ขอกล่าวเกริ่นนำถึงระบบราชการของพวกเราชาวไทยก่อนเลยนะครับ
ในสมัยก่อนเราได้มีการรวมอำนาจตามกระแสของยุคนั้นแต่หลังจากปี พ.ศ. 2513 กระแสแนวคิดกระจายอำนาจมันเริ่มมามากขึ้นเรื่อยๆครับ ขนาดในอินโดนีเซียที่เป็นเผด็จการร่วมกับเรามาอย่างยาวนานตอนนี้ยังเริ่มมีการกระจายอำนาจมามากยิ่งขึ้นไปอีกเลยครับ
และในขั้นตอนวิธีการวมอำนาจของเราในยุคนั้นคือการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางและมีการแบ่งอำนาจของราชการส่วนกลางไปยังมณฑล จังหวัด และอำเภอ เราจะเห็นกันได้ว่าอำเภอ คือระดับท้ายสุดของระบบราชการส่วนภูมิภาคโดยจะมี นายอำเภอ จากกรมการปกครองเป็นผู้มีอำนาจมามากที่สุด เป็นหัวหน้าของส่วนราชการระดับอำเภอต่างๆในอำเภอของตัวเอง และบรรดาข้าราชการส่วนภูมิภาคในระดับอำเภอก็จะมีผู้ช่วยคอยดูแลอำเภอของตัวเอง อาทิเช่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้นครับ โดยงานราชการทั้งหลายจะไปกองที่ปลายทางในระดับอำเภอ และมักจะเป็นอย่างนี้ในกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ถ้าประชาชนจะมาทำเอกสารหรือยื่นอะไรก็มักต้องมาทำที่อำเภอ งานก็มากองที่นี่ ก่อนที่หนังสือทั้งหลายจะถูกส่งไปตามระเบียบ ต่อมาเราได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นในระดับ ตำบล กับเทศบาล และมีในระดับจังหวัดเป็นคนสนับสนุนทั้งคู่ เรามักเห็นเลยว่าถนน หรืองานหลายอย่างของท้องถิ่นนั้นมันเร็วกว่าในระดับอำเภอ เพราะท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจเอง มีงบประมาณพอสมควร และสายบังคับบัญชาสั้นมากไม่ต้องส่งไปให้ผู้ใหญ่อะไรให้วุ่นวายเหมือนของ โดยขึ้นตรงและยึดโยงกับประชาชน สิ่งนี้เป็นตัวบังคับ เหมือนที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเอาใจประชาชน นักการเมืองท้องถิ่นก็เหมือนกันครับแต่เพราะมันมีสายบังคับบัญชาที่สั้นกว่ารัฐบาลมากและยึดโยงกับประชาชนท้องถิ่นไปมาก นักการเมืองท้องถิ่นเลยต้องใส่ใจประชาชนมากกว่าและทำงานได้ง่ายและไวกว่าส่วนกลางมากๆเลยครับ โดยการที่นักการเมืองท้องถิ่นจะใส่ใจและทำงานได้ดีแค่ไหนมันขึ้นอยู่กับประชาชนครับ ว่าประชาชนจะมาควบคุมแค่ไหน ถ้าประชาชนควบคุมดีก็จะได้นักการเมืองดีถ้าประชาชนไม่สนใจรับซื้อเสียงก็รับกรรมหมู่ไปครับ แต่ที่ประชาชนเขาไม่สนใจการเมืองท้องถิ่นส่วนหนึ่งก็เพราะเขาคิดว่ามันมีผลกับชีวิตของพวกเขาน้อยเกินไป ถ้าสุดท้ายงานหลายอย่างเขาต้องไปทำกับส่วนภูมิภาคที่ขึ้นกับการเมืองระดับชาติสู้เขาไปให้ความสนใจกับในระดับชาติมันจะไม่ดีกว่าเหรอ ความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนครับ สมมติว่าเราไปเจอคนสองคน คนแรกหน้าตาดีมาก คนสองหน้าตาปานกลาง เราก็สนใจคนแรกมากกว่าจนมักจะละเลยคนที่สองอยู่แล้วครับ แต่ผมไม่ได้จะเสนอให้เราโอนอำนาจให้ท้องถิ่นทันทีแบบมากเกินไปจนหักดิบเลยนะครับ ถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนออกกฎหมายให้มีการทุจริตได้สักสองสามปีหรืออาจเป็นสิบปีไปเลยก็ได้ครับ และผมยังชอบการที่ยังมีส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอยู่นะครับ เพราะ รัฐบาลแห่งชาติ และรัฐบาลท้องถิ่น สองอย่างนี้มีดีกันไปคนล่ะแบบครับ รัฐบาลท้องถิ่น