🇹🇭มาลาริน💚6เม.ย.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย24,252คน หายป่วย26,225คน ตาย94 คน/ร้านยา 700 แห่งทั่วประเทศ ดูแลแบบเจอแจกจบ!


https://www.bangkokbiznews.com/social/997792

รักษา "โควิด" กลุ่มไร้ภาวะเสี่ยงที่ "ร้านยา" ได้แล้ว 700 แห่งทั่วประเทศ ดูแลแบบเจอ แจก จบ ลดแออัด รพ.

สปสช.ร่วมสภาเภสัชฯ ดึง "ร้านยา" เป็นหน่วยบริการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดสีเขียว ไม่มีภาวะเสี่ยง มารักษาแบบเจอ แจก จบ ลดแออัด รพ. เผยได้รับยา พร้อมคำแนะนำ ติดตามอาการ 48 ชั่วโมง หากอาการรุนแรงขึ้นจะส่งต่อเข้าระบบ มีร้านยาทั่วประเทศเข้าร่วมแล้ว 700 แห่ง ครอบคลุมสิทธิบัตรทอง ข้าราชการ ยกเว้นประกันสังคม

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวหรือมีอาการเล็กน้อย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปรับแนวทางรักษาเป็นแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน (OPSI) หรือ เจอ แจก จบ ในสถานพยาบาลต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้ารับบริการ โดยเฉพาะหน่วยบริการใกล้บ้าน สปสช.ได้ร่วมกับสภาเภสัชกรรม เชิญชวนร้านยาที่มีความพร้อมบริการเพื่อร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีภาวะเสี่ยงตามที่ สธ.กำหนดเป็นหน่วยบริการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 กลุ่มผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้รวดเร็ว


นพ.จเด็จกล่าวว่า ผู้ที่ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีดติดเชื้อโควิดที่มีอาการเล็กน้อยและไม่มีภาวะเสี่ยงตามที่ สธ.กำหนด สามารถรับยาสำหรับดูแลอาการเบื้องต้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ โดยร้านยาจะรับค่าใช้จ่ายกรณีบริการทางเภสัชกรรมในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดตามหลักเกณฑ์ของ สปสช.ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา เป็นการจ่ายแบบเหมาจ่ายในอัตรา 700 บาทต่อราย ครอบคลุมบริการ ดังนี้ 1.บริการให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวในการแยกกักตัวที่บ้าน 2.ค่ายาฟ้าทะลายโจรและยาพื้นฐานอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด รวมค่าบริการจ่ายยากรณีที่แพทย์สั่งจ่ายเฉพาะในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่จำเป็นต้องได้รับตามมาตรฐานที่ สธ.กำหนด โดยรวมค่าจัดส่งยา 3.ค่าบริการให้คำปรึกษา แนะนำการใช้ยา และติดตามอาการผู้ติดเชื้อเมื่อครบ 48 ชั่วโมงแรก และ 4.การจัดระบบส่งต่อเมื่อผู้ติดเชื้อโควิดมีอาการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องส่งต่อ

นอกจากนี้ ยังมีการจ่ายเพิ่มเติมแบบเหมาจ่ายในอัตรา 150 บาท สำหรับการให้คำปรึกษาหรือการดูแลรักษาเบื้องต้น เมื่อผู้ติดเชื้อมีอาการเปลี่ยนแปลงและผู้ติดเชื้อโควิดได้ติดต่อกลับร้านยา เพื่อขอรับคำปรึกษาหลังให้การดูแลครบ 48 ชั่วโมงแล้ว โดยก่อนให้บริการจะมีการพิสูจน์ตัวตนของผู้รับบริการเพื่อยืนยันการเข้ารับบริการ และบันทึกข้อมูลการให้บริการผ่านโปรแกรม AMED Telehealth ระบบบริการการแพทย์ทางไกล ปัจจุบันมีร้านยาทั่วประเทศเข้าร่วมแล้วกว่า 700 แห่ง ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการกับ สปสช.แล้ว 440 แห่ง ที่เหลืออยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาได้ที่เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/downloads/197


ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรมคนที่ 2 กล่าวว่า ผู้ป่วยโควิด 19 ที่ไม่แสดงอาการหรืออาการไม่รุนแรง หากเข้าไปรับบริการแบบผู้ป่วยนอกที่ รพ.อาจจะทำให้เกิดความแออัดได้ สภาเภสัชกรรมจึงร่วมกับ สปสช. จัดทำหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มารับยาและคำแนะนำต่างๆ โดยเภสัชกรที่ร้านยาได้ โดยต้องเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่ใช่หญิงตั้งครรภ์ ไม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่มีโรคประจำตัว และมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค เช่น มีภาวะอ้วน เป็นต้น หากไม่เข้าเกณฑ์เหล่านี้สามารถโทรติดต่อหรือมาที่ร้านยา สแกน QR code เพื่อยืนยันตัวตนตามระบบของ สปสช.แล้วรับยาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ร้านยาจะจัดเซ็ตยาสำหรับรักษาตามอาการส่งให้ที่บ้าน เช่น ฟ้าทะลายโจร พาราเซตามอล ยาแก้ไอ ละลายเสมหะ ตลอดจนเกลือแร่สำหรับกรณีมีอาการท้องเสีย จากนั้นจะติดตามอาการไปอีก 48 ชั่วโมง และหากอาการรุนแรงมากขึ้นก็จะส่งต่อผู้ป่วยเข้าระบบเพื่อให้แพทย์รับช่วงดูแลต่อ

