นปช.รำลึก ’12 ปี’ 10เมษา53 แม่น้องเกด-ญาติวีรชน ไม่ทนกดขี่ จ่อเดินหน้าทวงความเป็นธรรม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3281994
นปช.รำลึก ’12 ปี’ 10เมษา53 แม่น้องเกด-ญาติวีรชน ไม่ทนกดขี่ จ่อเดินหน้าทวงความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ห้อง
อภิวันท์ วิริยะชัย อาคาร PEACE TV มีการจัดงาน
“รำลึก 12 ปี วีรชน 10 เมษา 53” รำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ประช าชน จากเหตุการณ์ล้อมปราบการชุมนุม 10 เมษายน – 19 พฤษภาคม 2553
โดยเวลา 10.00 น. มีการประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ เพื่ออุทิศผลบุญกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 99 รายและผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมากจากเหตุการณ์ดังกล่าว
นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นาย
ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช., นาย
จอมพล รุ่งเรือง ชูเลิศ หรือ
จอมพลปฏิวัติ แนวร่วมกลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นาง
พะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.
กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 6 ศพวัดปทุมวนาราม, นาย
นันทพงศ์ ปานมาศ หรือ
กุ๊ก นักกิจกรรมจากเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมี นาย
วุฒิพงศ์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาร่วมทำบุญด้วยท่ามกลางคนเสื้อแดง นปช. และญาติผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภายในงานยังมีการวางรูปผู้เสียชีวิตบริเวณด้านข้างของเวทีอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรกล่าวนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป จากวัดพระยาสุเรนทร์ ขึ้นยังอาสนะสงฆ์ จากนั้น นาย
จตุพร ประธาน นปช. จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
ขณะที่ ผู้ร่วมงานน้อมใจกล่าวคำอาราธนาศีล อาราธนาธรรม ก่อนร่วมกล่าวคำถวายข้าวพระพุทธ ถวายสังฆทานและภัตตาหาร ร่วมกันทอดผ้าไตรบังสุกุล และกรวดน้ำรับพรร่วมกับญาติผู้วายชนม์
ทั้งนี้ คำกล่าวในท่อนหนึ่งความว่า
“ขออุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับ ขอให้บุญกุศลที่ได้อุทิศในครั้งนี้ ไปถึงดวงวิญญาณทั้งหลาย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เมษายน-พฤษภาคม 2553 หากตกอยู่ในที่ทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ หากตกในที่สุข ขอให้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประกอบพิธีทางศาสนา มีการกล่าวรำลึกโดยญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งนาย
จตุพรจะขึ้นกล่าวเรื่องประชาธิปไตยและรำลึกวีรชนเป็นครั้งแรก หลังออกจากเรือนจำ สำหรับในช่วงบ่ายยังมีการจัดกิจกรรมสงกรานต์ให้ผู้ร่วมงานได้ผ่อนคลายอีกด้วย
เวลาประมาณ 11.00 น. นาย
เทอดศักดิ์ มูลจันทร์ บิดาผู้วายชนม์ จากเหตุการณ์ 10 เมษายน 53 ตัวแทนญาติผู้เสียชีวิต ขึ้นกล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงทุกคนและขอบคุณคุณ
จตุพรที่จัดงานรำลึก 2 ปีให้กับญาติ 10 เมษา-พฤษภาคม 53 ยินดีที่ทุกคนร่วมกันรำลึกขอให้แข็งแรง สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อยากให้คุณจตุพรมีกำลังใจต่อสู้เพื่อญาติวีรชนทุกๆ ปี
ด้าน นาย
สมใจ เข็มทอง พี่ชายของอาสาป่อเต็กตึ้ง 1 ใน 6 ศพวัดปทุมวนาราม กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ได้ร่วมกันมารำลึกในวันนี้ ตนไม่เคยลืมความมีน้ำใจและการต่อสู้ของทุกคน เพราะตนเองก็สู้มาตั้งแต่รุ่นแรก ตั้งแต่รุ่นแท็กซี่ ตื้นตันกับทุกสิ่งทุกอย่าง
บิดา ของผู้เสียชีวิตอีกราย เผยว่า เราต้องต่อสู้กันอย่างอิสระเสรี และไม่กลัวภัยใดใดทั้งสิ้น ขอบคุณที่ยังไม่ท้อแท้ ขอให้เสื้อแดงร่วมส่งกำลังใจและสู้กันต่อไป
