.
.
The Biblioteca Joanin
© xiquinhosilva/Wikimedia
.
.
คนรักหนังสือไม่ใช่คนเดียวที่ชอบนั่งอยู่ในห้องสมุด
แต่เมื่อมีโอกาส ค้างคาวก็ชอบที่จะพักที่นั่น
และกินแมลง/หนอนหนังสือที่กินต้นฉบับเก่า
นั่นเป็นวิธีที่ค้างคาวรุ่นต่อรุ่นได้อนุรักษ์
หนังสือที่หายาก/ล้ำค่าที่เก็บรักษาไว้
ในห้องสมุดโปรตุเกสสองแห่งได้อย่างปลอดภัย
นั่นคือห้องสมุด Mafra Palace ใน Mafra
และ Biblioteca Joanina ใน Coimbra
ห้องสมุด Biblioteca Joanina
ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางมหาวิทยาลัย Coimbra
จัดว่าเป็นห้องสมุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ได้รับการตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้ง
King John V แห่งโปรตุเกส
ซึ่งเริ่มสร้างห้องสมุดในปี 1717
ระหว่างการเริ่มต้นของยุคแห่งการเรียนรู้ในยุโรป
เก็บรักษาหนังสือมากกว่า 250,000 เล่ม
รวมถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า
และหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกจำนวนมากมาย
.
.
.
King John V
.
.
อาคารห้องสมุดถูกมองว่าเป็นห้องนิรภัย
โดยมีผนังด้านนอกหนากว่า 2 เมตร พร้อมประตูไม้ Teak
ที่ช่วยให้ภายในมีอุณหภูมิคงที่และคงที่ที่ 18–20 °C
ไม้โอ๊คที่ใช้ในโครงสร้างของห้องสมุด
ทำให้เกิดกลิ่นที่ขับไล่แมลงที่อาศัยอยู่บนกระดาษ
แต่แน่นอนว่ามีฝูงค้างคาวซ่อนตัวอยู่
หลังชั้นหนังสือในตอนกลางวันที่ห้องสมุดเปิด
ในตอนกลางคืน ฝูงค้างคาวจะออกมาจากที่ซ่อน
และกินแมลงที่อาศัยอยู่ท่ามกลางหนังสือ
ก่อนที่ฝูงค้างคาวจะโผบินออกไปหากินเหยื่อเพิ่มเติม
.
.
.
ห้องอ่านหนังสืออันโอ่อ่าของ Biblioteca Joanina
© xiquinhosilva/Wikimedia
..
.
ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า
ฝูงค้างคาวเข้ามาอาศัยในห้องสมุดเมื่อใด
แต่ทราบกันดีว่ามีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นอย่างน้อย
ทุกค่ำคืนก่อนที่ห้องสมุดจะปิดทำการ
ผู้ดูแลจะปูแผ่นหนังบนเฟอร์นิเจอร์
เพื่อป้องกันมูลค้างคาว
และทุกเช้าเจ้าหน้าที่จะถอดผ้าคลุมออก
และทำความสะอาดพื้น
ห้องสมุดอีกแห่งอยู่ในพระราชวัง Mafra
ซึ่งอยู่ห่างจากทางใต้ 125 ไมล์
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลิสบอน
ห้องสมุดขนาดใหญ่บนชั้นสองของพระราชวัง
จัดว่าเป็นอัญมณีของสถานที่แห่งนี้
มีเพดานโค้งสูงและพื้นหินอ่อนอันงดงาม
ชั้นหนังสือไม้สไตล์ Rococo
ตั้งอยู่ข้างผนังเป็นสองแถว
คั่นด้วยระเบียงที่มีราวบันไดไม้
มีหนังสือปกหนังมากกว่า 36,000 เล่ม
(เขียนด้วยมือทีละเล่มขึ้นมา)
ยืนยันถึงขอบเขตของความรู้
ของชาวตะวันตกตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-19
ในห้องสมุดแห่งนี้มีหนังสือ Incunabula
ที่มีค่ามหาศาล/ราคาแพงมาก
(หนังสือที่พิมพ์ก่อนปี 1500
ก่อนที่แท่นพิมพ์จะแพร่หลาย)
เช่น
1493 Nuremberg Chronicle
การพบเจอและจับเป็นฝูงค้างคาว
ที่ห้องสมุด Mafra Palace นั้นเป็นเรื่องยาก
แต่เรื่องนี้มีมานานหลายศตวรรษแล้ว
เพื่อเป็นการยกย่องสิ่งมีชีวิตที่มีปีกเหล่านี้
ผู้คุ้มครองลดจำนวนแมลง/หนอนในหนังสือ
ห้องสมุดมีตู้กระจกขนาดเล็ก
ที่จัดแสดงซากค้างคาว 3 ตัว
ที่รักษาซากให้สมบูรณ์มากที่สุด
.