"ขณะนี้มีร้านยาเข้าร่วมให้บริการประมาณ 700 แห่งทั่วประเทศ ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถสังเกตสติกเกอร์ที่หน้าร้านยา จะมีข้อความว่า "สถานบริการเภสัชกรรมชุมชน" และบรรทัดล่างจะเขียนว่า "เครือข่ายเภสัชกรอาสาปรึกษาโควิดผ่านระบบเภสัชกรรมทางไกล" ขอให้มั่นใจว่าจะได้รับการบริการที่ได้มาตรฐาน เภสัชกรเป็นบุคลกรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องยา คุ้นเคยกับอาการของโรคอย่างมาก สามารถให้บริการผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงหรือไม่แสดงอาการได้เป็นอย่างดี" ภก.ปรีชา กล่าวและว่า ปัจจุบันร้านยาในโครงการสามารถให้บริการได้เฉพาะสิทธิบัตรทอง ข้าราชการ และพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังไม่รวมผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ดังนั้น จึงขอเชิญชวนไปยังสำนักงานประกันสังคมอำนวยความสะดวกและเพิ่มการเข้าถึงบริการแก่ผู้ประกันตน สามารถติดต่อมาที่สภาเภสัชกรรมเพื่อหารือแนวทางการร่วมมือกันต่อไปได้



https://mgronline.com/qol/detail/9650000033375

ปูเสื่อ ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

ติดเชื้อใหม่หลุดจากTop10 แล้ว

......💕💕
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 6 เมษายน 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/536436871307975


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 5 เม.ย. 2565)
รวม 130,347,834 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 5 เมษายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 148,250 โดส

เข็มที่ 1 : 35,216 ราย
เข็มที่ 2 : 25,061 ราย
เข็มที่ 3 : 87,973 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 55,740,738 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 50,421,739 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 24,185,357 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/536434937974835


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาตรการป้องกันโควิด ก่อน-ระหว่าง-หลัง สงกรานต์ที่ควรปฏิบัติ
เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวปลอดภัยจากโควิด

ที่มา : ไทยคู่ฟ้า
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/536414384643557


เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และ สบยช. เปิดวอล์คอินเต็มรูปแบบ และ ลงทะเบียนผ่านมือถือ ควบคู่กัน
ตั้งแต่วันนี้ รองรับวัคซีนทุกเข็ม ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ที่ศูนย์ร่วมใจฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด 19

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ในสังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมเดินหน้าส่งต่อความห่วงใยร่วมป้องกันโควิด-19 อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เปิดให้บริการวัคซีนโควิด-19 ทุกเข็ม ทั้งเข็ม 1, 2, 3, 4 ชนิดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) และ แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ภายใต้ ศูนย์ร่วมใจฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด 19 ให้บริการประชาชนทั่วไปทั้งคนไทย แรงงานต่างด้าว และชาวต่างชาติ โดยสามารถรองรับผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งวอล์คอิน (Walk in) และลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนล่วงหน้าผ่านเครือข่ายมือถือประมาณ 1,200 คน/วัน ในเวลา 09.00 น. – 16.00 น.ของทุกวันตั้งแต่วันนี้และตลอดเดือนเมษายน (ยกเว้นวันเสาร์- อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) โดยให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชั้น 6 โซน B, C โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เอ็ม บี เค คอนแทคท์ เซ็นเตอร์ 1285

ที่มา : สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/536448567973472


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันพุธที่ 6 เมษายน 2565 จำนวน 94 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/536437041307958


การติดเชื้อโควิด 2 สายพันธุ์ในคนเดียว
มีโอกาสเกิดการผสมพันธุ์เป็นตัวใหม่ หรือ "ไฮบริด"
ซึ่งมีการเรียกโดยใช้ "X" นำหน้า
มีประมาณ 17 ตัว ตั้งแต่ XA-XS
ข้อมูลการแพร่เร็ว ความรุนแรง และการหลบภูมิ ยังต้องติดตามต่อไป

ที่มา : นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/536495327968796


นับถอยหลัง 1 สัปดาห์สู่เทศกาลสงกรานต์ เริ่ม Self Clean Up กลับบ้านแบบปลอดเชื้อโควิด

ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/536472504637745


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สูตรการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ก่อนสงกรานต์ walk in ไปได้เลยนะคะ
https://web.facebook.com/fanmoph/posts/347644114057505


ช่องทางติดต่อเกี่ยวกับมาตรการใหม่ในการเดินทางเข้าประเทศ สำหรับผู้เดินทางและโรงแรม และหากผู้เดินทางไม่ได้รับ QR Code ภายใน 5 - 7 วัน หลังจากลงทะเบียน Thailand Pass แล้ว สามารถติดต่อ - ส่งข้อมูลได้ที่ coste@dcc.mail.go.th
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/347833040712767


โรงพยาบาลเอกชนกว่า 100 แห่ง ร่วมดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวกับ สปสช. ผ่านสิทธิบัตรทอง ข้าราชการ พนักงาน อปท.

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายงานความคืบหน้าการเปิดรับสมัครโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่นอกระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เพื่อร่วมดูแลผู้ป่วย โควิด19 กลุ่มสีเขียวได้

ขณะนี้ มีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมแล้วกว่า 100 แห่ง โดยบริการผู้ป่วยโควิด–19 กลุ่มสีเขียวที่ใช้สิทธิบัตรทอง สิทธิข้าราชการ และสิทธิพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งแบบผู้ป่วยนอก (เจอ แจก จบ) และบริการดูแลผู้ป่วยที่บ้านและในชุมชน Home Isolation / Community Isolation) และบริการ Hospitel

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมได้ที่ https://www.nhso.go.th/page/privatehospital_green
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/398012628995459


เตรียมพร้อมก่อนสงกรานต์ "5 องค์กรวิชาชีพ" สนับสนุนการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น

1) วัคซีนโควิด-19 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นโดยส่วนของเชื้อที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม เมื่อมีการ ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจึงทําให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ลดลงอย่างมากในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกินกว่า 3 เดือน จึงควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ถึงแม้การให้วัคซีนเข็มกระตุ้นจะไม่สามารถป้องกันโควิด- 19 สายพันธ์ุโอมิครอนได้ 100%

• ข้อมูลท้ังจากการทดลองและการศึกษาวิจัยพบว่าการให้วัคซีนเข็นกระตุ้นสามารถกระตุ้น ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนได้เพิ่มขึ้น และป้องกันการเกิดโควิด-19 ได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม และที่สําคัญสามารถลด การนอนโรงพยาบาล การเกิดปอดอักเสบ การนอนในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเสียชีวิต ได้ดีกว่า การรับเพียง 2 เข็มมาก

• การศึกษาประสิทธิผลของการใช้วัคซีนในโลกแห่งความจริง (real world study) ที่ยืนยันถึงผลดี ของการให้วัคซีนเข็มกระตุ้นในประเทศต่าง ๆ เช่น อิสราเอล อังกฤษ การ์ตา และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ จากการติดตาม สถานการณ์ภายในประเทศและต่างประเทศ พบว่า ผู้ที่ติดเชื้อและมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตน้ัน ส่วนใหญ่คือ ผู้ที่ยังไม่ได้ รับวัคซีนเลยหรือยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น แม้เป็นผู้สูงอายุหรือมีโรคประจําตัว ถ้าได้รับวัคซีนครบถ้วน ก็มักจะมีอาการเพียง เล็กน้อย และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน หายจากโรคได้ในเวลาอันรวดเร็ว

2) ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิก รวมทั้งงานวิจัยขนาดใหญ่และการศึกษาในโลกแห่งความจริงที่แสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า การได้รับวัคซีนที่มากเกินไปจะทําให้เกิดภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกายและกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้าข้างกับไวรัสและยังไม่มีข้อมูลที่แสดงว่า ผู้ได้รับวัคซีนเมื่อป่วยเป็นโควิด-19 มีการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่กลับพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ซ่วยลดการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งลดการเกิดอาการภายหลังโควิด-19 (long COVID) ด้วย

3) ถึงแม้ในปัจจุบันมีความพยายามผลิตวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพดีต่อเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน แต่ยังคง อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อใช้ในการผลิต จึงยังไม่แน่นอนว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิดใหม่จะสามารถผลิตใช้โดยทั่วไปได้เมื่อไดในอนาคต จึงยังคงมีความจําเป็นที่ต้องรับการกระตุ้นด้วยวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตสําหรับสายพันธุ์ดั้งเดิมไปก่อนในปัจจุบัน

ดังนั้นองค์กรวิชาชีพทั้ง 5 องค์กรจึงขอสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเทศกาลสงกรานต์
https://web.facebook.com/ttraisuree/posts/493267172307027
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่