อย่างที่ผมบอกครับ ใกล้ชิดกับประชาชน มีสายบังคับบัญชาที่สั้น มีงบประมาณ และครอบครองอำนาจเป็นของตัวเอง รวมไปถึงรู้ข้อมูลในพื้นที่ของตัวเองมากกว่า การทำงานย่อมคุ้มค่ามากกว่าในกรณีที่เป็นงานขนาดเล็กและอยู่ในพื้นที่ของตัวเองครับ เรียกว่างานอะไรที่อยู่ในพื้นที่และง่ายๆไม่ซับซ้อนอะไรมากก็ยกมันให้แกไปเถอะครับ เช่นพวกงานทำถนน หนทางท้องถิ่นอะไรพวกนี้ครับ งานประปา แกชำนาญอยู่แล้วครับ รู้ว่าบ้านไหนน้ำไหลไม่ไหล ท่อตรงไหนมันดีไม่ดีครับ ถ้าส่วนกลางมาทำต่อให้งบเท่ากันคุณภาพของคนในพื้นที่มันก็ดีกว่าอยู่แล้วครับถ้ามันไม่โกงนะครับ รัฐบาลแห่งชาติ ผมรวมส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคเข้าไว้ด้วยกันเลยนะครับ พวกเขาจะถนัดในงานด้าน การ
ประหยัดโดยเพิ่มขนาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การประหยัดโดยเพิ่มขนาดมันคือ ถ้าการผลิตอะไรถ้ามันมีมากไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว มันจะสามารถประหยัดมากขึ้นไปกว่าเดิมมากครับผมยกตัวอย่างนะครับ ถ้าคุณทำขนมทำมือหนึ่งร้อยชิ้น ต่อวันและเอาไปขาย โดยคุณเอาเวลาเกือบทั้งวันไปทำขนมหนึ่งร้อยชิ้น และถ้าคุณจะซื้อเครื่องทำขนมมาเพื่อทำขนมเพียงหนึ่งร้อยชิ้นมันก็ไม่คุ้มไปเลยครับ ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ตาม แต่ถ้าคุณเปลี่ยนเป็นทำขนมขายพันชิ้นต่อวัน อันนี้มันคุ้มครับ คุณเสียเวลาเพียงชั่วโมงเดียวแต่ได้ขนมพันชิ้นไปขายต่อวันครับ
ถ้าผมเปรียบเทียบมันไปกับการบริหารราชการแผ่นดินแล้วมันก็คือ การทำสิ่งที่ถ้าท้องถิ่นทำแล้วมันไม่คุ้มครับ ในที่นี้อย่างเช่นที่ผมยกตัวอย่างไป ว่าการสร้างถนนกับประปาครับ ถ้าท้องถิ่นทำในสองอย่างข้างบนที่ว่ามานี้มันคุ้มครับ แต่ถ้าจะให้ท้องถิ่นสร้างรถไฟความเร็วสูงหรือเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อใช้สิ่งนี้ในพื้นที่ของตัวเองมันไม่คุ้มครับ คุณลองนึกภาพว่าต้องสร้างรถไฟ เพื่อใช้ใน เทศบาล หรือตำบลของตัวเอง ไม่ก็สร้างเขื่อนขนาดยักษ์เพื่อกั้นแม่น้ำสายหลักที่ตัดผ่านท้องถิ่นตัวเองมันไม่คุ้มครับ แต่ถ้ารัฐบาลแห่งชาติจะทำมัน มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกครับ พวกถนนเล็กๆหรือรถรางขนาดย่อมก็ให้ท้องถิ่นทำมันไปครับหรือไม่ก็พวกแม่น้ำหรือแหล่งน้ำสายเล็กแหล่งเล็กที่ใช้กันในท้องถิ่นก็ยกให้พวกเขาทำมันไปเถอะครับ ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายกันนัก แต่ถ้าเป็นถนนสายใหญ่และเป็นในจำพวกสายหลักในการข้ามจังหวัด หรือไม่ก็รถไฟ และแหล่งน้ำขนาดใหญ๋ที่มากเกินกว่าขนาดของท้องถิ่นอะไรพวกนี้ ก็ให้รัฐฐาลส่วนกลางทำมันไปล่ะกันครับ เพราะถ้ารัฐบาลทำมันคุ้มกว่า ท้องถิ่นร่วมใจส่วนกลางร่วมมือ
เอาล่ะครับมาเข้าเนื้อเรื่องหลักในสิ่งที่ผมอยากจะเสนอล่ะกันนะครับ