ขณะที่ นาง
พะเยาว์ อัคฮาด หรือ แม่น้องเกด กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณคุณจตุพร และผู้ที่มาร่วมงานปีนี้ เป็นปีที่ 12 ที่เราได้รำลึกกัน แต่ตนก็มีนิมิตหมายที่ดี ญาติทุกคนได้คุยกันว่า 12 ปีที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมทวงถามความยุติธรรมพร้อมเพรียงกันนัก เพราะแต่ละคนก็ติดภารกิจ
“ณ เวลานี้ผ่านมา 12 ปีเราได้รับรู้ว่า กระบวนการยุติธรรมที่เราได้รับ ถูกกดขี่ เราถูกรังแกมากจากภาครัฐ เราจะคิดกันว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราทุกคนในจำนวนญาติผู้เสียหายที่ยังอยู่และมีความพร้อม เราจะเริ่มดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรม จะไปทุกที่ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะไปยืนอยู่หน้ากองทัพบก หน้าทำเนียบ หน้าทุกส่วนที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำร้ายคนในครอบครัวเรา เราจะเริ่มต้นเรียกร้องความยุติธรรม เพราะเราถูกกด มีหลายคดี ที่ดีเอสไอ ไม่ส่งฟ้อง เหลืออีกแค่ 20 กว่าคดี ที่ได้รับการชี้มูลความตาย แต่ผลสุดท้ายเราก็ถูกกลั่นแกล้งโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เอาคดีของเราไปซุกไว้ในมือของศาลทหาร ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
“การชี้มูลการตาย ขึ้นกับศาลพลเรือนมาโดยตลอด ทหารทุกคนที่มาให้ปากคำ ก็ขึ้นศาลพลเรือน ฉะนั้น เราถูกกลั่นแกล้ง เมื่อขึ้นศาลทหารก็สั่งไม่ฟ้อง เราถูกรังแก ถึงเวลาแล้ว ญาติทุกคนพร้อมใจกัน ณ วันนี้ เป็นวันเริ่มต้น วันดี เรามองว่าควรจะออกมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ วันนี้แม่น้องเกดและญาติๆได้มีโอกาสมาพบพี่น้อง บอกตรงๆ ดีใจมาก ที่ไม่มีใครลืมผู้เสียชีวิต และพร้อมจะเรียกร้องความเป็นธรรมไปกับเรา” นาง
พะเยาว์กล่าว
สทท.มองสงกรานต์65ไม่คึกคักโควิด-ศก.ฉุดกำลังซื้อ
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_320886/
ปธ.สทท.มองสงกรานต์ปีนี้ไม่คึกคัก ปัญหาโควิด-เศรษฐกิจฉุดกำลังซื้อ ประชาชนท่องเที่ยวน้อย เหตุตัดรายจ่ายไม่จำเป็น
“
นาย ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)เปิดเผยกับไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สำหรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ประเมินว่าจะไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และยังมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอยู่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังสูง
ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับประชาชน ไม่มั่นใจการระบาดโควิด-19 น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง ได้ทำให้ประชาชนจะระมัดระวังมีการใช้จ่าย และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ส่งผลทำให้การเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง โดยการระบาดของโควิด-19 ยังทำให้ประชาชนกลัวน้อยกว่าปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบต่อรายได้ ซึ่งหลายคนมองว่าหากไม่มีเงินก็ ใช้จ่ายท่องเที่ยวไม่ได้
ทั้งนี้ มองว่า แนวโน้มช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในปี2565 อาจจะไม่ได้ดีเหมือนที่คาดไว้ ภาพอาจจะเป็นเหมือนปี 2564 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการระบาดของโควิด-19 ยังเป็นประเด็นที่ฉุดการท่องเที่ยวของคนไทย
เพื่อไทย ปักธง ส.ส.ใต้ ฟื้นความยิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย เร่งฟื้นท่องเที่ยว-สร้างรายได้ ให้ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3281975
เพื่อไทย ปักธง ส.ส.ใต้ ฟื้นความยิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย เร่งฟื้นท่องเที่ยว-สร้างรายได้ ให้ปชช.