.
.
Julie H. Case
.
.
Mafra Palace library © Oliveira/Wikimedia
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3DV16Wr
https://bit.ly/3LNECt9
https://bit.ly/35TwBnh
https://bit.ly/3DVHktG
.
หมายเหตุ
ค้างคาวมีความสำคัญกับระบบนิเวศน์มาก
ค้างคาวกินแมลงสามารถกินแมลงได้ราว
500-1,000 ตัวในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง
ค้างคาวกินผลไม้ช่วยในการผสมเกสรดอกไม้
ของพืชหลายชนิดที่บานในเวลากลางคืน
และค้างคาวจะกินเฉพาะผลไม้ที่สุกงอมจัดเท่านั้น
ไม่ได้ทำลายพืชผลชองชาวสวนแต่อย่างใด
ค้างคาวน้ำตาล
Brown Bat
จะกินยุงได้ถึง 1,000 ตัว/ชั่วโมง/มีอายุยืน 40 ปี
.
.
.
.
Biblioteca Joanina/Joanine Library
.
.
.
View of the monumental façade
.
.
.
Reading rooms
.
.
.
One of the reading desks
.
.
.
Shelves of the library
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Mafra
.
.
.
Scale model of the Royal Building of Mafra in the palace museum
.
.
.
King John V of Portugal, constructor of the palace
.
.
.
The palace in 1853, during the reign of Queen Maria II of Portugal
.
.
.
Main façade of the Royal Building of Mafra
designed by architect João Frederico Ludovice
.
.
.
Mafra
.
.
.
Mafra
.
.
.
Mafra
.
.
.
Mafra
.
.
.
Principal nave of the Basilica
.
.
.
The basilica from a palace cloister
.
.
.
Cupola of the basilica
.
.
.
The palace library contains over 36,000 historic and priceless volumes
.
.
.
The library of the Palace of Mafra
.
.
.
Sculptures by the School of Mafra
.
.
.
One of the numerous cloisters
.
.
.
Woodcut of Nuremberg from the Nuremberg Chronicle
.
.
.
A typical opening, uncoloured
.
.
.
Catching a "lion fish" - a small illustration from a Latin copy
Note the red capital done in pen and ink
and the doodle in the margin below
.
.
.
The Fifth day of creation
.
.
ฝูงค้างคาวช่วยกำจัดโรคมาเลเรีย
.