หนึ่ง ผมขออธิบายคำศัพท์ที่ผมจะใช้มันไว้อย่างละเอียดนะครับ รัฐบาล ถ้าเป็นรัฐบาลเฉยๆหมายถึงรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลกลางที่ครอบคลุมหน่วยงานในระดับส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเอาไว้นะครับ แต่ถ้ามีคำว่าท้องถิ่นต่อท้ายถึงจะเป็นหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นครับ รัฐบาลท้องถิ่นส่วนบน หมายถึงหน่วยงานปกครองท้องถิ่นที่สูงกว่าในระดับล่างและใหญ่กว่าระดับอำเภอครับ ในตอนนี้ที่เรามีมันอยู่ก็คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างหมายถึง หน่วยงานปกครองท้องถิ่นที่ต่ำกว่าในระดับบนและเล็กกว่าระดับอำเภอครับ ในตอนนี้ที่เรามีมันอยู่ก็คือ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ขอไม่ยกพัทยากับกรุงเทพนะครับเพราะมันแตกต่างและประหลาดมากจนเกินไปครับ โดยทั้งรัฐบาล รัฐบาลท้องถิ่นระดับบน และรัฐบาลท้องถิ่นระดับล่าง ล้วนมีอิสระต่อกันแต่ขึ้นกับประชาชนและอาจร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่ตัวเองดูแลอยู่ครับ
สอง งานที่ทำได้เองเลย เราจะเพิ่มอำนาจ งบประมาณ กำลังคนของรัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างและลดสิ่งเหล่านั้นของรัฐบาลกลางในระดับอำเภอ กล่าวโดยสรุปก็คือเราจะเพิ่มประสิทธิภาพของตำบลกับเทศบาลให้ทำงานในส่วนที่ตัวเองทำได้เองและคุ้มค่าไม่ขัดต่อหลักการ
ประหยัดโดยเพิ่มขนาดให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมครับ เช่นผมบอกไปแล้วว่าเทศบาลหลายแห่งเราไปทำทะเบียนบ้าน แจ้งบัตรประจำตัวประชาชนหาย และทำมันขึ้นมาใหม่ได้เองไม่ต้องไปทำที่อำเภอซึ่งเร็วกว่า ไวกว่า และกระจายไปได้มากขึ้นจากที่ต้องไปที่ว่าการอำเภอ ก็ไปตามเทศบาลได้ สายบังคับัญชาก็สั้น ใกล้ชิดกับประชาชน งานพวกนี้เราให้รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างทำเองเลยครับและส่งเอกสารหลักฐานมาให้ส่วนกลางทีหลังก็ได้ไม่ว่ากัน
สาม งานที่ทำได้แต่ต้องการความช่วยเหลือจากส่วนกลาง อย่างอันแรกคือเรื่องเอกสารพวกบัตรประจำตัวประชาชนใช่ไหมครับ อันนั้นมันแค่งานเอกสารไม่ยุ่งยากซับซ้อน แล้วที่ผมจะมาพูดมันคืองานที่ทำเองได้แต่ถ้าได้การช่วยเหลือก็ดี มันคืองานที่ซับซ้อนพอสมควรและในการทำงานนั้นอาจมีงานที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญบ้างหรือความรู้ด้านวิชาการจำนวนมากบ้างแต่ไม่มากครับ คืองานส่วนใหญ่เรียบง่ายแต่บางครั้งอาจจะเจองานที่มันซับซ้อนครับ
เช่นในระดับภูมิภาคของกรมส่งเสริมการเกษตรที่เล็กที่สุดคือ เกษตรอำเภอนะครับและเกษตรอำเภอจะมีลูกน้องเป็นเกษตรตำบลและฝ่ายธุรการของตัวเองครับแต่ทั้งหมดจะทำงานในสำนักงานเกษตรอำเภอ ส่วนถ้ามีงานพื้นที่ไปในตำบลไหนก็ให้เกษตรตำบลเดินทางไปตำบลนั้นก็ได้ครับ แต่เพื่อลดสายบังคับบัญชาที่ซับซ้อนเราจะให้เกษตรตำบลนั้นไปขึ้นตรงต่อ รัฐบาลท้องถิ่นส่วนล่าง ส่วนเกษตรอำเภอนั้นใหญ่กว่ารัฐบาลท้องถิ่นส่วนล่างก็ให้ขึ้นตรงต่อส่วนภูมิภาคไปเหมือนเดิมครับ เกษตรตำบลที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลท้องถิ่นส่วนล่างก็จะสามารถทำงานที่ตัวเองทำตอนอยู่ส่วนกลางเหมือนเดิมครับ แต่จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเร็วกว่าเพราะมีสายบังคับบัญชาที่สั้นและมีอำนาจที่เป็นอิสระและมีงบเป็นของตัวเองส่วนประชาชนก็จะได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพมากกว่าครับ อาจมีคนสงสัยว่าทำไมไม่ยุบเกษตรอำเภอไปเลย คำตอบคืองานนี้มันซับซ้อนกว่า
งานที่ทำได้เอง ในข้อที่