เมื่อวันที่ 10 เมษายน นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นาย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 สาขาพรรคเพื่อไทย จังหวัดภูเก็ต พร้อมพบปะหารือสมาชิกพรรคและรับฟังการสะท้อนปัญหาจากพี่น้องประชาชน ที่โรงแรม โบท ลากูน รีสอร์ต
นาย
ประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อแก้ไขวิกฤตต่างๆ ที่รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพชุดนี้บริหารประเทศผิดพลาดสร้างความยากลำบากให้พี่น้องประชาชนอย่างแสนสาหัสมาตลอด จน 8 ปีที่ผ่านมาเสมือนประเทศและพี่ต้องประชาชนต้องติดอยู่ในหลุมดำ มองไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันมองไม่เห็นอนาคต
โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ และจังหวัดภูเก็ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ต้องซบเซาลงอย่างหนัก พี่น้องประชาชนต้องหยุดงาน ขาดรายได้ จำนวนมากต้องตกงาน ผู้ประกอบการต้องหยุดกิจการ ปิดกิจการกันจ้าละหวั่น ดังนั้นจึงหมดเวลาแล้วที่จะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้มีอำนาจต่อไปแล้วทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น
“พรรคเพื่อไทยมุ่งหวังที่จะคืนความมั่งคั่ง คืนชีวิตใหม่และคืนอนาคตให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องท่องเที่ยวหลักของประเทศ พรรคได้เตรียมที่จะศึกษาแนวทางการเพิ่มศักยภาพเพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้เป็น ‘เมืองเศรษฐกิจพิเศษ’ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากขึ้นในแต่ละปี ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้นและมองเห็นอนาคตอีกครั้ง
และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายที่จะปักธง ส.ส.ภาคใต้ให้ได้อีกครั้ง เหมือนที่เคยทำได้ในสมัยพรรคไทยรักไทย โดยพรรคจะต้องมี ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้เห็นปากเป็นเสียงเป็นตัวแทนในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน พร้อมร่วมกันผลักดันนโยบายพรรคเพื่อไทยในการฟื้นฟูวิกฤต พัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษกิจในพื้นที่ให้กลับมาดึขึ้นอีกครั้งหนึ่ง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว
นาย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องชาวใต้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งจะมาจากผู้ที่มาเยือนภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็น คนไทย ชาวต่างประเทศหรือนักธุรกิจ ดังนั้นเราจึงต้องทำให้ภูเก็ตมีความพร้อมในทุกด้าน
นาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ ขอให้ชาวใต้มีความหวังที่จะคืนชีวิตที่กินดีอยู่ดีและมีอนาคตที่ดีอีกครั้ง ขอให้ทุกท่านรอคอยโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นมืออาชีพ ที่จะมาแก้ไขปัญหาของทุกท่าน ผ่านการผลักดันนโยบยามที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนเพื่อให้ทุกคนไม่ลำบากเหมือนทุกวันนี้
ขณะที่ นาย
สนธยา หลาวหล้าง ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการปกครอง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมใหญ่สามัญ สาขาพรรคเพื่อไทยที่ภูเก็ตครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของยุทธศาสตร์การทำงาน การรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้พี่น้องชาวภูเก็ตมีความมั่นใจในการดำเนินการของพรรคเพื่อไทยมากยิ่งขึ้นและพร้อมสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตของแกนนำพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ผู้ประกอบการรถบัสและกิจการขนส่งจังหวัดภูเก็ต นำโดย นาย
ชนวีร์ เอกเตียวสกุล ประธานชมรมรถบัส 30 จังหวัดภูเก็ตได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอความช่วยเหลือผู้ประกอบการรถขนส่ง อันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เหลียวแลช่วยเหลือใดๆ ซึ่งตลอดเวลาผู้ประกอบการต้องดิ้นรนหาทางรอดจากวิกฤตด้วยตัวเองมาตลอด โดยเฉพาะปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียน เพื่อหล่อเลี้ยงและปรับปรุงกิจการ จนภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นและถูกฟ้องร้องยึดรถและดำเนินคดีจำนวนมาก