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
ความรู้ คือ อำนาจ หนังสือ คือ ตัวแทนอำนาจ
เช่น ราชโองการ กฎหมาย คำสั่ง
การทำลายความรู้ในอดีต คือ การเผาหนังสือ
ที่ใดเผาหนังสือได้ ก็เผาคนทั้งเป็นได้
(จิ๋นซีฮ่องเต๊ โรมัน อาหรับ นาซีเยอรมัน)
ถ้าในปัจจุบันก็แค่ปิดกั้นการเข้าถึง
www youtube line Facebook twiitter
ก็แทบไม่แตกต่างกับการทำลายความรู้
ในยุคอาณาจักรกรีก/โรมัน
ชนชาติต่าง ๆ ในยุโรป
ก็มีการตีพิมพ์หนังสือกันแล้ว
ด้วยการใช้แม่พิมพ์ไม้แกะตัวอักษรเป็นแผ่น ๆ
แล้วทาหมึกบนแผ่นไม้อัดลงบนกระดาษ
แต่ทำได้ช้ามากกว่าจะได้หนังสือแต่ละเล่ม
นอกเหนือจากคัดลายมือแบบเดิม
ทำให้เสมียน หรือ คนรู้หนังสือ
มักจะได้รับการอภัยโทษเพราะมีน้อยรายมาก
การเรียนหนังสือมักจำกัดที่ชนชั้นสูง/บาทหลวง
(ซือหม่าเชียน นักบันทึกประวัติศาสตร์จีนชั้นนำ
ก็ถูกตอนองคชาตในสมัยราชวงศ์ฮั่น
รัชสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ แลกกับโทษประหารชีวิต
เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์จีนให้สำเร็จ)
ในปี 1452 Gutenberg อดีตช่างทำทอง
ได้คิดตัวพิมพ์จากโลหะผสม ดีบุก+ตะกั่ว
ทำให้สามารถจัดเรียงพิมพ์หนังสือ
วางบนแบบแท่นไม้รัดให้แน่น
แล้วแก้ไขคำผิดกับตีพิมพ์ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
ในสมัยนั้นยังไม่มีการจดลิขสิทธิ์กับสิทธิบัตร
จึงมีการลอกเลียนแบบไปใช้กันทั่วทั้งยุโรป
และพัฒนาการตีพิมพ์หนังสือได้อย่างรวดเร็ว
เพราะตีพิมพ์หนังสือได้ครั้งละมาก ๆ /เร็วมาก
รวมทั้งเริ่มมีการออกหนังสือพิมพ์รายสะดวก/หนังสือใต้ดินในเวลาต่อมา
ราวปี 1518-1525
Martin Luther บาทหลวงชาวเยอรมัน
ได้ร่วมมือกับเพื่อนแปลคัมภีร์ไบเบิล
จากภาษาละตินเป็นภาษาเยอรมัน
ทำลายอำนาจความรู้เดิมที่จำกัดเฉพาะชนชั้น
แล้วนำมาเทศน์/เขียนเป็นหนังสือเยอรมัน
เพื่อคัดค้านพิธีกรรมนอกรีตของศาสนจักร
ทำให้ชาวบ้านอ่านได้เข้าใจมากขึ้น
และมีเหตุมีผลกันมากยิ่งขึ้น
จนเริ่มไม่พอใจการนอกรีตนอกรอย
ของพวกบาทหลวงคาทอลิค/พระสันตปาปา
สุดท้ายจึงนำไปสู่การตั้งศาสนาคริสต์
นิกายโปรแตสแตนส์ในเวลาต่อมา
และตามมาด้วยการรบราฆ่าฟันกัน
ระหว่างคนต่างศาสนาต่างนิกายหลายร้อยปี
จนคนในชาติยุโรปต้องออกกฎหมาย
แยกศาสนาออกจากการเมืองจนทุกวันนี้
Albert Camus อัลแบรต์ กามูส์ มีโศลกว่า
" ผมไม่มีศาสนา
ผมไม่มีลัทธิอุดมการณ์
เพราะผมเห็นผู้คนเหล่านั้น
ต่างฆ่ากันตายมามากต่อมาก
เพื่อพิสูจน์ยืนยันความเชื่อของพวกตน "
การตีพิมพ์หนังสือต่าง ๆ รวมทั้งหนังสือใต้ดิน
มีการเผยแพร่แนวคิดวิทยาการต่าง ๆ มากมาย
ความรู้ใหม่/แนวคิดใหม่ทำลายความเชื่อเดิม
เจ้านครรัฐ ศาสนจักร กับพระสันตปาปา
เริ่มสั่นคลอน/ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม
นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา
ในขณะเดียวกันชนชาติในยุโรป
ต่างหันมานิยมใช้ภาษาถิ่นของตน
และเริ่มมีการตีพิมพ์หนังสือภาษาถิ่นของตน
แทนภาษาละติน เพราะชาวบ้านจำนวนมาก
อ่านรู้เรื่องเข้าใจได้ง่าย ขายหนังสือได้
นำไปสู่ความเป็นชาตินิยม/ชาติของพวกตน
แต่ภาษากรีก/ละตินก็ยังมีการศึกษากันอยู่
ในหมู่ชนชั้นสูง/ผู้มีการศึกษา
ในไทยยังมีการศึกษาภาษาบาลี สันสกฤต เขมร
ในแวดวงพระภิกษุ/นักวิชาการ
การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789
แต่เริ่มใช้กิโยตินตัดคอคนในปี 1792
ก็มีผลมาจากหนังสือใต้ดินที่พิมพ์กันนอกประเทศ
แล้วลักลอบเข้ามาขาย/แจกฟรีกันในประเทศ
มีการใช้สรรพนามเหยียดหยามฝ่ายตรงข้าม
เน้นไปที่พวกบาทหลวง ศักดินา ฝ่ายนิยมเจ้า
ใช้สรรพนาม il ils = it มัน พวกมัน
หรือสร้างนิยายใช้ตัวแทนเป็นสัตว์
แอบด่าบางคนว่าเป็นหมาจิ้งจอก หมาป่า หมู
แบบนิทานอีสป Animal Farm
ไม่ต่างกับสยามที่เหยียดหยามคนกันเอง
เวลาไม่พอใจในการเมือง/ศาสนา
ด่าฝ่ายตรงข้ามว่า มัน ครอก ฝูง สารพัดสัตว์
ใช้กันใน Facebook Line Twitter Youtube
ใช้กันมากมายแทนหนังสือที่มีคนอ่านน้อยลง
ฝูงค้างคาวอนุรักษ์ห้องสมุดในโปรตุเกส
.
The Biblioteca Joanin
© xiquinhosilva/Wikimedia
.
คนรักหนังสือไม่ใช่คนเดียวที่ชอบนั่งอยู่ในห้องสมุด
แต่เมื่อมีโอกาส ค้างคาวก็ชอบที่จะพักที่นั่น
และกินแมลง/หนอนหนังสือที่กินต้นฉบับเก่า
นั่นเป็นวิธีที่ค้างคาวรุ่นต่อรุ่นได้อนุรักษ์
หนังสือที่หายาก/ล้ำค่าที่เก็บรักษาไว้
ในห้องสมุดโปรตุเกสสองแห่งได้อย่างปลอดภัย
นั่นคือห้องสมุด Mafra Palace ใน Mafra
และ Biblioteca Joanina ใน Coimbra
ห้องสมุด Biblioteca Joanina
ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางมหาวิทยาลัย Coimbra
จัดว่าเป็นห้องสมุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ได้รับการตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้ง King John V แห่งโปรตุเกส
ซึ่งเริ่มสร้างห้องสมุดในปี 1717
ระหว่างการเริ่มต้นของยุคแห่งการเรียนรู้ในยุโรป
เก็บรักษาหนังสือมากกว่า 250,000 เล่ม
รวมถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า
และหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกจำนวนมากมาย
.
.
King John V
.
อาคารห้องสมุดถูกมองว่าเป็นห้องนิรภัย
โดยมีผนังด้านนอกหนากว่า 2 เมตร พร้อมประตูไม้ Teak
ที่ช่วยให้ภายในมีอุณหภูมิคงที่และคงที่ที่ 18–20 °C
ไม้โอ๊คที่ใช้ในโครงสร้างของห้องสมุด
ทำให้เกิดกลิ่นที่ขับไล่แมลงที่อาศัยอยู่บนกระดาษ
แต่แน่นอนว่ามีฝูงค้างคาวซ่อนตัวอยู่
หลังชั้นหนังสือในตอนกลางวันที่ห้องสมุดเปิด
ในตอนกลางคืน ฝูงค้างคาวจะออกมาจากที่ซ่อน
และกินแมลงที่อาศัยอยู่ท่ามกลางหนังสือ
ก่อนที่ฝูงค้างคาวจะโผบินออกไปหากินเหยื่อเพิ่มเติม
.
.
ห้องอ่านหนังสืออันโอ่อ่าของ Biblioteca Joanina
© xiquinhosilva/Wikimedia
..
ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า
ฝูงค้างคาวเข้ามาอาศัยในห้องสมุดเมื่อใด
แต่ทราบกันดีว่ามีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นอย่างน้อย
ทุกค่ำคืนก่อนที่ห้องสมุดจะปิดทำการ
ผู้ดูแลจะปูแผ่นหนังบนเฟอร์นิเจอร์
เพื่อป้องกันมูลค้างคาว
และทุกเช้าเจ้าหน้าที่จะถอดผ้าคลุมออก
และทำความสะอาดพื้น
ห้องสมุดอีกแห่งอยู่ในพระราชวัง Mafra
ซึ่งอยู่ห่างจากทางใต้ 125 ไมล์
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลิสบอน
ห้องสมุดขนาดใหญ่บนชั้นสองของพระราชวัง
จัดว่าเป็นอัญมณีของสถานที่แห่งนี้
มีเพดานโค้งสูงและพื้นหินอ่อนอันงดงาม
ชั้นหนังสือไม้สไตล์ Rococo
ตั้งอยู่ข้างผนังเป็นสองแถว
คั่นด้วยระเบียงที่มีราวบันไดไม้
มีหนังสือปกหนังมากกว่า 36,000 เล่ม
(เขียนด้วยมือทีละเล่มขึ้นมา)
ยืนยันถึงขอบเขตของความรู้
ของชาวตะวันตกตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-19
ในห้องสมุดแห่งนี้มีหนังสือ Incunabula
ที่มีค่ามหาศาล/ราคาแพงมาก
(หนังสือที่พิมพ์ก่อนปี 1500
ก่อนที่แท่นพิมพ์จะแพร่หลาย)
เช่น 1493 Nuremberg Chronicle
การพบเจอและจับเป็นฝูงค้างคาว
ที่ห้องสมุด Mafra Palace นั้นเป็นเรื่องยาก
แต่เรื่องนี้มีมานานหลายศตวรรษแล้ว
เพื่อเป็นการยกย่องสิ่งมีชีวิตที่มีปีกเหล่านี้
ผู้คุ้มครองลดจำนวนแมลง/หนอนในหนังสือ
ห้องสมุดมีตู้กระจกขนาดเล็ก
ที่จัดแสดงซากค้างคาว 3 ตัว
ที่รักษาซากให้สมบูรณ์มากที่สุด
.
.
Julie H. Case
.
.
Mafra Palace library © Oliveira/Wikimedia
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3DV16Wr
https://bit.ly/3LNECt9
https://bit.ly/35TwBnh
https://bit.ly/3DVHktG
.
หมายเหตุ
ค้างคาวมีความสำคัญกับระบบนิเวศน์มาก
ค้างคาวกินแมลงสามารถกินแมลงได้ราว
500-1,000 ตัวในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง
ค้างคาวกินผลไม้ช่วยในการผสมเกสรดอกไม้
ของพืชหลายชนิดที่บานในเวลากลางคืน
และค้างคาวจะกินเฉพาะผลไม้ที่สุกงอมจัดเท่านั้น
ไม่ได้ทำลายพืชผลชองชาวสวนแต่อย่างใด
ค้างคาวน้ำตาล Brown Bat
จะกินยุงได้ถึง 1,000 ตัว/ชั่วโมง/มีอายุยืน 40 ปี
.
.
.
Biblioteca Joanina/Joanine Library
.