สองครับ บางทีอาจเจอโรคศัตรูพืชขนาดใหญ่ก็ได้ครับ ฝนแล้ง น้ำท่วม หรือต้องการเครื่องจักรทางการเกษตรเช่นรถไถนาอะไรจำพวกนี้ครับ ซึ่งทั้งครื่องจักรและความรู้ทางวิชาการกับผู้เชี่ยวชาญมันราคาแพงมากเกินไปถ้าใช้ในระดับตำบล กับเทศบาลครับ มันมีค่าใช้จ่ายสูงไปครับไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อใช้ในพื้นที่ขนาดเล็กครับและนั่นมันคืองานของรัฐบาลกลางครับ อะไรที่ถ้าท้องถิ่นทำแล้วมันขัดต่อการ
ประหยัดโดยเพิ่มขนาดและส่วนกลางทำได้คุ้มก็ให้ส่วนกลางครับ เกษตรอำเภอจะอยู่ในฐานะผู้สนับสนุนในเรื่องพวกนี้ ในฐานะของ
ผู้แทนส่วนกลางครับ และมันจะเป็นหน้าที่ใหม่ของระบบราชการส่วนภูมิภาคที่ผมอยากเสนอครับ รวมถึงการเป็นผู้ประสานงานของพื้นที่ต่างๆในอำเภอของตัวเองครับ อย่างเช่นรัฐบาลกลางอยากจะพัฒนาด้านการเกษตรผ่านกระทรวงการเกษตรโดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรออกโครงการมาโครงการหนึ่งเพื่อเป็นโครงการใหญ่ในภาพรวมที่ใหญ่กว่ารัฐบาลท้องถิ่นครับและเขาจะส่งโครงการและงบมาให้เกษตรอำเภอ และเกษตรอำเภอก็จะเรียก รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างมาคุยว่าใครจะเอาโครงการนี้ไปไหมเป็นโครงการพิเศษนอกเหนือจากงานเดิมของรัฐบาลท้องถิ่นและมีงบมาให้โดยถ้ารัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างไหนยอมรับก็จะทำโครงการนี้ในเขตของตัวเองโดยจะมีเกษตรอำเภอมาเป็นคนประสานงาน แต่ถ้ารัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างไหนไม่ยอมรับก็เตรียมหาข้ออ้างดีๆมาตอบว่าทำไมไม่เอาโครงการดีงบฟรีมา ถ้าหาไม่ได้ก็เตรียมโดนประชาชนในพื้นที่นั้นไล่ไปได้เลยครับ และอาจมีแผนพัฒนาด้านการเกษตรที่วางโดยส่วนกลางส่งให้ท้องถิ่น ก็จะให้เกษตรอำเภอเอาแผนนี้มาใช้โดยประสานงานกับรัฐบาลท้องถิ่นหรือไม่ รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างในอำเภอเดียวกันอาจร่วมมือกันวางแผนด้านการเกษตรร่วมกันโดยให้เกษตรอำเภอเป็นคนประสานงานและคนสนับสนุนในฐานะของ
ผู้แทนส่วนกลาง และงานในข้อสามนี้ผมอยากจะให้บังคับใช้กับราชการส่วนภูมิภาคของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกือบทั้งหมดตามสมควรเลยนะครับเพราะถ้าเราสามารถยกระดับเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมงได้เมื่อไหร่นี่จะเป็นยิ่งกว่าโชคดีของพวกเราเลยครับ
สี่ งานที่ใหญ่เกินมือแต่อยากจะช่วย งานนี้เป็นงานที่ซับซ้อนต้องใช้ความรู้ด้านวิชาการสูงและมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากพอครับ เป็นงานที่ใหญ่เกินกว่าท้องถิ่นและขัดต่อการ
ประหยัดโดยเพิ่มขนาดครับ แต่ในทางกลับกันมันเป็นงานที่มีผลใกล้ชิดกับประชาชนโดยตรงและท้องถิ่นสามารถไปเป็น
ผู้แทนประชาชนในขั้นตอนของการประสานงานได้ครับ เช่นงานเรื่องที่ดินครับ งานนี้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านวิชาการเยอะมากเกินไปครับ รวมถึงอาจต้องใช้เครื่องจักรด้วยถ้าจำเป็น เพราะฉะนั้นเราจะให้มันยังค้างอยู่ที่อำเภออันเป็นราชการส่วนภูมิภาคต่อไปครับ แต่รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างจะทำหน้าที่เป็นคนธุรการมาให้แทนที่ครับ ต่อไปถ้าประชาชนจะมาทำเรื่องยื่นขออะไรจากที่ดินอำเภอให้มายื่นเรื่องที่ท้องถิ่นแทนครับและท้องถิ่นจะเป็นคนทำหน้าที่ประสานงานส่งไปให้ทางที่ดินอำเภอ ราชการกับราชการคุยกันง่ายกว่าอยู่แล้วครับ โดยเจ้าหน้าที่นี้อาจมีการอบรมฝึกสอนเบื้องต้นกับขั้นตอนการรับเรื่องและการประสานงานกับทางที่ดินครับ ประชาชนก็จะลดความลำบากการเดินทางไปที่อำเภอ ที่ดินอำเภอก็ลดฝ่ายธุรการไงครับ
กระจายอำนาจแบบไทย ทางออกใหม่ของประเทศเรา
ในสมัยก่อนเราได้มีการรวมอำนาจตามกระแสของยุคนั้นแต่หลังจากปี พ.ศ. 2513 กระแสแนวคิดกระจายอำนาจมันเริ่มมามากขึ้นเรื่อยๆครับ ขนาดในอินโดนีเซียที่เป็นเผด็จการร่วมกับเรามาอย่างยาวนานตอนนี้ยังเริ่มมีการกระจายอำนาจมามากยิ่งขึ้นไปอีกเลยครับ
และในขั้นตอนวิธีการวมอำนาจของเราในยุคนั้นคือการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางและมีการแบ่งอำนาจของราชการส่วนกลางไปยังมณฑล จังหวัด และอำเภอ เราจะเห็นกันได้ว่าอำเภอ คือระดับท้ายสุดของระบบราชการส่วนภูมิภาคโดยจะมี นายอำเภอ จากกรมการปกครองเป็นผู้มีอำนาจมามากที่สุด เป็นหัวหน้าของส่วนราชการระดับอำเภอต่างๆในอำเภอของตัวเอง และบรรดาข้าราชการส่วนภูมิภาคในระดับอำเภอก็จะมีผู้ช่วยคอยดูแลอำเภอของตัวเอง อาทิเช่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้นครับ โดยงานราชการทั้งหลายจะไปกองที่ปลายทางในระดับอำเภอ และมักจะเป็นอย่างนี้ในกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ถ้าประชาชนจะมาทำเอกสารหรือยื่นอะไรก็มักต้องมาทำที่อำเภอ งานก็มากองที่นี่ ก่อนที่หนังสือทั้งหลายจะถูกส่งไปตามระเบียบ ต่อมาเราได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นในระดับ ตำบล กับเทศบาล และมีในระดับจังหวัดเป็นคนสนับสนุนทั้งคู่ เรามักเห็นเลยว่าถนน หรืองานหลายอย่างของท้องถิ่นนั้นมันเร็วกว่าในระดับอำเภอ เพราะท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจเอง มีงบประมาณพอสมควร และสายบังคับบัญชาสั้นมากไม่ต้องส่งไปให้ผู้ใหญ่อะไรให้วุ่นวายเหมือนของ โดยขึ้นตรงและยึดโยงกับประชาชน สิ่งนี้เป็นตัวบังคับ เหมือนที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเอาใจประชาชน นักการเมืองท้องถิ่นก็เหมือนกันครับแต่เพราะมันมีสายบังคับบัญชาที่สั้นกว่ารัฐบาลมากและยึดโยงกับประชาชนท้องถิ่นไปมาก นักการเมืองท้องถิ่นเลยต้องใส่ใจประชาชนมากกว่าและทำงานได้ง่ายและไวกว่าส่วนกลางมากๆเลยครับ โดยการที่นักการเมืองท้องถิ่นจะใส่ใจและทำงานได้ดีแค่ไหนมันขึ้นอยู่กับประชาชนครับ ว่าประชาชนจะมาควบคุมแค่ไหน ถ้าประชาชนควบคุมดีก็จะได้นักการเมืองดีถ้าประชาชนไม่สนใจรับซื้อเสียงก็รับกรรมหมู่ไปครับ แต่ที่ประชาชนเขาไม่สนใจการเมืองท้องถิ่นส่วนหนึ่งก็เพราะเขาคิดว่ามันมีผลกับชีวิตของพวกเขาน้อยเกินไป ถ้าสุดท้ายงานหลายอย่างเขาต้องไปทำกับส่วนภูมิภาคที่ขึ้นกับการเมืองระดับชาติสู้เขาไปให้ความสนใจกับในระดับชาติมันจะไม่ดีกว่าเหรอ ความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนครับ สมมติว่าเราไปเจอคนสองคน คนแรกหน้าตาดีมาก คนสองหน้าตาปานกลาง เราก็สนใจคนแรกมากกว่าจนมักจะละเลยคนที่สองอยู่แล้วครับ แต่ผมไม่ได้จะเสนอให้เราโอนอำนาจให้ท้องถิ่นทันทีแบบมากเกินไปจนหักดิบเลยนะครับ ถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนออกกฎหมายให้มีการทุจริตได้สักสองสามปีหรืออาจเป็นสิบปีไปเลยก็ได้ครับ และผมยังชอบการที่ยังมีส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอยู่นะครับ เพราะ รัฐบาลแห่งชาติ และรัฐบาลท้องถิ่น สองอย่างนี้มีดีกันไปคนล่ะแบบครับ รัฐบาลท้องถิ่น อย่างที่ผมบอกครับ ใกล้ชิดกับประชาชน มีสายบังคับบัญชาที่สั้น มีงบประมาณ และครอบครองอำนาจเป็นของตัวเอง รวมไปถึงรู้ข้อมูลในพื้นที่ของตัวเองมากกว่า การทำงานย่อมคุ้มค่ามากกว่าในกรณีที่เป็นงานขนาดเล็กและอยู่ในพื้นที่ของตัวเองครับ เรียกว่างานอะไรที่อยู่ในพื้นที่และง่ายๆไม่ซับซ้อนอะไรมากก็ยกมันให้แกไปเถอะครับ เช่นพวกงานทำถนน หนทางท้องถิ่นอะไรพวกนี้ครับ งานประปา แกชำนาญอยู่แล้วครับ รู้ว่าบ้านไหนน้ำไหลไม่ไหล ท่อตรงไหนมันดีไม่ดีครับ ถ้าส่วนกลางมาทำต่อให้งบเท่ากันคุณภาพของคนในพื้นที่มันก็ดีกว่าอยู่แล้วครับถ้ามันไม่โกงนะครับ รัฐบาลแห่งชาติ ผมรวมส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคเข้าไว้ด้วยกันเลยนะครับ พวกเขาจะถนัดในงานด้าน การประหยัดโดยเพิ่มขนาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าผมเปรียบเทียบมันไปกับการบริหารราชการแผ่นดินแล้วมันก็คือ การทำสิ่งที่ถ้าท้องถิ่นทำแล้วมันไม่คุ้มครับ ในที่นี้อย่างเช่นที่ผมยกตัวอย่างไป ว่าการสร้างถนนกับประปาครับ ถ้าท้องถิ่นทำในสองอย่างข้างบนที่ว่ามานี้มันคุ้มครับ แต่ถ้าจะให้ท้องถิ่นสร้างรถไฟความเร็วสูงหรือเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อใช้สิ่งนี้ในพื้นที่ของตัวเองมันไม่คุ้มครับ คุณลองนึกภาพว่าต้องสร้างรถไฟ เพื่อใช้ใน เทศบาล หรือตำบลของตัวเอง ไม่ก็สร้างเขื่อนขนาดยักษ์เพื่อกั้นแม่น้ำสายหลักที่ตัดผ่านท้องถิ่นตัวเองมันไม่คุ้มครับ แต่ถ้ารัฐบาลแห่งชาติจะทำมัน มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกครับ พวกถนนเล็กๆหรือรถรางขนาดย่อมก็ให้ท้องถิ่นทำมันไปครับหรือไม่ก็พวกแม่น้ำหรือแหล่งน้ำสายเล็กแหล่งเล็กที่ใช้กันในท้องถิ่นก็ยกให้พวกเขาทำมันไปเถอะครับ ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายกันนัก แต่ถ้าเป็นถนนสายใหญ่และเป็นในจำพวกสายหลักในการข้ามจังหวัด หรือไม่ก็รถไฟ และแหล่งน้ำขนาดใหญ๋ที่มากเกินกว่าขนาดของท้องถิ่นอะไรพวกนี้ ก็ให้รัฐฐาลส่วนกลางทำมันไปล่ะกันครับ เพราะถ้ารัฐบาลทำมันคุ้มกว่า ท้องถิ่นร่วมใจส่วนกลางร่วมมือ
เอาล่ะครับมาเข้าเนื้อเรื่องหลักในสิ่งที่ผมอยากจะเสนอล่ะกันนะครับ
หนึ่ง ผมขออธิบายคำศัพท์ที่ผมจะใช้มันไว้อย่างละเอียดนะครับ รัฐบาล ถ้าเป็นรัฐบาลเฉยๆหมายถึงรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลกลางที่ครอบคลุมหน่วยงานในระดับส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเอาไว้นะครับ แต่ถ้ามีคำว่าท้องถิ่นต่อท้ายถึงจะเป็นหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นครับ รัฐบาลท้องถิ่นส่วนบน หมายถึงหน่วยงานปกครองท้องถิ่นที่สูงกว่าในระดับล่างและใหญ่กว่าระดับอำเภอครับ ในตอนนี้ที่เรามีมันอยู่ก็คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างหมายถึง หน่วยงานปกครองท้องถิ่นที่ต่ำกว่าในระดับบนและเล็กกว่าระดับอำเภอครับ ในตอนนี้ที่เรามีมันอยู่ก็คือ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ขอไม่ยกพัทยากับกรุงเทพนะครับเพราะมันแตกต่างและประหลาดมากจนเกินไปครับ โดยทั้งรัฐบาล รัฐบาลท้องถิ่นระดับบน และรัฐบาลท้องถิ่นระดับล่าง ล้วนมีอิสระต่อกันแต่ขึ้นกับประชาชนและอาจร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่ตัวเองดูแลอยู่ครับ
สอง งานที่ทำได้เองเลย เราจะเพิ่มอำนาจ งบประมาณ กำลังคนของรัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างและลดสิ่งเหล่านั้นของรัฐบาลกลางในระดับอำเภอ กล่าวโดยสรุปก็คือเราจะเพิ่มประสิทธิภาพของตำบลกับเทศบาลให้ทำงานในส่วนที่ตัวเองทำได้เองและคุ้มค่าไม่ขัดต่อหลักการประหยัดโดยเพิ่มขนาดให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมครับ เช่นผมบอกไปแล้วว่าเทศบาลหลายแห่งเราไปทำทะเบียนบ้าน แจ้งบัตรประจำตัวประชาชนหาย และทำมันขึ้นมาใหม่ได้เองไม่ต้องไปทำที่อำเภอซึ่งเร็วกว่า ไวกว่า และกระจายไปได้มากขึ้นจากที่ต้องไปที่ว่าการอำเภอ ก็ไปตามเทศบาลได้ สายบังคับัญชาก็สั้น ใกล้ชิดกับประชาชน งานพวกนี้เราให้รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างทำเองเลยครับและส่งเอกสารหลักฐานมาให้ส่วนกลางทีหลังก็ได้ไม่ว่ากัน
สาม งานที่ทำได้แต่ต้องการความช่วยเหลือจากส่วนกลาง อย่างอันแรกคือเรื่องเอกสารพวกบัตรประจำตัวประชาชนใช่ไหมครับ อันนั้นมันแค่งานเอกสารไม่ยุ่งยากซับซ้อน แล้วที่ผมจะมาพูดมันคืองานที่ทำเองได้แต่ถ้าได้การช่วยเหลือก็ดี มันคืองานที่ซับซ้อนพอสมควรและในการทำงานนั้นอาจมีงานที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญบ้างหรือความรู้ด้านวิชาการจำนวนมากบ้างแต่ไม่มากครับ คืองานส่วนใหญ่เรียบง่ายแต่บางครั้งอาจจะเจองานที่มันซับซ้อนครับ
เช่นในระดับภูมิภาคของกรมส่งเสริมการเกษตรที่เล็กที่สุดคือ เกษตรอำเภอนะครับและเกษตรอำเภอจะมีลูกน้องเป็นเกษตรตำบลและฝ่ายธุรการของตัวเองครับแต่ทั้งหมดจะทำงานในสำนักงานเกษตรอำเภอ ส่วนถ้ามีงานพื้นที่ไปในตำบลไหนก็ให้เกษตรตำบลเดินทางไปตำบลนั้นก็ได้ครับ แต่เพื่อลดสายบังคับบัญชาที่ซับซ้อนเราจะให้เกษตรตำบลนั้นไปขึ้นตรงต่อ รัฐบาลท้องถิ่นส่วนล่าง ส่วนเกษตรอำเภอนั้นใหญ่กว่ารัฐบาลท้องถิ่นส่วนล่างก็ให้ขึ้นตรงต่อส่วนภูมิภาคไปเหมือนเดิมครับ เกษตรตำบลที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลท้องถิ่นส่วนล่างก็จะสามารถทำงานที่ตัวเองทำตอนอยู่ส่วนกลางเหมือนเดิมครับ แต่จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเร็วกว่าเพราะมีสายบังคับบัญชาที่สั้นและมีอำนาจที่เป็นอิสระและมีงบเป็นของตัวเองส่วนประชาชนก็จะได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพมากกว่าครับ อาจมีคนสงสัยว่าทำไมไม่ยุบเกษตรอำเภอไปเลย คำตอบคืองานนี้มันซับซ้อนกว่า งานที่ทำได้เอง ในข้อที่สองครับ บางทีอาจเจอโรคศัตรูพืชขนาดใหญ่ก็ได้ครับ ฝนแล้ง น้ำท่วม หรือต้องการเครื่องจักรทางการเกษตรเช่นรถไถนาอะไรจำพวกนี้ครับ ซึ่งทั้งครื่องจักรและความรู้ทางวิชาการกับผู้เชี่ยวชาญมันราคาแพงมากเกินไปถ้าใช้ในระดับตำบล กับเทศบาลครับ มันมีค่าใช้จ่ายสูงไปครับไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อใช้ในพื้นที่ขนาดเล็กครับและนั่นมันคืองานของรัฐบาลกลางครับ อะไรที่ถ้าท้องถิ่นทำแล้วมันขัดต่อการประหยัดโดยเพิ่มขนาดและส่วนกลางทำได้คุ้มก็ให้ส่วนกลางครับ เกษตรอำเภอจะอยู่ในฐานะผู้สนับสนุนในเรื่องพวกนี้ ในฐานะของผู้แทนส่วนกลางครับ และมันจะเป็นหน้าที่ใหม่ของระบบราชการส่วนภูมิภาคที่ผมอยากเสนอครับ รวมถึงการเป็นผู้ประสานงานของพื้นที่ต่างๆในอำเภอของตัวเองครับ อย่างเช่นรัฐบาลกลางอยากจะพัฒนาด้านการเกษตรผ่านกระทรวงการเกษตรโดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรออกโครงการมาโครงการหนึ่งเพื่อเป็นโครงการใหญ่ในภาพรวมที่ใหญ่กว่ารัฐบาลท้องถิ่นครับและเขาจะส่งโครงการและงบมาให้เกษตรอำเภอ และเกษตรอำเภอก็จะเรียก รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างมาคุยว่าใครจะเอาโครงการนี้ไปไหมเป็นโครงการพิเศษนอกเหนือจากงานเดิมของรัฐบาลท้องถิ่นและมีงบมาให้โดยถ้ารัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างไหนยอมรับก็จะทำโครงการนี้ในเขตของตัวเองโดยจะมีเกษตรอำเภอมาเป็นคนประสานงาน แต่ถ้ารัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างไหนไม่ยอมรับก็เตรียมหาข้ออ้างดีๆมาตอบว่าทำไมไม่เอาโครงการดีงบฟรีมา ถ้าหาไม่ได้ก็เตรียมโดนประชาชนในพื้นที่นั้นไล่ไปได้เลยครับ และอาจมีแผนพัฒนาด้านการเกษตรที่วางโดยส่วนกลางส่งให้ท้องถิ่น ก็จะให้เกษตรอำเภอเอาแผนนี้มาใช้โดยประสานงานกับรัฐบาลท้องถิ่นหรือไม่ รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างในอำเภอเดียวกันอาจร่วมมือกันวางแผนด้านการเกษตรร่วมกันโดยให้เกษตรอำเภอเป็นคนประสานงานและคนสนับสนุนในฐานะของผู้แทนส่วนกลาง และงานในข้อสามนี้ผมอยากจะให้บังคับใช้กับราชการส่วนภูมิภาคของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกือบทั้งหมดตามสมควรเลยนะครับเพราะถ้าเราสามารถยกระดับเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมงได้เมื่อไหร่นี่จะเป็นยิ่งกว่าโชคดีของพวกเราเลยครับ
สี่ งานที่ใหญ่เกินมือแต่อยากจะช่วย งานนี้เป็นงานที่ซับซ้อนต้องใช้ความรู้ด้านวิชาการสูงและมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากพอครับ เป็นงานที่ใหญ่เกินกว่าท้องถิ่นและขัดต่อการประหยัดโดยเพิ่มขนาดครับ แต่ในทางกลับกันมันเป็นงานที่มีผลใกล้ชิดกับประชาชนโดยตรงและท้องถิ่นสามารถไปเป็นผู้แทนประชาชนในขั้นตอนของการประสานงานได้ครับ เช่นงานเรื่องที่ดินครับ งานนี้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านวิชาการเยอะมากเกินไปครับ รวมถึงอาจต้องใช้เครื่องจักรด้วยถ้าจำเป็น เพราะฉะนั้นเราจะให้มันยังค้างอยู่ที่อำเภออันเป็นราชการส่วนภูมิภาคต่อไปครับ แต่รัฐบาลท้องถิ่นระดับล่างจะทำหน้าที่เป็นคนธุรการมาให้แทนที่ครับ ต่อไปถ้าประชาชนจะมาทำเรื่องยื่นขออะไรจากที่ดินอำเภอให้มายื่นเรื่องที่ท้องถิ่นแทนครับและท้องถิ่นจะเป็นคนทำหน้าที่ประสานงานส่งไปให้ทางที่ดินอำเภอ ราชการกับราชการคุยกันง่ายกว่าอยู่แล้วครับ โดยเจ้าหน้าที่นี้อาจมีการอบรมฝึกสอนเบื้องต้นกับขั้นตอนการรับเรื่องและการประสานงานกับทางที่ดินครับ ประชาชนก็จะลดความลำบากการเดินทางไปที่อำเภอ ที่ดินอำเภอก็ลดฝ่ายธุรการไงครับ