โดย นาย
ชนวีร์ กล่าวว่า วันนี้สิ้นหวังกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาลพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทุกด้าน เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมาไม่มีรายได้และไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาลอยากเสนอให้ตั้งกองทุนฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อเปิดให้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดได้
JJNY : นปช.รำลึก ’12 ปี’ 10เมษา53│สทท.มองสงกรานต์65ไม่คึกคัก│เพื่อไทยปักธงส.ส.ใต้│กทม.คุณภาพอากาศแย่อันดับ 4 ของโลก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3281994
นปช.รำลึก ’12 ปี’ 10เมษา53 แม่น้องเกด-ญาติวีรชน ไม่ทนกดขี่ จ่อเดินหน้าทวงความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ห้องอภิวันท์ วิริยะชัย อาคาร PEACE TV มีการจัดงาน “รำลึก 12 ปี วีรชน 10 เมษา 53” รำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ประช าชน จากเหตุการณ์ล้อมปราบการชุมนุม 10 เมษายน – 19 พฤษภาคม 2553
โดยเวลา 10.00 น. มีการประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ เพื่ออุทิศผลบุญกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 99 รายและผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมากจากเหตุการณ์ดังกล่าว
นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช., นายจอมพล รุ่งเรือง ชูเลิศ หรือจอมพลปฏิวัติ แนวร่วมกลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 6 ศพวัดปทุมวนาราม, นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือ กุ๊ก นักกิจกรรมจากเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมี นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาร่วมทำบุญด้วยท่ามกลางคนเสื้อแดง นปช. และญาติผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภายในงานยังมีการวางรูปผู้เสียชีวิตบริเวณด้านข้างของเวทีอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรกล่าวนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป จากวัดพระยาสุเรนทร์ ขึ้นยังอาสนะสงฆ์ จากนั้น นายจตุพร ประธาน นปช. จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
ขณะที่ ผู้ร่วมงานน้อมใจกล่าวคำอาราธนาศีล อาราธนาธรรม ก่อนร่วมกล่าวคำถวายข้าวพระพุทธ ถวายสังฆทานและภัตตาหาร ร่วมกันทอดผ้าไตรบังสุกุล และกรวดน้ำรับพรร่วมกับญาติผู้วายชนม์
ทั้งนี้ คำกล่าวในท่อนหนึ่งความว่า
“ขออุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับ ขอให้บุญกุศลที่ได้อุทิศในครั้งนี้ ไปถึงดวงวิญญาณทั้งหลาย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เมษายน-พฤษภาคม 2553 หากตกอยู่ในที่ทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ หากตกในที่สุข ขอให้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประกอบพิธีทางศาสนา มีการกล่าวรำลึกโดยญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งนายจตุพรจะขึ้นกล่าวเรื่องประชาธิปไตยและรำลึกวีรชนเป็นครั้งแรก หลังออกจากเรือนจำ สำหรับในช่วงบ่ายยังมีการจัดกิจกรรมสงกรานต์ให้ผู้ร่วมงานได้ผ่อนคลายอีกด้วย
เวลาประมาณ 11.00 น. นายเทอดศักดิ์ มูลจันทร์ บิดาผู้วายชนม์ จากเหตุการณ์ 10 เมษายน 53 ตัวแทนญาติผู้เสียชีวิต ขึ้นกล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงทุกคนและขอบคุณคุณจตุพรที่จัดงานรำลึก 2 ปีให้กับญาติ 10 เมษา-พฤษภาคม 53 ยินดีที่ทุกคนร่วมกันรำลึกขอให้แข็งแรง สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อยากให้คุณจตุพรมีกำลังใจต่อสู้เพื่อญาติวีรชนทุกๆ ปี
ด้าน นายสมใจ เข็มทอง พี่ชายของอาสาป่อเต็กตึ้ง 1 ใน 6 ศพวัดปทุมวนาราม กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ได้ร่วมกันมารำลึกในวันนี้ ตนไม่เคยลืมความมีน้ำใจและการต่อสู้ของทุกคน เพราะตนเองก็สู้มาตั้งแต่รุ่นแรก ตั้งแต่รุ่นแท็กซี่ ตื้นตันกับทุกสิ่งทุกอย่าง
