาว่า
1.ควรฟ้องให้ถึงที่สุด ถ้าได้เงินคืน 100% ได้ประมาณ 500,000 แล้วยังต้องหักค่าทนาย 30,000 - 100,000 บาท เท่าที่ไปอ่านมา ค่าสืบพยาน ครั้งละ 1000 ค่าเดินทาง ยิบย่อยอีกตี 10,000 บาท เหลือประมาณ 380,000 - 460,000 บาทแต่อาจจะต้องไปสืบพยานนี่นั่นอีกกินเวลา 4-6 เดือน
2.ยอมให้หัก 30% โดนหักไป 150,000 บาท + ค่าเดินทางพักโรงแรมอีก น่าจะ 10,000 เขาบินมาจากหาดใหญ่ค่ะ เหลือกลับมา 340,000 บาท
เลือกวิธีไหนดีคะ
มีวิธีไหนที่ควรต้องทำเพื่อเตรียมตัวให้รัดกุมมาก ๆ เพื่อฟ้องแล้วชนะทีเดียวไม่สืบพยานมากไหมคะ นอกจาก
1.หลักฐานที่คุยกันทั้งหมด
2.หลักฐานที่เขาบอกว่าแท้ มาตรฐานสากลเกือบทุกองค์ที่ขายให้
3.ผลตรวจพระจาก 2 สมาคม
4.ผลตรวจแลปมวลสารทางวิทยาศาสตร์
อยากตัดสินให้ชนะจะได้เอาผลตัดสินศาลไปแชร์ในกรุ๊ปด้วยคนอื่นจะได้ไม่ถูกหลอกแบบนี้อีกค่ะ แต่ก็ชั่งใจอยู่ว่ายังไงดีเพราะไปศาลก็แอบเหนื่อย+ยุ่งยาก+ถ้าหลักฐานไม่ชักเจนมาก ๆ สืบพยานยาวอีก ถึงอีกฝั่งจะเหนื่อยกว่าที่ต้องบินมาจากหาดใหญ่มากรุงเทพก็เถอะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำและแสดงความเห็นนะคะ ช่วยกด + กระทู้เป็นกำลังใจให้คนอื่นเห็นเยอะ ๆ จะได้ไม่ถูกหลอกแบบแฟนดิฉันอีกค่ะ