.
.
View of the monumental façade
.
.
.
Reading rooms
.
.
.
One of the reading desks
.
.
.
Shelves of the library
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Mafra
.
.
.
Scale model of the Royal Building of Mafra in the palace museum
.
.
.
King John V of Portugal, constructor of the palace
.
.
.
The palace in 1853, during the reign of Queen Maria II of Portugal
.
.
.
Main façade of the Royal Building of Mafra
designed by architect João Frederico Ludovice
.
.
.
Mafra
.
.
.
Mafra
.
.
.
Mafra
.
.
.
Mafra
.
.
.
Principal nave of the Basilica
.
.
.
The basilica from a palace cloister
.
.
.
Cupola of the basilica
.
.
.
The palace library contains over 36,000 historic and priceless volumes
.
.
.
The library of the Palace of Mafra
.
.
.
Sculptures by the School of Mafra
.
.
.
One of the numerous cloisters
.
.
.
Woodcut of Nuremberg from the Nuremberg Chronicle
.
.
.
A typical opening, uncoloured
.
.
.
Catching a "lion fish" - a small illustration from a Latin copy
Note the red capital done in pen and ink
and the doodle in the margin below
.
.
.
The Fifth day of creation
.
.
ฝูงค้างคาวช่วยกำจัดโรคมาเลเรีย
.
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
ความรู้ คือ อำนาจ หนังสือ คือ ตัวแทนอำนาจ
เช่น ราชโองการ กฎหมาย คำสั่ง
การทำลายความรู้ในอดีต คือ การเผาหนังสือ
ที่ใดเผาหนังสือได้ ก็เผาคนทั้งเป็นได้
(จิ๋นซีฮ่องเต๊ โรมัน อาหรับ นาซีเยอรมัน)
ถ้าในปัจจุบันก็แค่ปิดกั้นการเข้าถึง
www youtube line Facebook twiitter
ก็แทบไม่แตกต่างกับการทำลายความรู้
ในยุคอาณาจักรกรีก/โรมัน
ชนชาติต่าง ๆ ในยุโรป
ก็มีการตีพิมพ์หนังสือกันแล้ว
ด้วยการใช้แม่พิมพ์ไม้แกะตัวอักษรเป็นแผ่น ๆ
แล้วทาหมึกบนแผ่นไม้อัดลงบนกระดาษ
แต่ทำได้ช้ามากกว่าจะได้หนังสือแต่ละเล่ม
นอกเหนือจากคัดลายมือแบบเดิม
ทำให้เสมียน หรือ คนรู้หนังสือ
มักจะได้รับการอภัยโทษเพราะมีน้อยรายมาก
การเรียนหนังสือมักจำกัดที่ชนชั้นสูง/บาทหลวง
(ซือหม่าเชียน นักบันทึกประวัติศาสตร์จีนชั้นนำ
ก็ถูกตอนองคชาตในสมัยราชวงศ์ฮั่น
รัชสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ แลกกับโทษประหารชีวิต
เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์จีนให้สำเร็จ)
ในปี 1452 Gutenberg อดีตช่างทำทอง
ได้คิดตัวพิมพ์จากโลหะผสม ดีบุก+ตะกั่ว
ทำให้สามารถจัดเรียงพิมพ์หนังสือ
วางบนแบบแท่นไม้รัดให้แน่น
แล้วแก้ไขคำผิดกับตีพิมพ์ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
ในสมัยนั้นยังไม่มีการจดลิขสิทธิ์กับสิทธิบัตร
จึงมีการลอกเลียนแบบไปใช้กันทั่วทั้งยุโรป
และพัฒนาการตีพิมพ์หนังสือได้อย่างรวดเร็ว
เพราะตีพิมพ์หนังสือได้ครั้งละมาก ๆ /เร็วมาก
รวมทั้งเริ่มมีการออกหนังสือพิมพ์รายสะดวก/หนังสือใต้ดินในเวลาต่อมา
ราวปี 1518-1525
Martin Luther บาทหลวงชาวเยอรมัน
ได้ร่วมมือกับเพื่อนแปลคัมภีร์ไบเบิล
จากภาษาละตินเป็นภาษาเยอรมัน
ทำลายอำนาจความรู้เดิมที่จำกัดเฉพาะชนชั้น
แล้วนำมาเทศน์/เขียนเป็นหนังสือเยอรมัน
เพื่อคัดค้านพิธีกรรมนอกรีตของศาสนจักร
ทำให้ชาวบ้านอ่านได้เข้าใจมากขึ้น
และมีเหตุมีผลกันมากยิ่งขึ้น
จนเริ่มไม่พอใจการนอกรีตนอกรอย
ของพวกบาทหลวงคาทอลิค/พระสันตปาปา
สุดท้ายจึงนำไปสู่การตั้งศาสนาคริสต์
นิกายโปรแตสแตนส์ในเวลาต่อมา
และตามมาด้วยการรบราฆ่าฟันกัน
ระหว่างคนต่างศาสนาต่างนิกายหลายร้อยปี
จนคนในชาติยุโรปต้องออกกฎหมาย
แยกศาสนาออกจากการเมืองจนทุกวันนี้
Albert Camus อัลแบรต์ กามูส์ มีโศลกว่า
" ผมไม่มีศาสนา
ผมไม่มีลัทธิอุดมการณ์
เพราะผมเห็นผู้คนเหล่านั้น
ต่างฆ่ากันตายมามากต่อมาก
เพื่อพิสูจน์ยืนยันความเชื่อของพวกตน "
การตีพิมพ์หนังสือต่าง ๆ รวมทั้งหนังสือใต้ดิน
มีการเผยแพร่แนวคิดวิทยาการต่าง ๆ มากมาย
ความรู้ใหม่/แนวคิดใหม่ทำลายความเชื่อเดิม
เจ้านครรัฐ ศาสนจักร กับพระสันตปาปา
เริ่มสั่นคลอน/ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม
นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา
ในขณะเดียวกันชนชาติในยุโรป
ต่างหันมานิยมใช้ภาษาถิ่นของตน
และเริ่มมีการตีพิมพ์หนังสือภาษาถิ่นของตน
แทนภาษาละติน เพราะชาวบ้านจำนวนมาก
อ่านรู้เรื่องเข้าใจได้ง่าย ขายหนังสือได้
นำไปสู่ความเป็นชาตินิยม/ชาติของพวกตน
แต่ภาษากรีก/ละตินก็ยังมีการศึกษากันอยู่
ในหมู่ชนชั้นสูง/ผู้มีการศึกษา
ในไทยยังมีการศึกษาภาษาบาลี สันสกฤต เขมร
ในแวดวงพระภิกษุ/นักวิชาการ
การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789
แต่เริ่มใช้กิโยตินตัดคอคนในปี 1792
ก็มีผลมาจากหนังสือใต้ดินที่พิมพ์กันนอกประเทศ
แล้วลักลอบเข้ามาขาย/แจกฟรีกันในประเทศ
มีการใช้สรรพนามเหยียดหยามฝ่ายตรงข้าม
เน้นไปที่พวกบาทหลวง ศักดินา ฝ่ายนิยมเจ้า
ใช้สรรพนาม il ils = it มัน พวกมัน
หรือสร้างนิยายใช้ตัวแทนเป็นสัตว์
แอบด่าบางคนว่าเป็นหมาจิ้งจอก หมาป่า หมู
แบบนิทานอีสป Animal Farm
ไม่ต่างกับสยามที่เหยียดหยามคนกันเอง
เวลาไม่พอใจในการเมือง/ศาสนา
ด่าฝ่ายตรงข้ามว่า มัน ครอก ฝูง สารพัดสัตว์
ใช้กันใน Facebook Line Twitter Youtube
ใช้กันมากมายแทนหนังสือที่มีคนอ่านน้อยลง