บิดา ของผู้เสียชีวิตอีกราย เผยว่า เราต้องต่อสู้กันอย่างอิสระเสรี และไม่กลัวภัยใดใดทั้งสิ้น ขอบคุณที่ยังไม่ท้อแท้ ขอให้เสื้อแดงร่วมส่งกำลังใจและสู้กันต่อไป
ขณะที่ นางพะเยาว์ อัคฮาด หรือ แม่น้องเกด กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณคุณจตุพร และผู้ที่มาร่วมงานปีนี้ เป็นปีที่ 12 ที่เราได้รำลึกกัน แต่ตนก็มีนิมิตหมายที่ดี ญาติทุกคนได้คุยกันว่า 12 ปีที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมทวงถามความยุติธรรมพร้อมเพรียงกันนัก เพราะแต่ละคนก็ติดภารกิจ
“ณ เวลานี้ผ่านมา 12 ปีเราได้รับรู้ว่า กระบวนการยุติธรรมที่เราได้รับ ถูกกดขี่ เราถูกรังแกมากจากภาครัฐ เราจะคิดกันว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราทุกคนในจำนวนญาติผู้เสียหายที่ยังอยู่และมีความพร้อม เราจะเริ่มดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรม จะไปทุกที่ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะไปยืนอยู่หน้ากองทัพบก หน้าทำเนียบ หน้าทุกส่วนที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำร้ายคนในครอบครัวเรา เราจะเริ่มต้นเรียกร้องความยุติธรรม เพราะเราถูกกด มีหลายคดี ที่ดีเอสไอ ไม่ส่งฟ้อง เหลืออีกแค่ 20 กว่าคดี ที่ได้รับการชี้มูลความตาย แต่ผลสุดท้ายเราก็ถูกกลั่นแกล้งโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เอาคดีของเราไปซุกไว้ในมือของศาลทหาร ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
“การชี้มูลการตาย ขึ้นกับศาลพลเรือนมาโดยตลอด ทหารทุกคนที่มาให้ปากคำ ก็ขึ้นศาลพลเรือน ฉะนั้น เราถูกกลั่นแกล้ง เมื่อขึ้นศาลทหารก็สั่งไม่ฟ้อง เราถูกรังแก ถึงเวลาแล้ว ญาติทุกคนพร้อมใจกัน ณ วันนี้ เป็นวันเริ่มต้น วันดี เรามองว่าควรจะออกมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ วันนี้แม่น้องเกดและญาติๆได้มีโอกาสมาพบพี่น้อง บอกตรงๆ ดีใจมาก ที่ไม่มีใครลืมผู้เสียชีวิต และพร้อมจะเรียกร้องความเป็นธรรมไปกับเรา” นางพะเยาว์กล่าว
สทท.มองสงกรานต์65ไม่คึกคักโควิด-ศก.ฉุดกำลังซื้อ
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_320886/
ปธ.สทท.มองสงกรานต์ปีนี้ไม่คึกคัก ปัญหาโควิด-เศรษฐกิจฉุดกำลังซื้อ ประชาชนท่องเที่ยวน้อย เหตุตัดรายจ่ายไม่จำเป็น
“นาย ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)เปิดเผยกับไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สำหรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ประเมินว่าจะไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และยังมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอยู่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังสูง
ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับประชาชน ไม่มั่นใจการระบาดโควิด-19 น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง ได้ทำให้ประชาชนจะระมัดระวังมีการใช้จ่าย และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ส่งผลทำให้การเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง โดยการระบาดของโควิด-19 ยังทำให้ประชาชนกลัวน้อยกว่าปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบต่อรายได้ ซึ่งหลายคนมองว่าหากไม่มีเงินก็ ใช้จ่ายท่องเที่ยวไม่ได้
ทั้งนี้ มองว่า แนวโน้มช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในปี2565 อาจจะไม่ได้ดีเหมือนที่คาดไว้ ภาพอาจจะเป็นเหมือนปี 2564 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการระบาดของโควิด-19 ยังเป็นประเด็นที่ฉุดการท่องเที่ยวของคนไทย
เพื่อไทย ปักธง ส.ส.ใต้ ฟื้นความยิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย เร่งฟื้นท่องเที่ยว-สร้างรายได้ ให้ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3281975
เพื่อไทย ปักธง ส.ส.ใต้ ฟื้นความยิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย เร่งฟื้นท่องเที่ยว-สร้างรายได้ ให้ปชช.
เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 สาขาพรรคเพื่อไทย จังหวัดภูเก็ต พร้อมพบปะหารือสมาชิกพรรคและรับฟังการสะท้อนปัญหาจากพี่น้องประชาชน ที่โรงแรม โบท ลากูน รีสอร์ต
นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อแก้ไขวิกฤตต่างๆ ที่รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพชุดนี้บริหารประเทศผิดพลาดสร้างความยากลำบากให้พี่น้องประชาชนอย่างแสนสาหัสมาตลอด จน 8 ปีที่ผ่านมาเสมือนประเทศและพี่ต้องประชาชนต้องติดอยู่ในหลุมดำ มองไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันมองไม่เห็นอนาคต
โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ และจังหวัดภูเก็ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ต้องซบเซาลงอย่างหนัก พี่น้องประชาชนต้องหยุดงาน ขาดรายได้ จำนวนมากต้องตกงาน ผู้ประกอบการต้องหยุดกิจการ ปิดกิจการกันจ้าละหวั่น ดังนั้นจึงหมดเวลาแล้วที่จะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้มีอำนาจต่อไปแล้วทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น
“พรรคเพื่อไทยมุ่งหวังที่จะคืนความมั่งคั่ง คืนชีวิตใหม่และคืนอนาคตให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องท่องเที่ยวหลักของประเทศ พรรคได้เตรียมที่จะศึกษาแนวทางการเพิ่มศักยภาพเพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้เป็น ‘เมืองเศรษฐกิจพิเศษ’ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากขึ้นในแต่ละปี ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้นและมองเห็นอนาคตอีกครั้ง
และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายที่จะปักธง ส.ส.ภาคใต้ให้ได้อีกครั้ง เหมือนที่เคยทำได้ในสมัยพรรคไทยรักไทย โดยพรรคจะต้องมี ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้เห็นปากเป็นเสียงเป็นตัวแทนในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน พร้อมร่วมกันผลักดันนโยบายพรรคเพื่อไทยในการฟื้นฟูวิกฤต พัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษกิจในพื้นที่ให้กลับมาดึขึ้นอีกครั้งหนึ่ง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องชาวใต้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งจะมาจากผู้ที่มาเยือนภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็น คนไทย ชาวต่างประเทศหรือนักธุรกิจ ดังนั้นเราจึงต้องทำให้ภูเก็ตมีความพร้อมในทุกด้าน
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ ขอให้ชาวใต้มีความหวังที่จะคืนชีวิตที่กินดีอยู่ดีและมีอนาคตที่ดีอีกครั้ง ขอให้ทุกท่านรอคอยโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นมืออาชีพ ที่จะมาแก้ไขปัญหาของทุกท่าน ผ่านการผลักดันนโยบยามที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนเพื่อให้ทุกคนไม่ลำบากเหมือนทุกวันนี้
ขณะที่ นายสนธยา หลาวหล้าง ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการปกครอง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมใหญ่สามัญ สาขาพรรคเพื่อไทยที่ภูเก็ตครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของยุทธศาสตร์การทำงาน การรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้พี่น้องชาวภูเก็ตมีความมั่นใจในการดำเนินการของพรรคเพื่อไทยมากยิ่งขึ้นและพร้อมสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตของแกนนำพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ผู้ประกอบการรถบัสและกิจการขนส่งจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายชนวีร์ เอกเตียวสกุล ประธานชมรมรถบัส 30 จังหวัดภูเก็ตได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอความช่วยเหลือผู้ประกอบการรถขนส่ง อันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เหลียวแลช่วยเหลือใดๆ ซึ่งตลอดเวลาผู้ประกอบการต้องดิ้นรนหาทางรอดจากวิกฤตด้วยตัวเองมาตลอด โดยเฉพาะปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียน เพื่อหล่อเลี้ยงและปรับปรุงกิจการ จนภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นและถูกฟ้องร้องยึดรถและดำเนินคดีจำนวนมาก
โดย นายชนวีร์ กล่าวว่า วันนี้สิ้นหวังกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทุกด้าน เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมาไม่มีรายได้และไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาลอยากเสนอให้ตั้งกองทุนฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อเปิดให้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดได้